ถ้าพูดถึงการเดินทางนั่งรถไฟเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่ให้เราได้นั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ มองวิวหลักล้านผ่านหน้าต่าง ก็คงหนีไม่พ้นรถไฟใช่ไหมล่ะ? แต่ไม่ใช่แค่นั่งรถไฟเที่ยวธรรมดานะ เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปสำรวจเส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศสุดอลังการจาก 8 ประเทศ 15 เส้นทางที่วิวสวยระดับเทพ บอกเลยว่าถ้าได้นั่งรถไฟเที่ยวเหมือนได้หลุดเข้าไปในหนัง และที่สำคัญ ใครอยากจองตั๋วเที่ยวบินง่าย ๆ ไม่ต้องวุ่นวาย Traveloka มีให้ครบทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และไอเดียกิจกรรมที่เที่ยว อยากรู้กันแล้ใช่มั้ยล่ะว่าถ้าไปเที่ยวต่างประเทศจะนั่งรถไฟเที่ยวสายไหน ประเทศไหนดี มาดูกันเล้ยย!!

ขอต้อนรับเข้าสู่ "รถด่วนธารน้ำแข็ง" ที่ขัดกับชื่ออย่างแรง เพราะมันคือรถไฟที่วิ่งช้าที่สุดในโลก แต่ช้าเพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะวิวมันสวยจนต้องให้เวลาดูแบบเต็มตา เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศนี้วิ่งระหว่าง Zermatt และ St. Moritz ใช้เวลาราว 8 ชั่วโมงกว่า ๆ แต่รับรองว่าไม่มีเบื่อ เพราะตลอดทางการนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศแห่งนี้ คุณจะได้ชมเทือกเขาแอลป์สุดอลังการ ธารน้ำแข็งสีขาวโพลน สะพานโค้งสูงชัน และอุโมงค์ทะลุภูเขา บอกเลยว่าผ่านสะพาน Landwasser Viaduct คือที่สุด ไม่ว่าฤดูไหนก็สวย แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวล่ะก็ ฟินขั้นสุด! หิมะปกคลุมเหมือนนั่งอยู่ในโลกเทพนิยาย อาหารบนรถไฟก็คือดี หรูหราสไตล์สวิส พร้อมเครื่องดื่มอุ่น ๆ ให้จิบเพลิน ๆ ระหว่างนั่งรถไฟเที่ยวชมวิว

ฟังทางนี้! นั่งรถไฟเที่ยวสายนี้เค้าเด็ดตรงที่วิ่งข้ามประเทศได้ เริ่มต้นจาก St. Moritz (สวิตเซอร์แลนด์) ไปยัง Tirano (อิตาลี) โดยเส้นทางการนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศแห่งนี้จะพาขึ้นไปยังจุดสูงสุดที่ Ospizio Bernina (2,253 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) ไฮไลท์อยู่ที่การผ่านสะพานโค้ง Brusio Spiral Viaduct ที่รถไฟหมุนวนเหมือนงูพันรอบสะพาน เห็นวิวทะเลสาบ Lago Bianco และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ฟินจนพูดไม่ออก ฤดูใบไม้ร่วงก็สวยสะพรั่งด้วยสีสันของใบไม้แดง เหลือง ส้ม ส่วนฤดูหนาวก็ขาวโพลนสุดโรแมนติก เหมือนฉากในหนังรักเลยแหละ

ใครอยากได้ฟีลนั่งรถไฟเที่ยวหรู ๆ ผ่านภูเขาและทะเลสาบ ต้องไม่พลาดสายนี้ เส้นทางวิ่งจาก Montreux ผ่าน Interlaken ไปยัง Lucerne วิวระหว่างทางคือเทพนิยายชัด ๆ รถไฟจะพาผ่านทะเลสาบใสสะท้อนภูเขาหิมะ บ้านไม้เก่าแก่ และทุ่งหญ้าสีเขียวสดใส ไฮไลท์คือโบกี้กระจกใสที่ให้เรามองวิวแบบพาโนรามา สวยจนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้นเลย

เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศแห่งคือที่สุด เพราะได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก โดยวิ่งจาก Gloggnitz ไป Mürzzuschlag ผ่านเทือกเขาแอลป์ตะวันออก ตัวรถไฟจะวิ่งลอดอุโมงค์กว่า 14 แห่ง และสะพานโค้งกว่า 16 แห่ง วิวเป็นภูเขาสูงเสียดฟ้า ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียว และหมู่บ้านเล็ก ๆ โบราณ หน้าหนาวนี่คือสวยเต็มสิบ! หิมะโปรยปรายเหมือนฉากในหนังรักออสเตรีย ฟินไม่ไหว

เส้นทางนี้วิ่งจาก อินส์บรุค (Innsbruck) ออสเตรีย ไป การ์มิช-พาร์เทนเคียร์เชิน(Garmisch-Partenkirchen) เยอรมนี บรรยากาศระหว่างทางนั่งรถไฟเที่ยวคือสวยตะโกน! วิ่งผ่านเทือกเขาแอลป์สุดอลังการ ทะเลสาบใส ๆ และหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่กลางธรรมชาติ พีคสุดคือช่วง Karwendelbahn ที่รถไฟจะค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปบนภูเขา มองลงมาเห็นวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา ยิ่งถ้าได้มานั่งรถไฟเที่ยวช่วงหิมะปกคลุมคือเหมือนอยู่ในเทพนิยายเลย

อยากได้ฟีลนั่งรถไฟเที่ยวแบบหรู ๆ สไตล์แคนาดา ต้อง Rocky Mountaineer เลย! เส้นทางนี้จะพาคุณนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศตะลุยผ่านเทือกเขาร็อกกี้ จาก Vancouver ไป Banff หรือ Jasper บอกเลยว่าที่นั่งแบบโดมกระจกคือที่สุด! เห็นวิวภูเขาหิมะสูงเสียดฟ้า แม่น้ำสีฟ้าใส และป่าสนเขียวขจี ตัวรถไฟยังมีการบริการระดับพรีเมียม เสิร์ฟอาหารสุดหรู จิบไวน์ชิล ๆ ไปพร้อมกับชมวิวอลังการ ยิ่งถ้าโชคดี อาจได้เจอสัตว์ป่าน่ารัก ๆ อย่างกวางเอลค์ หมี หรืออินทรีย์ทองโฉบไปมา คุ้มเกินบรรยาย

นิวซีแลนด์คือดินแดนแห่งธรรมชาติสุดอลัง และรถไฟ TranzAlpine ก็พาคุณนั่งรถไฟเที่ยวแล้วได้ซึมซับบรรยากาศทั้งหมด วิ่งผ่านเทือกเขาแอลป์ของเกาะใต้ เส้นทางนี้ขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์สุดอลังการ ทั้งหุบเขาลึก แม่น้ำสีเทอร์ควอยส์ ทุ่งหญ้าเขียวขจี และสะพานยาวผ่านหุบเหว บอกเลยว่าฟีลเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่ง "The Hobbit" เลยแหละ แถมยังมีจุดชมวิวกลางแจ้งบนรถไฟให้ยืนรับลมเย็น ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย วิวดีขนาดนี้ นั่งรถไฟเที่ยวแค่ 4 ชั่วโมงยังรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปเลย

Flåm Railway เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างสถานี Myrdal กับเมืองเล็กๆ ริมฟยอร์ดชื่อว่า Flåm ระยะทางนั่งรถไฟเที่ยวแค่ประมาณ 20 กิโลเมตรเองนะ แต่พูดเลยว่า 20 กิโลเมตรนี้ที่นั่งรถไฟเที่ยวคือ มหากาพย์ความฟิน ที่จะทำให้คุณหลงรักนอร์เวย์แบบหัวปักหัวปำ รถไฟจะไต่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลขึ้นไปที่ 866 เมตร ภายในเวลาแค่ 50 นาทีเท่านั้น ระหว่างทางนั่งรถไฟเที่ยวคือวิวทะลุจอมาก ทั้งภูเขาสูงชัน น้ำตกยิ่งใหญ่ หุบเขาลึก และบ้านไม้เล็กๆ ที่แอบซ่อนอยู่ตามเนินเขา

