นาทีนี้ อะไรจะดีไปกว่าการมูเตลู! เพราะเราเชื่อว่าบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้นน่าจะเป็นที่พึ่งทางใจให้ใครหลายคนอยู่ในภาวะแบบนี้ แล้วเมื่อพูดถึงพิกัดที่มีแหล่งมูให้เลือกแบบแน่นๆ เลยนะ เชื่อว่าหลายคนต้องยกให้ภาคอีสานนี่ละที่ยืนหนึ่ง วันนี้เราเลยจะชวนไปปักหมุดพิกัดมูเด็ดๆ ของภาคอีสานกันดูซักที เลือกจุดมูกันให้เต็มที่ แล้วจะให้ดีก็ต้องไปจองตั๋วเครื่องบินภาคอีสานกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app เข้าไปเลือกมองหาตั๋วเครื่องบินราคาดีที่จองง้ายง่าย แล้วเตรียมตัวไปมูเตลูกันให้จุใจวันนี้พรุ่งนี้เลยจ้า มุ่งมั่นกันเบอร์นี้ ชีวิตไม่ดีก็ให้มันรู้ไป!
พิกัดมูสุดอลังการซึ่งมีความเก๋ตรงที่เป็นพญานาคใน 3 รูปแบบ 3 สถานที่ แต่ทั้งหมดอยู่ในแนวเส้นลองติจูดเดียวกันคือ 104 องศา 43 ลิปดา เริ่มจากองค์พญานาคดินหรือพญาศรีภุชงค์มุกดานาคราชสีขาวบริสุทธิ์ริมแก่งกะเบา ซึ่งเชื่อกันว่าจะให้ความมั่นคง มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ และร่ำรวย ต่อกันที่องค์พญานาคน้ำหรือพญาอนันตนาคราชริมสะพานมิตรภาพไทย - ลาวแห่งที่ 2 ซึ่งเชื่อว่าจะให้ความร่มเย็น ร่มรื่น และราบรื่นแก่ผู้คน ปิดท้ายที่องค์พญานาคฟ้าหรือพญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราชบนภูเขามโนรมย์กับความเชื่อในเรื่องความเติบโต เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า นี่คือพิกัดที่สายมูต้องมาให้ได้เชียว
เชื่อกันว่าถ้ำนี้คือเส้นทางที่พญานาคใช้ติดต่อกับเมืองบาดาล เพราะด้านในถ้ำจะมีความชื้นและบางส่วนมีแอ่งน้ำขังอยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังมีลักษณะเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งว่ากันว่ามีบางส่วนเชื่อมต่อกับแม่น้ำโขง ระยะทางเดินภายในถ้ำนั้นมีความยาวประมาณ 300 เมตร เส้นทางบางช่วงเป็นโพรงเล็กๆ และมีเพดานค่อนข้างต่ำ ทำให้อาจจะต้องมีการมุดหรือย่อกันบ้างน้า ตลอดเส้นทางมีการติดไฟให้สีสันสวยงามสะดุดตา การเข้าไปถ้ำนี้ต้องมีไกด์ท้องถิ่นเข้าไปด้วยนะเพื่อความปลอดภัย แถมยังจะได้ฟังเรื่องราวต่างๆ สนุกยิ่งขึ้นไปอีกจ้า ใครเป็นสายพญานาคอย่าพลาดเชียว
อยากตื่นตาตื่นใจกับการได้มากราบองค์พระปางประทานพรที่สูงที่สุดในเมืองไทย ก็ต้องปักหมุดไปที่วัดนี้เลยจ้ะ ด้วยความสูงกว่า 67 เมตร เราจึงจะได้เห็นองค์พระใหญ่หรือพระพุทธรัตนมงคลมหามุนียืนเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล ด้านหลังองค์พระมีองค์เจดีย์ซึ่งด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดียให้ได้กราบสักการะกัน ว่ากันว่าการมากราบองค์พระใหญ่แห่งนี้จะมีอานิสงส์สูงเทียมเมฆเทียมฟ้า ทำการอันใดก็สำเร็จสมดังตั้งใจ มีโอกาสเมื่อไหร่ อย่าพลาดการมากราบองค์พระใหญ่ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดกัน
