โกลกาตา หรือ กัลกาตา คือเมืองที่ใหญ่อันดับ 4 ของอินเดีย และเคยเป็นเมืองหลวงในสมัยที่อังกฤษปกครองประเทศนี้อยู่ด้วยน้า ซึ่งยุคนั้นถือว่าโกลกาตาคือศูนย์กลางของวัฒนธรรม การเมือง และการศึกษา เป็นเหตุผลที่ทำให้โกลกาตา อินเดีย เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสวยๆ สไตล์ยุโรปมากมาย และยังเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบโบราณได้อย่างลงตัวเลยจ้า นี่คืออีกหนึ่งพิกัดน่าเที่ยวในอินเดียเลยนะ ถ้าสนใจลองจองตั๋วเครื่องบินโกลกาตากับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp แล้วไปรู้จักความน่าทึ่งของโกลกาตาพร้อมกันเลย!
วัดฮินดูริมแม่น้ำที่โดดเด่นงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแปลกตา โดดเด่นด้วยหลังคาเทวาลัยที่มีถึง 9 ยอด วัดนี้ถือเป็นหนึ่งในเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโกลกาตา ด้านในประดิษฐานรูปจำลองพระแม่ภวาตาริณซึ่งเป็นปางหนึ่งของพระแม่กาลี วัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1855 และเป็นหนึ่งวัดที่มีผู้คนให้ความศรัทธาและมาแสวงบุญกันมากมาย เมืองโกลกาตา หรือ กัลกาตา แห่งนี้ จะเรียกว่าเป็นเมืองแห่งเจ้าแม่กาลีแบบยืนหนึ่งของอินเดียเลยก็ว่าได้นะ ใครเป็นสายมูต้องปักหมุดเอาไว้จ้า ไม่มาเสียดายแย่เลย!
นี่คือพิกัดที่เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้า ก็แทบจะลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในโกลกาตา อินเดีย! เพราะนี่คือพระราชวังหินอ่อนที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระราชินีวิคตอเรียของอังกฤษตั้งแต่ในยุคอาณานิคม ปัจจุบันนี้ ที่นี่ยังทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองอีกด้วยนะ ด้านในยังมีแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะ หนังสือและอาวุธโบราณ รวมถึงชิ้นงานทรงคุณค่าอีกมากมาย รอบตัวพระราชวังยังมีสวนสวยและทะเลสาบให้เดินเล่นกันได้แบบชิลล์ๆ อีกด้วยจ้า มาถึงโกลกาตา ต้องใส่ที่เที่ยวตรงนี้ลงแพลนไว้เลยน้า ขอบอกว่าพลาดไม่ได้จริงๆ
มหาวิหารทางคริสต์ศาสนาซึ่งใหญ่และงดงามที่สุดของโกลกาตา สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1839 - 1847 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิกซึ่งประยุกต์บางส่วนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของอินเดีย ด้านในวิหารตกแต่งด้วยกระจกสีและงานจิตรกรรมฝาผนังโบราณสวยคลาสสิกเชียวละ เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในยุโรปมากกว่าในโกลกาตาของอินเดียนะ อย่าลืมแวะมาเช็คอินกัน