Rauma Line วิ่งระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร เท่านั้นเอง แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาเพราะเส้นทางนี้จะทำให้คุณลืมเวลาจนเพลินไปกับวิวสุดอลังการระหว่างทาง ระหว่างเส้นทางจะมีความแตกต่างของทัศนียภาพให้คุณเห็นอย่างชัดเจน ตั้งแต่เขียวขจีของป่าสน ไปจนถึงความขาวโพลนของหิมะบนยอดเขา เมื่อเดินทางออกจาก Dombås รถไฟจะไต่ระดับขึ้นไปจนถึง Raumabanen (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Rauma Railway) ที่วิ่งขนาบข้างกับภูเขาสูงชันและหุบเขาลึกจนคุณแทบจะรู้สึกว่ากำลังจะหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย

Bergen Line หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Bergensbanen นี่แหละ! ขบวนนี้เป็นรถไฟระยะไกลที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงอย่าง ออสโล (Oslo) กับเมืองท่าริมทะเลสุดคูลอย่าง เบอร์เกน (Bergen) ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปเหนือ เส้นทางนี้ยาวกว่า 371 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งฟังดูอาจจะยาวไปหน่อย แต่ขอบอกเลยว่าไม่มีเบื่อ! เพราะตลอดทางคือมหากาพย์วิวที่สลับไปมาระหว่างทะเลสาบสีฟ้าเข้ม ฟยอร์ดลึกสุดสายตา ภูเขาหิมะสูงชัน ป่าสนเขียวขจี และหมู่บ้านเล็กๆ ที่น่ารักมากก!

เส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก Trans-Siberian Railway เป็นเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก ยาวกว่า 9,000 กิโลเมตร และข้ามทวีปจาก มอสโก (Moscow) ไปจนถึง วลาดิวอสตอค (Vladivostok) บนชายฝั่งตะวันออกของรัสเซีย ระหว่างทางคุณจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติแบบสุดขั้ว เริ่มจากทุ่งหญ้าแผ่กว้างไปจนถึงป่าทึบและทะเลสาบที่สวยสุด ๆ ไม่มีอะไรจะเจ๋งไปกว่าการเดินทางผ่านทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลกอย่าง ทะเลสาบไบคาล ทะเลสาบที่มีน้ำใสแจ๋วและทิวทัศน์รอบ ๆ สวยจนต้องหยุดหายใจ ถ้ามาในฤดูหนาว น้ำทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งที่ใสจนเห็นก้นทะเล

The West Highland Line วิ่งจาก Glasgow เมืองใหญ่สุดของสกอตแลนด์ ไปยัง Mallaig เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันตกของสกอตแลนด์ เส้นทางนี้ยาวประมาณ 264 กิโลเมตร แต่เอาจริง ๆ การเดินทางนี้จะยาวนานแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะทุก ๆ นาทีที่คุณนั่งรถไฟ คุณจะได้สัมผัสกับวิวธรรมชาติสุดอลังการที่คุณไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว แน่นอนเส้นทางนี้พาคุณข้ามสะพาน Glenfinnan Viaduct ที่เป็นไฮไลท์ของการเดินทางนี้ หลายคนอาจจะรู้จักสะพานนี้จากภาพยนตร์ Harry Potter เพราะมันเคยปรากฏในภาพยนตร์ภาค The Chamber of Secrets! สะพานนี้มีความยาวกว่า 380 เมตร และตั้งอยู่เหนือหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง สะพานนี้เป็นภาพที่คุณจะจำไปอีกนาน

เส้นทางรถไฟนี้คือสายเลียบชายฝั่งทะเลลิกูเรีย วิ่งผ่านหมู่บ้านสุดคิวต์ 5 แห่งของ Cinque Terre ที่เรียงรายอยู่บนหน้าผาสูงชัน วิวทะเลสีคราม ท้องฟ้าใส ๆ และบ้านเรือนหลากสี บรรยากาศเหมือนฉากในหนังรักอิตาลี Bernina Express วิ่งจาก Chur ในสวิตเซอร์แลนด์ไปถึง Tirano ในอิตาลี เป็นเส้นทางที่มีความยาวประมาณ 155 กิโลเมตร งผ่านหมู่บ้านสุดคิวต์ 5 แห่งของ Cinque Terre ที่เรียงรายอยู่บนหน้าผาสูงชัน วิวทะเลสีคราม ท้องฟ้าใส ๆ และบ้านเรือนหลากสี และจะพาคุณผ่าน เทือกเขาแอลป์ ที่สวยงาม! คุณจะได้สัมผัสวิวที่ไม่เหมือนใคร ทั้งภูเขาที่หิมะปกคลุม ทะเลสาบที่สะท้อนแสงแดด และป่าไม้ที่เขียวชอุ่มบอกเลยว่าวิวสวยแบบ 10/10

