เบื่ออากาศร้อนตับแตก แถมฝุ่น PM เล่นงานจนหมดพลัง? ได้เวลาหนีไปชาร์จแบตที่ญี่ปุ่นกันแล้ว! ไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ฟีลสดชื่น พร้อมชมซากุระบานสะพรั่งแบบตะโกนที่แดนอาทิตย์อุทัย งานนี้เรารวม 20 พิกัดหนีร้อนไปนอนดูซากุระ ให้แบบจัดเต็มตั้งแต่เหนือสุดอย่าง ฮอกไกโด ไปจนใต้สุดที่ คุมาโมโตะ ฟินทุกมุม สวยทุกโลเคชัน! ใครพร้อมแล้ว กางแพลนให้ไวแล้วเตรียมไปดื่มด่ำซากุระแบบจุกๆ กันเลย
Mon, 26 May 2025
VietJet Air
กรุงเทพ (BKK) ไป โตเกียว (NRT)
เริ่มจาก THB 4,845.00
Tue, 20 May 2025
Thai Lion Air
กรุงเทพ (DMK) ไป โตเกียว (NRT)
เริ่มจาก THB 5,163.83
Mon, 26 May 2025
VietJet Air
เชียงใหม่ (CNX) ไป โตเกียว (NRT)
เริ่มจาก THB 5,885.00
ยังไม่ทันก้าวเข้าด้านใน แค่เห็นดีไซน์สวนก็ใจละลายแล้ว ป้อมโกะเรียวกะคุ คือป้อมปราการแห่งแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ตั้งแต่ยุคเอโดะแต่ที่เด็ดสุดคือวิวจาก Goryokaku Tower มองลงมาเห็นสวนรูปดาวที่ถูกคูน้ำใสรอบล้อม ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ และช่วง ซากุระบานบอกเลยว่าสวยจนต้องขยี้ตารัวๆ! ต้นซากุระกว่า 1,600 ต้น ไล่เฉดชมพูละมุนทั่วทั้งสวน คือโรแมนติกสุดอะไรสุด!
สายชมดอกไม้ต้องรีบปักหมุดด่วน! ปราสาทมัตสึมาเอะและสวนมัตสึมาเอะ คือจุดชมซากุระระดับตำนานของฮอกไกโด ที่นี่ไม่ได้มีซากุระแค่หลักร้อย แต่ขนมาทั้งสวน 250 สายพันธุ์ รวมกว่า 10,000 ต้น แถมยังมีดอกไม้สุดปังอีกเพียบ ทั้งกุหลาบ โบตั๋น ไฮเดรนเยีย บอกเลยว่าตระการตาสมฉายา "ถิ่นกำเนิดแห่งซากุระ" แบบไม่มีข้อกังขา!
พิกัด : สวนมัตสึมาเอะ (Matsumae Park)
มาถึงโทโฮกุแล้วไม่แวะชมซากุระที่นี่ ถือว่าพลาดระดับตำนาน เส้นทางริมแม่น้ำชิโรอิชิ จัดเต็มต้นซากุระเกือบ 1,200 ต้น เรียงรายสุดลูกหูลูกตาตลอด 8 กิโลเมตร เดินชิลล์คือฟินมากที่เด็ดสุดต้องยกให้จุดชมวิวระดับไอคอน Hitome Senbonzakura (ที่แปลว่า “ซากุระ 1,000 ต้นที่เห็นได้ในคราวเดียว”) มุมนี้คือเลิศ เพราะมีฉากหลังเป็น ภูเขาซาโอะ วิวหลักล้านไปเลยจ้า ซากุระเกือบร้อยปีแบบนี้ ต้องรีบมาตำให้ไว
ต้นซากุระสายพันธุ์ชิดาเระซากุระอายุกว่า 1,000 ปีนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามต้นซากุระที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น โดยคำว่า Takizakura หมายถึง ต้นซากุระน้ำตก เนื่องจากซากุระชื่อของจังหวัดฟุคุชิมะต้นนี้สูงถึง 13.5 เมตร มีกิ่งก้านสาขากระจายไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก 20 เมตร รวมถึงกระจายไปทางทิศเหนือและทิศใต้ 18 เมตร ลำต้นมีเส้นรอบวงยาว 9.5 เมตร ยามซากุระบานสะพรั่งจึงดูประหนึ่งเหมือนเป็นน้ำตกแห่งซากุระ
มีโอกาสมาเยือนภูมิภาคคันโต อย่าหยุดอยู่แค่เมืองหลวงอย่างโตเกียวเท่านั้น เพราะหากแวะไปที่ไซตะมะคุณจะได้ตื่นตะลึงกับความงามของซากุระกว่า 3,000 ต้น โดยมีไฮไลท์เด็ด 2 จุดซึ่งมีลักษณะเป็นอุโมงค์ซากุระแสนอลังการ ได้แก่ ถนนคิตะซากุระ (Kita-Sakura) มีซากุระเรียงรายอยู่สองข้างทางกว่า 400 ต้น ยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร และถนนมินะมิซากุระ (Minami-Sakura) มีซากุระนับ 200 ต้น ยาวกว่า 1 กิโลเมตร