จะเรียกว่าสะพานนี้คือหนึ่งในผลงานที่เป็นสุดยอดทางวิศวกรรมของอินเดียก็ว่าได้ ตัวสะพานมีความยาวถึง 457 เมตร และเป็นเจ้าของสถิติสะพานแขวนราวเหล็กที่ยาวเป็นอันดับ 6 ของโลกอีกด้วยนะ สะพานนี้ทำหน้าที่เชื่อมเมืองโกลกาตากับฮาวราห์เข้าไว้ด้วยกัน โดยทอดตัวข้ามผ่านแม่น้ำ Hooghly บนสะพานนั้นมีทั้งเส้นทางรถยนต์และช่องทางสำหรับคนเดินเท้าเลยน้า บางทีก็ยังจะได้เห็นเหล่าน้องๆ สัตว์เลี้ยงที่ชาวบ้านต้อนเดินข้ามฟากมาด้วยละ ว่ากันว่าในแต่ละวันมีทั้งคนและรถนับแสนที่สัญจรบนสะพานนี้นะ มาเที่ยวโกลกาตาแล้วอย่าพลาดเชียว
หลายคนขนานนามว่านี่คือปากคลองตลาดของเมืองโกลกาตา อินเดียเลยละ ตลาดดอกไม้แห่งนี้จะคึกคักสุดๆ ในช่วงเช้าจ้า เดินเข้าตลาดมา ก็จะเจอเข้ากับสารพัดสีสันของดอกไม้ ไม่ว่าจะมาเป็นหอบใหญ่ๆ แบบที่ขายกันเป็นกิโล หรือจะเป็นพวงมาลัยพวงยาวสำหรับบูชาเทพเจ้าสไตล์ฮินดู แล้วยังมีอีกสารพัดรูปแบบให้เลือกซื้อหากันเลยเชียวละ ที่นี่เป็นตลาดเก่าแก่ซึ่งมีอายุกว่า 130 ปีเลยนะ ใครชอบถ่ายรูป มาโกลกาตาต้องใส่ที่นี่ไว้เป็นที่เที่ยวเลยน้า รับรองว่าจะได้ทั้งความมีชีวิตชีวาและสีสันสดใส ถ่ายรูปออกมาได้สวยแน่นอน
ว่ากันว่านี่คือพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดียเลยเชียวนะ ที่นี่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1814 ตัวอาคารด้านนอกนั้นสวยคลาสสิกสไตล์ยุโรป เป็นอาคารสี่เหลี่ยมที่ล้อมรอบสนามหญ้าเขียวขจี ด้านในมีข้าวของโบราณจัดแสดงให้ชมกันแบบจุใจ ทั้งในด้านโบราณคดี ธรณีวิทยา งานศิลปะ ชิ้นงานแกะสลัก เครื่องแต่งกาย และอื่นๆ อีกมากมายเลยเชียวละ สายพิพิธภัณฑ์คนไหนมาถึงโกลกาตา อินเดีย ต้องแวะมาให้ได้นะ รับรองว่าจะได้เดินดูสารพัดข้าวของกันแบบสาแก่ใจแน่นอน
เมื่อมาถึงโกลกาตานี่คือที่เที่ยวอีกแห่งซึ่งไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยเชียวละ เพราะย่านนี้ได้ชื่อว่าเป็นตลาดผลิตและขายรูปปั้นดินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียเลยจ้า หลายคนบอกว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองโกลกาตากันเลยนะ เมื่อย่างเท้าเข้ามาถึงย่านนี้ เราจึงจะได้พบกับบรรดาช่างฝีมือและรูปปั้นองค์เทพเจ้าต่างๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าที่เยอะที่สุดก็ต้องยกให้กับองค์พระแม่กาลีนี่ละ นี่คือหนึ่งพิกัดในโกลกาตาที่มาเดินเล่นกันได้เพลินมากน้า ได้เห็นชิ้นงานสวยแปลกตา ได้เห็นฝีมือช่างปั้นที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ อย่าลืมปักหมุดแวะกันให้ได้เชียว
ใครเป็นสายประวัติศาสตร์ เชื่อว่าต้องรู้จักชื่อของแม่ชีเทเรซ่าเป็นอย่างดี และเมืองโกลกาตาก็คือที่ตั้งของบ้านแม่ชีเทเรซ่า เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพและอีกสารพัดรางวัลในโลกนี้ โดยตอนที่มีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้ทำหน้าที่ดูแลเหล่าคนไร้บ้านและเด็กกำพร้า รวมถึงบรรดาคนไข้โรคเรื้อนซึ่งสังคมรังเกียจจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ซึ่งร่างของท่านก็ถูกฝังอยู่บริเวณด้านล่างของอาคารที่ใช้เป็นสถานที่ทำงานแห่งนี้นี่ละ ปัจจุบัน ภายในอาคารยังถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางคริสตศาสนาด้วยนะ เชื่อว่าคนรักประวัติศาสตร์น่าจะแฮปปี้แน่นอน