เชื่อกันว่านี่คือองค์พระธาตุประจำตัวของผู้ที่เกิดในวันพุธตอนกลางคืนซึ่งเป็นเวลาของพระราหู และยังเชื่อกันอีกว่าในบริเวณวัดนี้ยังมีจุดศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีพญานาคอารักขาอยู่ถึง 3 องค์ด้วยกัน แถมองค์พระธาตุของวัดนี้ยังหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทิศที่มีพระอรหันต์ประจำทิศเป็นองค์พระสิวลี ที่ว่ากันว่าเป็นองค์พระซึ่งเป็นเลิศในเรื่องของโชคลาภด้วยจ้า นี่จึงเป็นหมุดหมายที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้ได้มามูกันนะ มาเที่ยวเดียวครบจ้า คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินกันแน่นอน
วัดสุดร่มรื่นท่ามกลางผืนป่าบนภูเขาห่างจากอำเภอเมืองเพียงแค่ 17 กิโลเมตรแห่งนี้ เป็นพิกัดซึ่งสายมูน่าจะแฮปปี้เชียวละ เพราะภายในวัดเต็มไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์นานารูปแบบ ตั้งแต่องค์พระประจำวันแกะสลักบนผาหิน พระนอนองค์ใหญ่บนก้อนหินไซส์ยักษ์ เจดีย์หินสีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเขาพระสุเมรุ รอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ รูปแกะสลักองค์พญาครุฑ องค์พระนาคปรกซึ่งประดิษฐานใต้พญานาคสุดอลังการ รวมถึงพญาเต่าภูผาแด่นมหาโพธิสัตว์และราหู บอกเลยว่าสายมูได้แวะกราบบูชากันแบบจุกๆ แน่นอน
วัดเก่าแก่ของเมืองขอนแก่นที่มาพร้อมกับตำนานเรื่องเล่าสุดมหัศจรรย์ ว่ากันว่าบริเวณที่สร้างองค์เจดีย์พระธาตุขามแก่นนั้นเดิมเป็นเพียงตอไม้ที่ตายไปแล้วเหลือเพียงแก่นไม้ แต่เมื่อมีขบวนอัญเชิญพระอุรังคธาตุขององค์พระพุทธเจ้าผ่านมา แวะพักแรมแล้วนำเอาห่อพระอังคารธาตุไปวางเอาไว้ ก็เกิดทำให้แก่นไม้นั้นกลับฟื้นมีชีวิตผลิดอกออกใบขึ้นมาอีกครั้ง ในภายหลังจึงมีการสร้างเจดีย์แล้วบรรจุพระอังคารธาตุไว้ข้างใน เชื่อกันว่าหากได้มานมัสการที่นี่แล้วจะทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดีเหมือนต้นไม้ตายที่ฟื้นขึ้นมาได้ แบบนี้สายมูไม่มาไม่ไหวแล้วจ้า
วัดนี้สร้างขึ้นบนพุทธสถานโบราณอายุนับพันปี เนื่องจากมีการค้นพบใบเสมาหินในสมัยทวารวดีแห่งเดียวของเมืองไทยซึ่งสร้างขึ้นในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 13 - 14 และเชื่อกันว่าวัดนี้เป็นสถานที่อีกแห่งที่มีการเก็บพระอังคารธาตุขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ ตัววัดสร้างบนปากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว ซึ่งเมื่อมองจากด้านบนจะเห็นภูเขาเป็นลักษณะคล้ายพญาครุฑนอนคว่ำหน้า โดยมีตัววัดตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นไหล่ด้านซ้าย วัดนี้สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมประยุกต์หลากหลายรูปแบบจึงมีหลายมุมที่สวยแปลกตา ทำเลที่ตั้งปังขนาดนี้ นี่จึงเป็นอีกวัดที่ควรแวะมามูกัน
ว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดซึ่งมีความลึกที่สุดของแม่น้ำโขงกันเลยละ บ้างก็ว่ามีความลึกถึงประมาณ 200 เมตรเลยจ้า แต่อีกหลายเสียงก็เชื่อว่าบริเวณนี้นั้นมีความลึกที่ไม่สามารถประมาณได้ จึงทำให้เกิดเป็นน้ำวนรูปกรวยขนาดใหญ่ ว่ากันว่าตรงนี้มีโขดหินและถ้ำใต้น้ำอยู่ด้านล่าง เชื่อกันว่าที่นี่จะเป็นแหล่งรวมของบรรดาพญานาคทั้งหลาย เนื่องจากบริเวณนี้จะมีบั้งไฟหนาแน่นกว่าที่อื่นในช่วงวันเข้าพรรษา และยังมีความเชื่อว่าที่นี่เป็นที่อาศัยของพระอุปคุตด้วยนะ ปักหมุดไว้ได้เลยจ้า เป็นอีกพิกัดที่สายมูไม่มาไม่ได้จริงๆ
