หากความกลมกล่อมของเมนูอาหารเกิดขึ้นจากส่วนผสมที่ลงตัว ปารีสเองก็มาพร้อมกับความกลมกล่อมที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ผสานความคลาสสิกของศิลปะและประวัติศาสตร์ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง
หาก “คุณ” เป็นอีกคนที่เฝ้ามองหาโอกาสที่จะได้สัมผัสกับรสกลมกล่อมของเมืองใหญ่อย่างปารีส แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทัวร์เที่ยวแลนด์มาร์คในกรุงปารีสอย่างไรให้ครบจบได้ในเวลา 1 - 3 วัน ลองมาปักหมุดเที่ยว 10 แลนด์มาร์คทั่วปารีสด้วยตัวเอง พร้อมเช็กตารางทัวร์และวิธีเดินทางแบบครบจบได้ทันที
แต่ก่อนจะไปดูแต่ละแลนด์มาร์คกัน อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสให้พร้อม ง่าย ๆ เพียงเปิด Traveloka แอปเที่ยวตัวท็อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหาดีลตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และทุกกิจกรรมที่ต้องการในราคาที่ดีที่สุด แต่หากใครจองตั๋วและปักหมุดที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มารู้จักแต่ละแลนด์มาร์คในบทความนี้ไปพร้อมได้กันเลย!
มาเริ่มต้นทัวร์กันที่ย่านทางเหนือของกรุงปารีสอย่าง “มงต์มาร์ต” เพื่อดื่มด่ำไปกับจิตวิญญาณของศิลปินทุกยุคสมัยที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกสถานที่ ตั้งแต่ “พิพิธภัณฑ์มงมาร์ต” ที่รวมงานของศิลปินชื่อดังมากมายเอาไว้ไปจนถึง “มหาวิหารซาเครเกอร์” ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของกรุงปารีส ทำให้สามารถมองเห็นวิวของเมืองหลวงแห่งนี้ได้แบบ 360 องศา
แนะนำให้ลองไปขึ้นรถเมโทรที่สถานี Abbesses ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของ Wall of Love หรือหากใครไม่อยากขึ้นรถเมโทร สามารถเดินตรงมายังย่านปีกัลล์ (Pigalle) ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยคาบาเรต์ ไม่เว้นแม้แต่ Moulin Rouge อันเลื่องชื่อ จากนั้นยังสามารถเดินไปเยี่ยมชมสุดยอดสถาปัตยกรรมฟื้นฟูบาโรกอย่าง Paris Opera ก็ได้เช่นกัน
สำหรับใครที่นั่งรถเมโทรจากสถานี Abbesses มา เมื่อได้ยินชื่อสถานี Concorde ให้รีบลงโดยด่วน เพราะตอนนี้เรากำลังจะไปบุกแลนด์มาร์คสำคัญของฝรั่งเศสอย่างพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ สวนทุยเลอรี และ จัตุรัสคองคอร์ด
ทั้ง 3 แลนด์มาร์คดังกล่าวถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ โดยพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์คือหนึ่งในสถานที่ที่รวบรวมผลงานทางศิลปะที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งภายในจะมีการจัดแสดงภาพผลงานชิ้นเอกของโลกมากมาย รวมไปถึง “ภาพโมนาลิซ่า”
ในขณะที่ “สวนทุยเลอรี” เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมมรดกยูเนสโกที่ยังคงอยู่หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งภายในสวนแห่งนี้จะมีการจัดแสดงภาพศิลปะหายากอยู่โดยรอบ ทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ออรองเจอรีที่เป็นที่จัดแสดงงานศิลปะชื่อดังมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือภาพของ Claude Monet ที่ใคร ๆ ต่างก็ตกหลุมรัก
ที่สำคัญ จัตุรัสคองคอร์ด ที่มาพร้อมกับเสาหินโอเบลิสก์ (The Luxor Obelish) อายุมากกว่า 3,000 ปี ในอดีตยังเป็นลานประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และ พระนางมารีอังตัวเนตด้วยเครื่องกิโยตินตั้งแต่สมัยปฏิวัติฝรั่งเศสอีกด้วย
ขอแนะนำให้เดินตรงมายังสถานีรถบัส Pont des Arts เพื่อรอรถหมายเลข 27 จากนั้นจึงมุ่งตรงไปยังสถานี Pont Neuf - Quai des Orfèvres เพื่อเยี่ยมชมสะพานอันเลื่องชื่ออย่าง Pont Neuf หรือใครจะเดินย้อนมาถ่ายรูปที่สะพานต่อก็ได้เช่นกัน