อีกหนึ่งวัดฮินดูศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่นับถือพระแม่กาลีในเมืองโกลกาตา ซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี โดยใช้เวลาสร้างประมาณ 11 ปีถึงจะเสร็จสมบูรณ์จ้า ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดที่มีผู้คนเดินทางมาสักการะมากที่สุดของอินเดียเลยด้วยนะ ว่ากันว่ารูปจำลองขององค์พระแม่กาลีในวัดนี้นั้นแปลกตาไม่เหมือนใคร แถมยังมีลิ้นและมือทั้งสี่ข้างที่ทำด้วยทองคำอีกด้วยจ้า นับเป็นอีกหนึ่งวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สายมูห้ามพลาดเลยนะ มาถึงโกลกาตา อินเดียทั้งที ไม่มามูที่นี่บอกเลยว่าต้องเสียดาย!
อีกหนึ่งวัดสวยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Hooghly ในเมืองโกลกาตา ซึ่งคนชอบการได้เดินชมสถาปัตยกรรมที่งดงามแปลกตาน่าจะถูกใจ เพราะอาคารนี้สร้างขึ้นในรูปแบบผสมผสานกันของศิลปกรรมในศาสนาฮินดู อิสลาม และคริสต์ได้อย่างงดงามลงตัวเลยละ ที่นี่เป็นวัดซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อบูชา Ramakrishna รวมถึงยังเป็นสำนักงานใหญ่ของ Ramakrishna Math and Mission อีกด้วยจ้า ใครชอบศิลปกรรมสวยๆ แวะมาเดินเล่นกันดูน้า วัดนี้อยู่ไม่ไกลจาก Dakshineswar Kali Temple ด้วยละ เป็นอีกหนึ่งพิกัดในโกลกาตาที่น่าลงลิสต์ที่เที่ยวไว้เลย
มาถึงโกลกาตากันทั้งที หนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็ต้องเป็นการไปเดินช้อปปิ้งนี่ละ และนี่คือหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของโกลกาตา ซึ่งอยู่คู่กับเมืองนี้มากว่า 135 ปี หลายคนขนานนามที่นี่ว่าเป็นจตุจักรแห่งโกลกาตาเลยนะ เพราะนี่คือตลาดในร่มซึ่งมีร้านรวงกว่า 2,000 ร้าน มีขายกันตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องประดับหลากหลายราคา ไปจนถึงผลไม้และอาหารทะเลเลยละ ที่นี่เปิดทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์น้า ส่วนวันเสาร์เค้าเปิดแค่ครึ่งวันเช้าเท่านั้นจ้ะ ใครอยากได้ของติดไม้ติดมือจากโกลกาตา อินเดียกลับไปฝากคนทางบ้านห้ามพลาดตลาดนี้เลยนะ รับรองว่าได้ช้อปกันสะใจแน่นอน
ที่ทำการไปรษณีย์กลางของเมืองโกลกาตา คืออีกพิกัดที่ไม่น่าพลาดเลยละ โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากได้โลเกชั่นเก๋ๆ ไว้ถ่ายรูปกันนะ เชื่อว่าต้องถูกใจกันแน่นอน อาคารนี้สร้างขึ้นในช่วงราวปี ค.ศ.1864 โดยใช้เวลาสร้าง 4 ปีจ้า ไฮไลท์ที่เห็นกันมาแต่ไกลก็ต้องยกให้กับโดมสีขาวสะอาดซึ่งสูงกว่า 220 ฟุต และเสาสูงแนวยุโรปอีก 28 ต้นที่อยู่ด้านใน บอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาสวยได้ใจสุดๆ ไปเลยละ แถมที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์อีกด้วยนะ มาถ่ายรูปแล้วเดินชิลล์ดูคอลเลกชั่นแสตมป์สวยๆ กันได้เพลินๆ เลยจ้า เป็นอีกที่เที่ยวในโกลกาตาที่น่าแวะมาเดินเล่นกัน