หากมองหาวัดสวยที่สามารถแวะมาได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืนนะ ขอแนะนำว่าจะพลาดวัดนี้ไปไม่ได้ เพราะช่วงกลางวันก็จะได้เห็นพระอุโบสถสวยซึ่งจำลองแบบมาจากวัดเชียงทองเมืองหลวงพระบาง และงานสถาปัตยกรรมที่งดงามอ่อนช้อยมากมาย ส่วนในช่วงกลางคืนซึ่งถือเป็นไฮไลท์ ก็จะได้เห็นความวิจิตรตระการตาของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงบนผนังโบสถ์ และสีสันสดใสของบรรดาดอกไม้เรืองแสงที่อยู่รายรอบพื้นที่ ถึงจะไม่ได้เป็นพิกัดซึ่งมีชื่อเสียงมากมายในเรื่องมูนะ แต่เรื่องความสวย Unseen วัดนี้ไม่เป็นรองใครจ้า แวะมาไม่เสียเที่ยวแน่นอน
องค์พระธาตุซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นสักขีพยานของความสามัคคีกันระหว่างไทยและลาวในยุคนั้น ซึ่งต่างตกลงสงบศึกจับมือกันเพื่อรับศึกจากพม่าที่กำลังเรืองอำนาจและรุกรานอาณาจักรต่างๆ มากมาย ซึ่งนี่เป็นที่มาของข้อห้ามในการใส่เสื้อผ้าหรือนำข้าวของที่มีสีแดงเข้าไปบริเวณองค์พระธาตุ เนื่องจากเชื่อว่าสีแดงนั้นเปรียบเหมือนเลือดจึงไม่เหมาะกับพระธาตุซึ่งแสดงถึงความสมัครสมานสามัคคี ว่ากันว่าใครมาขอพรที่นี่แล้วนำต้นผึ้งซึ่งเป็นโครงไม้ไผ่ประดับด้วยดอกเทียนมาถวาย ก็มักจะได้สมใจตามคำขอด้วยนะ จะจริงหรือไม่ก็ต้องมาลองกันเองเด้อ
หลายคนอาจรู้จักที่นี่ในชื่ออุทยานเทวาลัยหรือวัดแขก ซึ่งเป็นพิกัดที่ได้รับการสร้างขึ้นมาในคอนเซ็ปท์ที่เชื่อว่าทุกศาสนานั้นอยู่ร่วมกันได้ บริเวณพื้นที่ด้านในของที่นี่จึงจะได้พบเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่มากมายหลากหลายรูปแบบกันเลยจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปลักษณะแปลกตา รวมถึงบรรดาองค์เทพจากทั้งศาสนาฮินดู คริสต์ และพราหมณ์ ใต้ฐานรูปปั้นมีคำบรรยายจารึกถึงเทพแต่ละองค์เอาไว้ให้เราได้เรียนรู้และศึกษา เป็นพิกัดที่เหมาะทั้งกับสายอาร์ตที่ชอบงานศิลปะและสายมูเตลูทั้งหลาย มาหนองคายเมื่อไหร่ลองแวะมา
เมื่อพูดถึงพิกัดมูเตลูในภาคอีสาน จะข้ามผ่านที่นี่ไปก็คงไม่ได้ เพราะคำชะโนดนั้นนับว่าเป็นจุดหมายหลักของสายมูมาแล้วเนิ่นนาน ด้วยตำนานเรื่องเล่าอาถรรพ์ลึกลับของเหล่าวิญญาณ รวมถึงความเชื่อในเรื่องของเมืองบาดาลและพญานาคด้วยจ้า เชื่อว่าสายมูทั้งหลายต้องเคยไปไหว้ขอพรที่นี่กันมาบ้างแล้วละ จริงมั้ย? โดยเฉพาะบรรดาคนที่ชอบเรื่องการเสี่ยงโชคทั้งหลายนั้นยิ่งต้องปักหมุดเอาไว้เลยจ้า เพราะนี่คือพิกัดที่หลายคนเคยประสบความสำเร็จจากการเสี่ยงโชคกันมานักต่อนักแล้วนะ ใครอยากเป็นเศรษฐีปักหมุดไว้เลยจ้ะ สะดวกเมื่อไหร่มาลุ้นกันได้เลย