สายนี้จะพาคุณผ่าน Cinque Terre หรือ "ห้าหมู่บ้าน" ที่อยู่ในแคว้น ลิกูเรีย (Liguria) ของอิตาลี หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลที่ดูเหมือนภาพวาด มีบ้านสีสดใสที่ถูกสร้างเรียงรายตามแนวหน้าผาสูงชันที่มองลงไปเห็นทะเล Cinque Terre Line วิ่งระหว่าง La Spezia ไปจนถึง Levanto ซึ่งเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านทั้ง 5 ได้แก่ Monterosso al Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore เส้นทางนี้มีความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร แต่ขอเตือนเลยว่า ความสวยงามของวิวทะเลที่คุณจะได้เห็นระหว่างทางนั้นยาวนานมากกว่าความยาวของเส้นทางแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เส้นทางนี้สุดพิเศษคือการผ่าน ห้าหมู่บ้าน ที่มีบ้านสีสันสดใสที่สร้างอยู่บนหน้าผาสูง! บ้านแต่ละหลังมีสีที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำเงินสดใส เหลืองอ่อน ชมพูหวานๆ และสีส้มแรงๆ แต่ละหมู่บ้านมีบรรยากาศที่ไม่เหมือนใครและเต็มไปด้วยความอบอุ่นของชุมชนท้องถิ่น

รถไฟระดับตำนานที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราและสไตล์วินเทจ รถไฟสายนี้ไม่ได้เป็นแค่การเดินทางจากจุด A ไปจุด B แต่มันคือการกลับไปสัมผัสกับยุคทองของการเดินทางโดยรถไฟที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของหนังเรื่อง Murder on the Orient Express หรือ James Bond เลยทีเดียว The Orient Express เริ่มต้นในปี 1883 โดยสาย Compagnie Internationale des Wagons-Lits และเดินทางระหว่าง ปารีส ไปยัง คอนสแตนติโนเปิล (อิสตันบูล) ในสมัยนั้นรถไฟสายนี้ถือเป็นการเดินทางที่หรูหราที่สุดในโลก! หากพูดถึง The Orient Express, ทุกคนจะนึกถึงรถไฟที่เต็มไปด้วยการตกแต่งสุดหรู, ห้องนอนที่มีเตียงนุ่มๆ, และ การบริการระดับเฟิร์สคลาส ที่ไม่เหมือนใคร! แม้วันนี้เส้นทางของมันจะมีการปรับเปลี่ยนไป แต่ The Orient Express ยังคงคงความคลาสสิกและความหรูหราแบบยุคเก่าไว้ได้อย่างสมบูรณ์

จบทริปการนั่งรถไฟเที่ยวแบบฟีลกู้ดไปแล้ว บอกเลยแต่ละเส้นทางรถไฟคือความฝันของนักเดินทางทั้งนั้น! ถ้ามีโอกาส อย่าพลาดที่จะไปนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศเหล่านี้สักครั้งในชีวิตนะ รับรองว่าทุกวินาทีที่นั่งรถไฟเที่ยวคือประสบการณ์ที่ล้ำค่าสุด ๆ สายเที่ยวคนไหนอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากเครื่องบินหรือรถยนต์ ลองนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศแล้วอินไปกับวิวสวย ๆ แบบสโลว์ไลฟ์ดูสักครั้ง รับรองว่าฟีลมันได้ เพราะนอกจากจะได้นั่งรถไฟเที่ยวชิล ๆ ปล่อยใจไปกับเส้นทางรถไฟสุดงามแล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศการเดินทางนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศแบบคลาสสิกที่มีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร ลองเปิดแผนที่ หาทริปในฝัน แล้วออกเดินทางไปนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศกันเลย! ว่าแต่…ถ้าให้เพื่อน ๆ เลือกสักหนึ่งเส้นทางรถไฟก่อน เพื่อน ๆ จะไปที่ไหน?