ว่ากันว่า นี่อาจจะเป็นสุสานแบบคริสเตียนที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่นอกเหนือยุโรปและอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 19 เลยนะ ด้านในของที่นี่เต็มไปด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแปลกตาที่ผสมผสานกันระหว่างสไตล์กอธิกและอินเดีย ด้านในสุสานนี้เป็นที่ฝังร่างผู้มีชื่อเสียงในด้านต่างๆ ของประเทศหลายคนเลยจ้า ทุกวันนี้ที่นี่ได้รับการดูแลในฐานะโบราณสถานแห่งหนึ่งของเมืองโกลกาตา ใครชอบเดินดูสถาปัตยกรรมแปลกตาและมั่นใจว่าจิตแข็งซักหน่อยนะ อยากชวนให้ลองปักหมุดมาชมกัน
โกลกาตา นับเป็นอีกเมืองที่มีความหลากหลายในด้านศาสนาค่อนข้างสูงเลยละ นอกจากโบสถ์คริสต์และวัดในสไตล์ฮินดูแล้ว ที่นี่ก็ยังมีมัสยิดสวยซึ่งสร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจมาจากสุสานของจักรพรรดิโมกุลอัคบาร์ในเมืองอัคราให้เราได้ชมกันด้วยละ ว่ากันว่าที่นี่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ประมาณก่อนปี ค.ศ.1854 เลยจ้า ด้านในจุคนได้นับหมื่นคนเลยนะ แค่แวะไปเดินชมดีเทลในมุมต่างๆ ก็เพลินแล้วละ แถมดูเสร็จก็ยังออกมาเดินช้อปปิ้งที่ร้านรวงรอบๆ ได้ด้วยน้า เป็นอีกพิกัดในโกลกาตา อินเดีย ที่น่าแวะมาเช็คอินกัน
หนึ่งอย่างที่น่าลองเป็นประสบการณ์เมื่อเดินทางมาถึงโกลกาตา นั่นก็คือการมาลองนั่งรถรางของเมืองนี้นี่ละ เพราะนี่คือระบบรถรางเพียงแห่งเดียวของอินเดียในตอนนี้เลยน้า แถมยังได้ชื่อว่าเป็นระบบรถรางไฟฟ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียอีกด้วยละ โดยให้บริการกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1902 โน่นเลยจ้ะ แถมเส้นทางรถรางนั้นยังผ่านที่เที่ยวเด็ดๆ หลายแห่งในโกลกาตาอีกด้วยนะ หรือจะเลือกนั่งรถรางชมวิวชิลล์ๆ ในตัวเมืองกันก็ยังได้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าสนใจที่ไปถึงโกลกาตาแล้วต้องลอง!
และนี่คือ 15 จุดในโกลกาตา ซึ่งเป็นที่เที่ยวที่น่าสนใจ อดีตเมืองหลวงของอินเดียแห่งนี้ยังมีเสน่ห์และเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาในทุกตารางเมตรเลยละ ไม่ว่าจะเป็นสายเที่ยว สายกิน หรือสายมู ก็เชื่อว่ามาสนุกที่โกลกาตากันได้ทุกคนเลยนะ อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทาง ก็ไปส่องหาโปรโมชั่นปังๆ แล้วจองตั๋วเครื่องบินโกลกาตากับ Traveloka Travel & Lifestyle Supperapp เอาไว้เลยจ้ะ นี่คืออีกเมืองที่มาเที่ยวแล้วไม่มีคำว่าเบื่อแน่นอน!