10 เมืองปักหมุดสำหรับล่าแสงเหนือ

Traveloka TH
09 Feb 2022 - 2 min read

แสงออโรรา (Aurora) หรือ “แสงเหนือ” ที่เรียกกันติดปาก ปรากฏการณ์ธรรมชาติมีแสงเรืองรองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน ที่มีให้เห็นอยู่เพียงไม่กี่แห่งบนโลกนี้ เน้นๆ แค่ประเทศแถบขั้วโลก ที่จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วงฤดูหนาวที่มีกลางคืนอันยาวนาน ประมาณปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี จุดล่าแสงเหนือใช่จะมีแค่ที่ไอซ์แลนด์ หากแต่ยังมีอีกหลายเมืองๆ ของหลายๆ ประเทศ ที่รอต้อนรับนักล่าแสงเหนือไปสำรวจ เอาเป็นว่าไปดูกัน 10 เมืองปักหมุดสำหรับล่าแสงเหนือสุดท้าทายมีที่ไหนกันบ้าง

1.เมืองเรคยาวิก (Reykjavik)

เมืองปักหมุดสำหรับล่าแสงเหนือของไอซ์แลนด์คือ “เรคยาวิก” (Reykjavik) จุดชมแสงเหนือแบบชัดๆ อยู่แถวประภาคารกรอตต้า (Grótta Lighthouse) บนคาบสมุทรเซลท์ยานาร์เนส (Seltjarnarnes Peninsula) และอุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) ทั้งนี้ไอซ์แลนด์มีช่วงเวลาในการชมแสงเหนือได้ยาวนานถึงปีละ 8 เดือน ตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน - เมษายน

2. เมืองแลปแลนด์ (Lapland)

“แลปแลนด์” เมืองทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ที่มีหมู่บ้านซานตาครอส (Santa Clause Village) ให้เยี่ยมชม และมีจุดปักหมุดสุดฮิตในการตามล่าแสงเหนือ ได้แก่ ทะเลสาบอินารี (Inari Lake) อุทยานแห่งชาติไพฮาลูว์สโต (Pyha Luosto National Park) ไฮไลท์อยู่ที่รีสอร์ทแคสสลอตทาเนน (Kakslauttanen Arctic Resort) ซึ่งมีที่กระท่อมหลังคากระจก (Glass Igloo) ให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปฟินแลนด์ได้นอนชมแสงเหนือแบบชิลๆ

3. เมืองมูรมานสก์ (Murmansk)

อีกหนึ่งเมืองปักหมุดล่าแสงเหนือสุดฮอต คือเมืองมูรมานสก์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของรัสเซีย เป็นเมืองที่เงียบสงบ ธรรมชาติสวยงามสุดๆ แถมยังมีฟาร์มสุนัขพันธุ์ฮัสกี้ (Husky Farm) ให้นั่งรถลากเลื่อนอีกด้วย ส่วนจุดชมแสงเหนืออยู่ที่คาบสมุทรโคลา (Kola Peninsula) ช่วงที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปรัสเซีย เพื่อล่าแสงเหนืออยู่ในช่วงเดือนตุลาคม - พฤษภาคม จุดที่พีคสุดๆ อยู่ที่เดือนกุมภาพันธ์

4. เมืองคิรูนา (Kiruna)

สวีเดนเป็นหนึ่งในลิสต์ทัวร์แสงเหนือที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีจุดป้กหมุดอยู๋ที่เมืองคิรูนา โดยเฉพาะบริเวณอุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ที่ถูกจัดอันดับโดย Loney Planet ให้เป็นอันดับ 1 ของประสบการณ์ชมแสงเหนือที่มีความสว่างไสวที่สุดในโลก มีองค์ประกอบทางธรรมชาติอย่างครบครันทั้งภูเขา ทะเลสาบและน้ำตก โดยเฉพาะที่ “ออโรราสกายสเตชั่น” (Aurora Sky Station) สถานีสำหรับการชมแสงเหนือที่โด่งดังไปทั่วโลก

5. เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks)

เมืองแฟร์แบงค์ในรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา อยู่ในตำแหน่งใต้วงแหวนออโรรา ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมแสงเหนือที่ดีที่สุดของอเมริกา แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินไปอลาสกาในช่วงเดือนกันยาไปจนถึงเมษา จะเป็นช่วงที่เห็นได้สวยงามที่สุด ที่นี่ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้เพลิดเพลิน ทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์น้ำแข็งออโรรา (Aurora Ice Museum) นั่งจิบค็อกเทลที่บาร์น้ำแข็ง หรือแช่น้ำพุร้อนที่น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs)

