ไต้หวันคือดินแดนสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ การช้อปปิ้ง และเป็นดินแดนแห่งชาไข่มุก! ค่าเงินก็แทบจะเท่ากับเงินบาทของไทย การเดินทางก็ไม่ยาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ดังนั้นไต้หวันจึงกลายเป็นจุดมุ่งหมายของเหล่าชีพจรลงเท้า ยิ่งฤดูหนาวการไปเที่ยวไต้หวันยิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก เพราะอากาศเย็นสบาย ไม่หนาวมากจนเกินไป ดังนั้นปลายปีนี้เราจึงอยากชวนเพื่อนๆ ไปท้าลมหนาวตามเมืองต่างๆ ของไต้หวันกัน รับประกันเลยว่าฟินได้ใจอย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นเลยเราแนะนำให้เพื่อนๆ เพิ่มความฟินครั้งนี้ขึ้นไปอีกขั้นด้วยการจองตั๋วเครื่องบินไป เที่ยวไต้หวัน กับ Traveloka เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการจองและมีโปรโมชั่นพร้อมส่วนลดใช้แบบจุกๆ ไปเลย!
ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปไต้หวัน
เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายกันที่น้ำพุร้อนเป่ยโถ่ว น้ำพุร้อนที่มีแร่กำมะถันเป็นจำนวนมาก มีไอร้อนกำลังดี ตั้งอยู่ที่ย่านXin-Beitou ของเมืองไทเป เพื่อนๆ สามารถเดินเข้าไปชมความงามของบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งนี้ได้ไม่ยาก แต่หากใครไม่ชอบกลิ่นกำมะถันก็อาจจะอยู่ได้ไม่นานเพราะกลิ่นค่อนข้างแรงเลยทีเดียว หากไปในช่วงหน้าหนาวสถานที่แห่งนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งเพราะไอร้อนจะช่วยให้อากาศกำลังเย็นสบายเลย หากใครอยากแช่ออนเซ็นให้สบายตัวใกล้ๆ กันก็มีสถานที่สำหรับแช่ออนเซ็นไว้ด้วยนะ นอกจากนี้บริเวณใกล้กันยังมีห้องสมุดประชาชนเป่ยโถวและพิพิธภัณฑ์บ่อน้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou Hot Spring Museum) ให้ได้เข้าไปเสพความรู้กันด้วย
หากเพื่อนๆ คิดว่าสวนสัตว์ที่ไหนก็เหมือนกัน ลองมาสวนสัตว์ไทเปแล้วจะรู้ว่าความอลังการงานสร้างเป็นยังไง ที่นี่ไมได้มีดีแค่หมีแพนด้าจากจีนให้ได้ชม แต่ยังมีสัตว์ต่างๆ จากทั่วโลกรวมไว้เยอะมาก หากจะเดินให้ทั่วอาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน เพราะมีพื้นที่กว่า 500 ไร่ ที่นี่แบ่งเป็นโซนต่างๆ ถึง 14 โซน บางโซนต้องนั่งรถไฟ Shuttle Train ของทางสวนสัตว์โดยแต่ละเที่ยวจะเสียค่าโดยสารคนละ 5 NTD นอกจากหมีแพนด้าแล้วที่นี่ยังมีนกเพนกวิน หมีโคอาล่า ตัวลามะ จิงโจ้ นกฟลามิงโก้ แมลงชนิดต่างๆ โซนสัตว์เลื่อยคลานหาดูยาก และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้ามาในช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นสบาย เดินยังไงก็ไม่เหนื่อยแน่นอน
มาถึงสวนสัตว์ไทเปแล้วแนะนำให้ไปต่ออีกหน่อยเพื่อนๆ ก็จะได้สัมผัสกับไร่ชาเขียวขจี อากาศกำลังดีบนภูเขาเหมาคง โดยการเดินทางจะต้องนั่งกระเช้า Maokong Gondola ขึ้นไปลงที่สถานีสุดท้ายคือสถานี Maokong ก็จะถึงไร่ชาที่เต็มไปด้วยสีเขียวของใบชาหอมๆ ให้เพื่อนๆ สัมผัสอากาศหนาวท่ามกลางความเขียวขจี ซึ่งระหว่างทางเดินก็จะมีร้านค้า คาเฟ่ที่ขายทั้งชา ไอศกรีมซอฟต์ครีม และอาหารต่างๆ ให้รองท้องกันด้วย ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากไร่ชาแล้วก็ยังมีไอศกรีมซอตฟ์ครีมนี่แหละที่มีให้เลือกชิมแทบทุกร้านท้าความหนาวกันไปเลย