พิกัด : นะงะโทโระ (Nagatoro)
ด้านมหานครโตเกียวก็มีจุดชมซากุระเริ่ด ๆ ให้เลือกแวะเพียบ หนึ่งในนั้น คือ ชิโดริงะฟุชิเรียวคุโด ทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีความยาว 700 เมตรทอดตัวเลียบคูน้ำทางฝั่งตะวันตกของพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) ทั้งยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่ดีสุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ด้วยต้นซากุระหลากชนิดจำนวนกว่า 260 ต้น นอกจากนี้ยังสามารถเช่าเรือพายเล่นในคูน้ำเพื่อชมซากุระในบรรยากาศสุดร่มรื่นได้ด้วย
ยังคงอยู่ที่โตเกียวกับจุดชมซากุระยอดนิยมอย่าง แม่น้ำเมกุโระ มาพร้อมบรรยากาศสุดชิลล์อันมีต้นซากุระปลูกอยู่ 2 ข้างทางของแม่น้ำ ตั้งแต่บริเวณสะพาน Meguro Shinbashi ที่อยู่บริเวณตะวันตกของสถานีรถไฟ Meguro ไปจนถึงสถานี Nakameguro รวมระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร โดยมีทางเดินและที่นั่งให้สามารถเดินหรือนั่งชมซากุระได้อย่างสะดวกสบาย เสมือนเป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ ยาวขนานไปกับแม่น้ำเมกุโระ
พิกัด : แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River)
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของฤดูใบไม้ผลิในแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ เนื่องจาก สวนซังเคเอ็น โดดเด่นด้วยทิวทัศน์ที่ผสานสถาปัตยกรรมและสวนสวยไว้ได้อย่างลงตัว ภายในประกอบด้วยสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมขนาดใหญ่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม (มีดอกไม้ให้ชมตลอดปีหรือทั้งสี่ฤดูนั่นเอง สำหรับฤดูใบไม้ผลิไฮไลท์ คือ ดอกซากุระและดอกชวนชม) กับ 17 อาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์
พิกัด : สวนซังเคเอ็น (Sankeien Garden)
นอกจากเป็นจุดชมวิวยอดนิยมตลอดปีแล้ว เจดีย์แดงชูเรโตะ ยังเป็นจุดชมซากุระที่เลอค่ามาก เนื่องจากแสดงถึงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นประเทศญี่ปุ่นทั้งสามสิ่ง คือ ภูเขาไฟฟูจิ เจดีย์ห้าชั้น และดอกซากุระ ไม่แปลกที่จะเป็นมุมถ่ายรูปยอดฮิตของมวลมหาชน สำหรับเจดีย์ชูเรโตะนี้เป็นเจดีย์ไม้ห้าชั้นตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน (Arakura Sengen Shrine) สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้อย่างชัดเจนและงดงาม
อยากชมซากุระที่มีดอกสีชมพูเข้มขนาดใหญ่ต้องมาที่นี่ โดยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำคาวาซุในจังหวัดชิซุโอกะนี้ มีต้นคาวาซุซากุระขนาดบิ๊กไซส์อายุกว่า 60 ปี มากถึง 8,000 ต้น เรียงรายบานสะพรั่งพร้อมกับทุ่งดอกคาโนลาสีเหลืองตัดกับสีฟ้าของแม่น้ำได้อย่างลงตัว ช่วงซากุระบานที่นี่จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งคาวาซุ ที่มีคนมาเที่ยวชมมากถึง 1 ล้านคน มีซุ้มอาหารท้องถิ่น และมีการประดับประดาไฟเพื่อชมซากุระยามค่ำคืน
พิกัด : คาวาซุซากุระ (Kawazu-zakura)