6. เมืองเยลโลว์ไนฟ์ (Yellow Knife)

“เยลโลว์ไนฟ์” อีกหนึ่งเมืองปักหมุดล่าแสงเหนือของแคนาดา ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของชายฝั่งทะเลสาบเกรตสเลฟ (Great Slave Lake) ของนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ (Northwest Territories) โดยจุดที่สวยที่สุดอยู่ที่ “ออโรราวิลเลจ” (Aurora Village) ซึ่งมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจนแบบ 360 องศา เพราะอยู่ห่างจากวงกลมอาร์กติกเพียง 400 กิโลเมตรเท่านั้น

7. เมืองทรอมโซ (Tromso)

เมืองทรอมโซ เมืองท่องเที่ยวชื่อดังตั้งอยู่เหนือเส้นวงกลมอาร์กติก 350 กิโลเมตร หนึ่งในเมืองแห่งแสงเหนือที่ดีที่สุดของนอร์เวย์ เพราะอยู่ท่ามกลางวงแหวนออโรรา(Aurora Oval) พอดี สามารถเห็นแสงเหนือได้เกือบทุกคืนที่ท้องฟ้าโล่ง ช่วงที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบืนไปนอร์เวย์ เพื่อชมแสงเหนือสุดตระการตาคือ ช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม นอกจากนี้ยังมีเมืองอันเดเนส (Andenes) เป็นจุดแนะนำเช่นกัน

8. เมืองอิลูลิสแซท (Ilulissat)

กรีนแลนด์ เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยเมืองที่นักท่องเที่ยวมักจะจองตั๋วเตรื่องบินเพื่อไปเที่ยวชมแสงเหนือกันที่ทะเลสาบออโรลา (Lake Aurora) เมืองอิลูลิสแซท (Ilulissat) ในฤดูหนาว และในช่วงฤดูร้อนจะเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนให้ได้ชมกัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อย่างเช่น ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็ง นั่งสุนัขลากเลื่อน และพายเรือคายักในแม่น้ำสีฟ้ากลางทะเลน้ำแข็ง นอกจากนี้ยัง สามารถชมแสงเหนือได้เกือบทั่วทั้งประเทศอีกด้วย

9. เมืองอเบอร์ดีน (Aberdeen)

สก๊อตแลนด์มีเมืองปักหมุดล่าแสงเหนืออยู่ที่เมืองแอเบอร์ดีน (Aberdeen) ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “มืองแห่งดอกกุหลาบ” นอกจากนี้ยังมีจุดอื่นๆ ให้ชมอย่างเช่น เกาะสกาย (Isle of Skye) และคาบสมุทรดันเนตเฮด (Dunnet Head) ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับดูแสงเหนือสกอตแลนด์คือ ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ แต่หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่สกอตแลนด์นั้นจะมีโอกาสชมแสงเหนือที่น้อยกว่า เพราะมีพายุ หมอกแ และเมฆเป็นอุปสรรค

10. หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands)

จุดปักหมุดสุดท้ายสำหรับนักล่าแสงเหนือ “หมู่เกาะแฟโร” แห่งเดนมาร์ก เกาะสวรรค์กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับในเรื่องของทัศนียภาพที่งดงามของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ภูเขารูปทรงแปลกตา และหมู่บ้านเล็กๆ แสนน่ารัก ใครมาเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ของทุกปีจะได้เห็นแสงเหนืออันตระการตา ถ้าไม่อยากพลาด แนะนำให้เช็คสภาพอากาศก่อนจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka

เมื่อเลือกจุดหมายปลายทางได้แล้ว ก็อย่ารอช้าจองตํ๋วเครื่องบินและโรงที่พักกับ Traveloka ไว้รอท่าได้เลย จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม ทั้งด้านสุขภาพร่างกาย และอุปกรณ์กันหนาวต่างๆ ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการล่าแสงเหนือเป็นอย่างยิ่ง และที่จะลืมเสียไม่ได้คือ ใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ครบโดสด้วยนะ

Hotels
Flights
Things to Do
Always Know the Latest Info
Subscribe to our newsletter for more travel & lifestyle recommendations and exciting promos.
Subscribe