Sainte-Chapelle เป็นที่ตั้งของ “โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์” ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสถาปัตยกรรมยุคโกธิก ภายในมีศิลปะกระจกสีแบบโบราณให้ได้รับชม เดินถัดมาจาก “โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์” อีกสักเล็กน้อยก็จะเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์คสำคัญใจกลางปารีสอย่าง “มหาวิหารนอเทรอดาม” หรือ Notre Dame Cathedral ซึ่งเป็นมหาวิหารแห่งแรกที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโกธิกที่ภายนอกและภายในอัดแน่นไปด้วยศิลปะยุคโบราณมากมาย ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งโลเคชันที่มักนำไปประกอบฉากภาพยนตร์และอนิเมชันต่าง ๆ อีกด้วย
หากใครพร้อมจะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปแล้ว ขอแนะนำให้เดินข้ามมายังสถานีรถบัส Cité - Parvis Notre-Dame เพื่อนั่งรถหมายเลข 75 ไปลงยังสถานี Panthéon หรือหากใครสะดวกก็สามารถเดินตรงมายังถนน Saint-Michel เพื่อชมเมืองปารีสต่อก็ได้เช่นกัน
เมื่อลงรถบัสที่สถานี Panthéon ลองเดินต่อออกมาอีกสัก 280 เมตร ทุกคนก็จะได้พบเจอกับ “มหาวิหารแพนธีออน” ซึ่งเป็นมหาวิหารสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกที่หาชมได้ยาก
โดยในปัจจุบัน มหาวิหารแห่งนี้ได้กลายเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีภาพศิลปะหาชมได้ยากอยู่มากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่ฝังศพของบุคคลสำคัญอย่าง “วิกเตอร์ อูโก” ผู้แต่ง Les Misérables รวมไปถึง “วอลแตร์” “ฌอง ฌากส์ รุสโซ” และ “มาดามมารี กูรี”
หลังจากเดินทางมาค่อนวัน มั่นใจว่าหลายคนเองก็คงเริ่มเหนื่อย ดังนั้น หมุดที่ 5 ต่อไปจึงจะเป็นการพาไปทัวร์แลนด์มาร์คของปารีสที่มาพร้อมกับบรรยากาศผ่อนคลายกันสักหน่อย ว่าแล้วก็อย่ารอช้า รีบขึ้นรถบัสที่สถานี Panthéon สายที่ 84 ไปลงที่สถานี Sénat กัน
หลังจากลงที่สถานี Sénat แล้ว ตอนนี้เราก็ถึง Luxembourg ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังลุกซ็องบูร์ที่ได้รับการออกแบบให้คล้ายกับเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระราชินีมารีอา เด เมดีชี แห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 กันแล้ว
โดยก่อนที่จะเข้าสู่ตัวพระราชวังลุกซ็องบูร์ ด้านหน้ายังมีร้านอาหารและคาเฟ่ให้ได้เลือกเติมพลังกันก่อนได้ และเมื่อเข้าไปยังที่ตัวพระราชวังลุกซ็องบูร์ ทุกคนยังสามารถเข้าไปเยี่ยมชมศิลปะของจิตรกรชื่อดังมากมาย หรือ จะนั่งผ่อนคลายที่บริเวณสวนด้านหน้า หรือ ลานพุทะเลสาบก่อนไปต่อยังหมุดต่อไปก็ได้เช่นกัน
หากใครยังต้องการเติมพลังต่อ ด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของกรุงปารีส ขอแนะนำให้เดินต่อมายังที่ถนน Rue de Tournon toward Rue Saint-Sulpice จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงมายังถนน Saint-Germain ก็จะเจอกับร้านรวงมากมาย จะแวะชิมหรือแวะช้อปก็ตามใจชอบได้เลย
“แซงต์ แฌร์แม็ง เดส์ เพร” เป็นแลนด์มาร์คเก่าแก่ของปารีสที่ไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งเท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยร้านอาหารดั้งเดิมของฝรั่งเศสมากมาย ทั้งยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่แห่งแรกในกรุงปารีสอย่าง Café de Flore อีกด้วย
นอกจากนี้ หากใครยังต้องการเยี่ยมชมงานศิลปะ ย่าน Saint-Germain-des-Prés ยังมีหอศิลป์ รวมไปถึงโรงเรียนวิจิตรศิลป์อย่าง Ecole des Beaux Arts ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ช่วงยุคกลางให้ได้เลือกชมงานศิลปะและประวัติศาสตร์อีกด้วย
ได้เติมพลังและแวะช้อปปิ้งกันเป็นที่เรียบร้อย เดินกลับมายังสถานีรถบัส Michel Debré เพื่อขึ้นรถสาย 84 จากนั้นมุ่งตรงไปยัง Solferino - Bellechasse เพื่อเตรียมเพลิดเพลินไปกับหมุดหมายที่ 7 กันต่อได้เลย