หากจัดอันดับจุดชมซากุระระดับท็อปของเกียวโต รับรองว่าต้องมีชื่อของ สวนมารุยามะ รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นพิกัดชมซากุระที่ทั้งสวยทั้งเก๋า เนื่องจากมารุยามะเป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเกียวโต มีต้นซากุระประมาณ 680 ต้น โดยบริเวณใจกลางสวนแห่งนี้มีต้นซากุระพันธุ์กิ่งย้อย Shidarezakura ขนาดใหญ่ยักษ์อายุกว่า 80 ปี ตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งในช่วงค่ำคืนจะมีการประดับไฟอย่างสวยงาม
พิกัด : สวนมารุยามะ (Maruyama Park)
แค่ชมสถาปัตยกรรมและวิวทิวทัศน์ภายในวัดไดโกะจิก็ประทับใจมากแล้ว ถ้าอยากฟินขั้นสุดแนะนำให้มาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะวัดสำคัญในพุทธศาสนาญี่ปุ่นนิกายชินกอนและมรดกโลกแห่งนี้ จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของไม้นานาพันธุ์ ดูงดงามราวภาพฝัน ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ของวัดมีจุดให้เดินชมซากุระในหลากหลายบรรยากาศ ทั้งเจดีย์ห้าชั้น วิหารเบ็นเท็นโด ไปจนถึงสวนสวยบริเวณกุฏิซัมโบอิน
พิกัด : วัดไดโกะจิ (Daigoji)
หากมีโอกาสมาเยือนโอซาก้าในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อย่าลืมเจียดเวลาแวะมาชมความงามของซากุระกันที่นี่ โดยแม่น้ำโอคาว่า ถือเป็นจุดชมซากุระที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เนื่องจากมีต้นซากุระเรียงรายไปตามริมน้ำกว่า 4,800 ต้น เหมาะอย่างยิ่งกับการนั่งเรือเพื่อชมวิวของสองฝั่งแม่น้ำอันมีต้นซากุระผลิบานสีชมพูสวยพร้อมสถานที่เที่ยวสำคัญของโอซาก้า อาทิ สวนเคมะซากุระโนะมิยะ, โรงกษาปณ์, ปราสาทโอซาก้า เป็นฉากหลัง
พิกัด : แม่น้ำโอคาว่า (Okawa River)
ไม่กล่าวถึงไม่ได้เพราะปราสาทฮิเมจิถือเป็นพิกัดที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของภูมิภาคคันไซในการชมดอกซากุระบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยปราสาทหลังใหญ่สีขาวโดดเด่นนี้ ตั้งตระหง่านผ่านกาลเวลามากว่า 400 ปี ในพื้นที่รอบปราสาทมีต้นซากุระหลากพันธุ์ รวมกว่า 1,000 ต้น ออกดอกสีชมพูสวยช่วยประดับประดาปราสาทฮิเมจิให้งามละมุนยิ่งขึ้น สำหรับจุดชมซากุระสุดเริ่ดของที่นี่ ได้แก่ ลานซันโนะมารุ, สวนนิชิโนะมารุ, สวนโคโคเอ็น
พิกัด : ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)
มรดกโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยซากุระป่าราว 200 สายพันธุ์ รวมทั้งสิ้นกว่า 30,000 ต้น โดยสายพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดคือสายพันธุ์เก่าแก่อย่าง ชิโระยามะซากุระ (Shiroyamazakura) ความที่ซากุระมีหลากหลายสายพันธุ์นี้ทำให้ดูราวกับว่าภูเขานี้ถูกระบายด้วยสีชมพูสารพัดเฉด นอกจากนี้ในฤดูซากุระบานจุดชมวิวสุดฮิตนี้ยังมีการประดับไฟไลท์อัพในเวลากลางคืนให้ได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามในบรรยากาศที่ต่างจากยามกลางวันอีกด้วย
พิกัด : ภูเขาโยชิโนะ (Mt. Yoshino)