พิกัดเดินทางง่ายใจกลางเมืองปราสาทสายฟ้า แน่นอนว่าทุกจังหวัดก็ต้องมีศาลหลักเมืองทั้งนั้นละ แต่ความพิเศษของศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ก็คือการมีเสาหลักเมืองถึงสองต้นด้วยกัน สันนิษฐานว่าต้นแรกนั้นเกิดขึ้นในสมัยที่รัชกาลที่ 1 ทรงหยุดพักทัพบริเวณนี้เนื่องจากเห็นว่ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการอยู่อาศัย รวมถึงมีต้นแปะอยู่มากมายจึงทรงเรียกที่นี่ว่าเมืองแปะนั่นเองจ้า ส่วนเสาหลักเมืองต้นที่สองนั้นน่าจะสร้างขึ้นในสมัยที่เป็นเมืองบุรีรัมย์แล้วนะ ใกล้กับที่นี่ยังมีศาลเจ้าแบบจีนซึ่งมีเทพเจ้าหลายองค์ให้สักการะ และยังเป็นที่ตั้งของสะดือเมืองอีกด้วยน้า อย่าลืมแวะมาก็แล้วกัน
นอกจากเชื่อกันว่าวัดนี้เป็นวัดเดียวในโลกที่ยังคงเหลือ ‘สัตตมหาสถาน’ ซึ่งเป็นกลุ่มโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์หลังจากตรัสรู้จำนวน 7 แห่งเอาไว้อย่างครบครัน วัดนี้ยังมีอีกพิกัดที่สายมูผู้นับถือพญานาคพลาดไม่ได้นั่นคือสระมุจลินท์ ซึ่งเล่ากันว่าเกิดขึ้นเมื่อครั้งมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในเจดีย์ที่วัดนี้ ทันทีที่บรรจุเสร็จก็เกิดเป็นสายน้ำพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ที่เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งขึ้นมาจากปากปล่องภูพญานาคของพญานาคมุจลินท์ซึ่งคอยเฝ้ารักษาองค์พระธาตุแห่งนี้ เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปใช้ในพิธีสำคัญมากมาย สายพญานาคพลาดไม่ได้แล้วละ
อีกหนึ่งวัดสวยของเมืองอุบลฯ ซึ่งมีองค์พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยาของอินเดียเป็นไฮไลท์ บอกได้เลยว่าเป็นองค์เจดีย์ที่โดดเด่นเป็นสง่าเห็นมาแต่ไกลเลยเชียวละ ชี้เป้าให้อีกนิดนึงนะว่าด้านในเจดีย์ก็งดงามน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ใครเลยจ้า อีกหนึ่งทีเด็ดซึ่งพลาดไม่ได้ก็คือการมาไหว้องค์พญานาคสีรุ้งหรือฉัพยาปุตตะ ซึ่งสร้างขึ้นตามที่ท่านเจ้าอาวาสได้นิมิตเห็นว่าทรงเสด็จมาสถิตย์อยู่ที่วัดนี้ บอกเลยว่าทั้งสองไฮไลท์นั้นแสนจะวิจิตรตระการตาคุ้มค่ากับการมากราบขอพรดูซักที ถ้าไม่เชื่อ พรุ่งนี้ก็มาดูด้วยตาตัวเองเลย!
เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงบึงกาฬเลยจ้า กับการที่จะได้มาเดินวัดใจไปกับทางเดินไม้ที่สร้างเลาะเกาะหน้าผาของวัดภูทอกหรือวัดเจติยาคีรีวิหาร ซึ่งเป็นทางเดินไม้วนรอบภูเขาจำนวนความสูง 7 ชั้นที่ใช้เวลาสร้างกว่า 5 ปี ตลอดเส้นทางเดินนั้นเปรียบเหมือนเส้นทางแห่งธรรมะ ที่เราต้องตั้งสติและใช้สมาธิเดินอย่างสงบสำรวมจนกระทั่งถึงบริเวณชั้น 7 ซึ่งเปรียบคล้ายเป็นแดนสวรรค์ แถมยังว่ากันว่าบนชั้น 6 นั้นมีปากทางเข้าเมืองบาดาลและยังมีรอยสีขาวบนผนังหินที่เชื่อกันว่าเป็นร่องรอยของพญานาคให้เห็นกันด้วยนะ ได้ทั้งมามูและมาดูวิวสวยๆ กันด้วยจ้า ปักหมุดมาเลย