“ออร์แซ” มาพร้อมกับแลนด์มาร์คสำคัญของปารีสอย่าง “พิพิธภัณฑ์ออร์แซ” ที่สร้างขึ้นมาจากสถานีรถไฟออร์แซเก่า โดยภายในมีการจัดแสดงงานศิลปะมากกว่า 2,000 ชิ้น ทั้งยังมีประติมากรรมชิ้นเอกของโลกจัดแสดงอยู่หลายชิ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ออร์แซยังตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแซน ทำให้ออร์แซแห่งนี้กลายเป็นจุดชมวิวสำคัญที่ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องความสวยงาม เงียบสงบ ทั้งยังโรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย
รอบนี้ลองเปลี่ยนจากการนั่งรถบัสมาเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินกันบ้าง ถ้าพร้อมไปหมุดต่อไปแล้ว รีบเดินไปยังสถานีเมโทร Invalides จากนั้นนั่งมายังสถานี Saint-François-Xavier กันได้เลย
“เล แซ็งวาลีด” ถือเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสที่สำคัญ ภายในย่านแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุสานนโปเลียน พิพิธภัณฑ์ทหารผ่านศึก และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับใครที่อาจจะยังไม่มีเวลามาก ขอแนะนำให้ลองเดินเยี่ยมชมภายในส่วนของโดมของเล แซ็งวาลีดก็ได้เช่นกัน
จบไปแล้วถึง 8 แลนด์มาร์คสำคัญของฝรั่งเศส ทีนี้ก็จะเข้าสู่ช่วงไฮไลท์สำคัญในจุดหมายที่ 9 และ 10 หากใครพร้อมแล้ว เดินทางกันต่อกับหมุดที่ 9 กันได้เลย ซึ่งการเดินทางนั้นจะเริ่มต้นจากการเดินมาขึ้นรถบัสที่สถานี Vauban Hôtel des Invalides จากนั้นนั่งรถสาย 82 มาลงที่สถานี Tour Eiffel
เมื่อพูดถึงแลนด์มาร์คของฝรั่งเศส ไม่ว่าใครต่างก็คิดถึง Eiffel Tower เป็นธรรมดา โดยหอไอเฟลนี้ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในทุกด้านของประเทศฝรั่งเศส โดยหอไอเฟลนั้นมีความสูงถึง 324 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 81 ชั้นเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ต้องการชื่นชมความงามของหอไอเฟล หรือ ถ่ายรูปเพื่อทำคอนเทนต์ ขอแนะนำให้ลองเดินไปยังสวนทรอกาเดโร (Trocadéro) เพื่อชมวิวของหอไอเฟลในระยะใกล้แบบไม่มีอะไรมาบดบังวิว ทั้งยังรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีสันสดใส ทำให้เห็นวิวที่สวยน่าประทับใจมากเลยทีเดียว
ได้ชื่นชมหอคอยไอเฟลจนจุใจแล้ว ตอนนี้ทุกคนก็ได้เดินทางมาถึงหมุดสุดท้ายซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของทัวร์ในครั้งนี้ โดยทุกคนสามารถเดินทางได้ง่าย ๆ เพียงเดินกลับไปขึ้นรถบัสที่สถานี Tour Eiffel จากนั้นนั่งรถสาย 30 มาลงยังสถานี Charles de Gaulle - Etoile - Kléber ต่อได้เลย
เมื่อลงมาจากรถบัส เพียงเดินข้ามถนนมาอีกสักเล็กน้อย ทุกคนก็จะได้พบเจอกับ “ประตูชัยฝรั่งเศส” หรือ Arc de Triomphe ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญสำหรับฝรั่งเศสและปารีสเลยก็ว่าได้ โดยประตูชัยดังกล่าวนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ที่ได้รับชัยชนะจากยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์
โดยหลังจากที่ชื่นชมประตูชัยฝรั่งเศสเรียบร้อย หากยังมีแรงเหลือ หรือ ต้องการเติมพลังงานหลังจากจบทัวร์ ทุกคนยังสามารถเดินต่อไปยังถนนฌ็องเซลิเซ่ เพื่อช้อปปิ้งหรือจะลิ้มลองอาหารจากร้านดัง ไปจนถึงการชื่นชมศิลปะอาร์ตเดโคและอาร์ตนูโวตลอดข้างทาง
จบลงไปแล้วกับโปรแกรมทัวร์ 10 แลนด์มาร์ครอบปารีสที่ทุกคนสามารถเที่ยวสนุกแบบครบจบได้ภายใน 1 - 3 วัน หวังว่าทั้ง 10 แลนด์มาร์คที่นำมาฝากนี้จะถูกใจและช่วยให้ทุกคนได้ลิ้มลองความกลมกล่อมของกรุงปารีสได้แบบครบถ้วน หากใครอยากจะเที่ยวฝรั่งเศสได้อย่างคุ้มค่า อย่าลืมเปิด Traveloka แอปเที่ยวตัวท็อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหาตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศสพร้อมที่พัก และทุกดีลสำคัญในราคาที่ดีที่สุด ดาวน์โหลดแอปฯ ได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play Store