คุ้มมากเพราะมาที่เดียวแต่ได้ทั้งชมซากุระและยลความน่ารักของน้องกวาง โดยภายในสวนสาธารณะนารา ปลูกต้นซากุระไว้กว่า 1,700 ต้น กระจายไปทั่วทั้งสวน ส่วนใหญ่เป็นซากุระกลีบซ้อนสายพันธุ์นาราโนะยาเอะซากุระ ซึ่งมีจุดเด่นที่ดอกขนาดเล็กกว่าซากุระพันธุ์กลีบซ้อนอื่น ๆ พร้อมด้วยสัญลักษณ์ของเมืองอย่างเจ้ากวางน้อยกว่า 500 ตัว บอกเลยว่างามสมกับที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 สถานที่ชมซากุระสุดฮิตของญี่ปุ่น
พิกัด : สวนสาธารณะนารา (Nara Park)
ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่สวยและมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นสะพานโค้ง 5 สะพานเชื่อมต่อกัน พาดผ่านระหว่างแม่น้ำนิชิกิ ด้านหนึ่งของสะพานติดกับเชิงเขาโยโกยะมะ ซึ่งมองขึ้นไปจะเห็นปราสาทอิวะคุนิ ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสมาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาดกับการล่องเรือชมสะพานคินไตเคียวและดอกซากุระที่บานสะพรั่งกว่า 3,000 ต้น จากนั้นขึ้นบกมาชิลล์กันต่อ ณ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพานคินไตเคียว
ตื่นตาตรึงใจไปกับภาพของภูเขาที่ถูกย้อมไปด้วยสีชมพูของซากุระราว 1,000 ต้น บนภูเขาชิอุเดะ ที่มีความสูง 352 เมตร บนคาบสมุทรโชไน โดยมีเมฆหมอก วิวทะเลเซโตะ และหมู่เกาะน้อยใหญ่อยู่เบื้องหลัง สำหรับซากุระของที่นี่มีหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ โซเมอิโยชิโนะ ซึ่งเป็นซากุระสายพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่พบเจอได้มากที่สุดในญี่ปุ่น, ยาเอะ ซึ่งเป็นซากุระที่มีกลีบดอกซ้อนกันมากมาย ตั้งแต่ 10 กลีบไปจนถึง 50 กลีบทีเดียว
พิกัด : ภูเขาชิอุเดะ (Mt. Shiude)
ปักหมุดไว้เลยสำหรับเหล่าคนรักซากุระ เพราะที่สวนโอมูระเต็มไปด้วยดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่นที่กำลังบานสะพรั่งทั่วบริเวณเป็นจำนวนกว่า 2000 ต้นจากทั้งหมด 21 สายพันธุ์ ทั้งสีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม และสีเหลือง โดยหนึ่งในนั้นคือ โอมูระซากุระ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของญี่ปุ่น โดยเป็นซากุระที่มีกลีบซ้อนดอกใหญ่มี 60-100 กลีบต่อดอก เรียกว่ากลีบเยอะประหนึ่งดอกกุหลาบทีเดียว
พิกัด : สวนโอมูระ (Omura Park)
ปิดท้ายด้วยการชมซากุระรอบ ๆ ปราสาทคุมาโมโตะ ที่คุ้มแสนคุ้มเพราะได้เห็นทั้งสถาปัตยกรรมของปราสาทอายุกว่า 400 ปีที่แสนงามวิจิตรไปพร้อม ๆ กับการยลความงามของซากุระที่รายล้อมรอบตัวปราสาท โดยมีต้นซากุระปลูกอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 980,000 ตารางเมตรของปราสาทประมาณ 800 ต้น เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิยามซากุระเบ่งบาน ปราสาทคุมาโมโตะที่เคร่งครึมและแข็งแกร่ง จึงดูละมุนตาและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
มีแพลนหนีร้อนไปนอนดูซากุระที่ญี่ปุ่นกันอยู่ใช่ม้า~? อย่ามัวแต่ช้า! เพราะถ้าพลาดปีนี้ ต้องรออีกทีปีหน้าเลยนะ รีบจอง ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก ตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ราคาดี แถมไม่ต้องแย่งกับใคร ถ้าไม่อยากยุ่งยาก เสียเวลา หรือพลาดโปรเด็ด แนะนำให้คลิกจองที่ Traveloka เลย จองง่าย จ่ายสะดวกแอปเดียวจบ เที่ยวสบายไม่มีพลาด!