ปูชนียสถานที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ของเมืองสกลฯ ซึ่งเป็นอีกพิกัดที่ไม่ควรพลาดการมาสะสมแต้มบุญเมื่อมาอีสาน เพราะที่วัดนี้มีองค์พระธาตุซึ่งสร้างครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์เอาไว้ บนยอดพระธาตุนั้นทำจากทองคำน้ำหนัก 247 บาท ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อองค์แสน พระพุทธรูปเก่าแก่ที่เชื่อกันว่าเมื่อได้มากราบจะส่งผลให้ร่ำรวยมั่งคั่งมีเงินแสนเงินล้าน รวมถึงยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทางเชื่อมระหว่างเมืองมนุษย์และเมืองบาดาลซึ่งอยู่ใต้หนองหารด้วยนะ ว่ากันว่าถ้าได้มาขอพรที่วัดนี้จะรอดพ้นจากเรื่องร้ายและมีโชคลาภจ้า มาได้มาเด้อ
วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งด้านในมีองค์หลวงพ่อพระพุทธรัศมีซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี ที่ในพระเศียรมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ให้ได้กราบสักการะกัน และยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์เป็นองค์พระพุทธรูปศิลาแลงสมัยลพบุรีอายุกว่า 1,300 ปี ซึ่งมักมีคนมาขอพรกันมากมายจนหลายคนเรียกว่าพระขอ เนื่องจากว่ากันว่าหากใครมาขออะไรก็มักจะได้ตามที่ขอไว้นั่นเองจ้า เป็นอีกหนึ่งพิกัดมูที่น่าสนใจเมื่อไปเมืองอุดรฯ นะ มาแล้วอย่าพลาดเชียว
เป็นวัดริมฝั่งโขงที่นักมูสายพญานาคต้องลงลิสต์ไว้เลยจ้า เพราะที่วัดนี้มีพิกัดสักการะพญานาคให้มูกันได้แบบจัดเต็มเลยละ ตั้งแต่รูปปั้นองค์พญานาคชัยยัญซึ่งเป็นพญานาค 9 เศียรขนาดใหญ่ มีองค์หลวงพ่อใหญ่วัดไทยซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกให้ได้กราบกัน นอกจากนั้นยังมีจุดให้ลอดปากพญานาคเพื่อสะเดาะเคราะห์ด้วยนะ ตามมาด้วยถ้ำเมืองบาดาลจำลอง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของเมืองหลวงแห่งพญานาคใต้แม่น้ำโขงที่เชื่อกันว่าตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดแห่งนี้ ด้วยความเชื่อนี่ละ ทำให้ทุกปีวัดนี้เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคยอดนิยมของเมืองหนองคาย สายมูไม่ไปเสียดายแน่นอน
นาทีนี้เมื่อพูดถึงการมูเตลูก็คงไม่มีที่นี่ไม่ได้ เพราะถ้ำนาคานั้นนับเป็นจุดหมายของผู้คนที่เชื่อถือและเคารพในองค์พญานาค แม้จะไม่ใช่พิกัดที่เดินทางเข้าถึงได้ง่าย แต่ด้วยพลังแห่งศรัทธาจึงมีสายมูแวะมาที่นี่กันอย่างไม่ขาดสาย หลายคนเชื่อว่าบริเวณหินรูปพญานาคด้านบนนั้นเป็นจุดที่มีพลังซึ่งจะส่งผลให้คำอธิษฐานที่เราขอไว้ได้สำเร็จได้ตามที่หวังทุกประการ ในแต่ละวันจึงมีผู้คนดั้นด้นขึ้นมากราบสักการะกันมากมาย ถึงต้องเหนื่อยแต่น่าจะเป็นพิกัดที่สายมูเกือบทุกคนปักหมุดไว้แล้วละ จองล่วงหน้าผ่านแอพฯ กันก่อนนะ ถ้าเป็นสายมูแล้วไม่มาที่นี่ นาทีนี้ถือว่าเชย!
หวังว่า 20 พิกัดมูเด็ดๆ ในอีสานที่เราเอามาฝากกัน จะเป็นแรงบันดาลใจให้สายมูทั้งหลายเริ่มปักหมุดแล้ววางแพลนเดินสายสะสมแต้มบุญในพิกัดที่คุณถูกใจ อย่างน้อยการมูเตลูหรือพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ช่วยในเรื่องของความสบายใจและไม่ทำร้ายใครแน่นอนจ้า ที่สำคัญคือต้องมูอย่างมีสติกันด้วยนะ ไหว้พระแล้วต้องออกแรงทำงานด้วยจ้า ขอให้โดนขอให้ปังกันทุกคนเลยนะ ไปก่อนแล้วละ ไว้วันหน้าจะหาพิกัดมูภาคอื่นมาฝากกันเด้อ