เปลี่ยนมาที่เมืองนิวไทเป (New Taipei City) กันบ้าง เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติที่งดงามและเหมาะกับช่วงอากาศหนาวๆ ให้ใส่เสื้อแขนยาว เสื้อกันหนาวไปเดินเฉิดฉายกันเพียบ
หากเอ่ยถึงไต้หวันจิ่วเฟิ่นคือ 1 ในที่เที่ยวไต้หวันที่ต้องไปไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตาม ด้วยความงดงามของโคมไฟสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นและบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงหนังจีนสมัยโบราณ ที่จิ่วเฟิ่นแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาได้ส่วนนึงมาจากการได้เป็นฉากหลักในภาพยนตร์ Animation ของค่ายการ์ตูนดัง StudioGhibli เรื่อง Spirited Away นั่นเอง ยิ่งมาตอนเย็นๆ ยิ่งได้บรรยากาศดี เพราะร้านรวงต่างๆ จะเปิดไฟและโคมไฟสีแดงส่องสว่างไปทั่ว จะหาอาหาร ของว่าง หรือของฝากที่จิ่วเฟิ่นก็มีให้เลือกครบทุกสิ่ง หรือจะเก็บภาพเป็นที่ระลึกก็มีมุมมากมายให้ถ่ายภาพกัน ยิ่งถ้ามาตนอากาศหนาวๆ บอกเลยว่าโรแมนติกมากขึ้นหลายเท่า
น้ำตกซือเฟิ่น (Shifen Waterfall) ถือเป็นอีกสถานที่ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวยกให้เป็น 1 ในสถานที่ที่ต้องมาเมื่อมาถึงเมืองนิวไทเปของไต้หวัน น้ำตกแห่งนี้สวยงามมากจนได้รับการขนานนามให้เป็น “ไนแองการ่าแห่งไต้หวัน” (Taiwan’s Niagara Falls) เป็นน้ำตกที่สูง 20 เมตร กว้าง 40 เมตร สามารถเดินขึ้นไปชมความงดงามได้ไม่ยาก ไม่เหนื่อยจนเกินไป ระหว่างทางก็มีอาหาร เครื่องดื่มตั้งขายเรียงรายให้ฝากท้องได้ด้วย หากมาเยือนในช่วงอากาศหนาวก็ยิ่งทำให้น้ำตกสวยงามขึ้นไปอีก
หนาวๆ แบบนี้ต้องไม่พลาดอุทยานธรณีเย่หลิว ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเมืองนิวไทเป อุทยานธรณีเย่หลิวเป็นแนวหินปูนที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 2 ล้านปีก่อน ประกอบกับอิทธิพลของคลื่นทะเล แรงลม และน้ำฝน ทำให้เกิดการผุกร่อนเปลี่ยนแปลงเป็นรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป แล้วชาวบ้านก็นำมาจิตนาการเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น หินรองเท้านางฟ้า, หินทะเลเทียน, หินช้าง, หินไอศกรีม เป็นต้น แต่หินชิ้นที่เป็นไฮไลท์เด็ดเพราะตังตระหง่านอยู่ริมทะเลนั่นก็คือ “หินเศียรราชินี” นั่นเอง เพื่อนๆ สายธรรมชาติไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะจะได้รับอากาศหนาวๆ และลมทะเลไปพร้อมๆ กัน ฟินเว่อร์บอกเลย
ไต้หวันยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติให้เพื่อนๆ ได้ไปสัมผัสในช่วงหน้าหนาวนี้อีกหลายที่ ขอเปลี่ยนบรรยากาศไปที่เมืองหนานโถว (Nantou) สักหน่อย เมืองนี้ก็สวยและอากาศไม่แพ้นิวไทเปเลยทีเดียว
ทะเลสาบสุริยันจันทราเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของเกาะไต้หวัน ด้วยผืนน้ำที่มีสีฟ้าอมเขียวพร้อมฉากหลังเป็นภูเขาสูง ทำให้เกิดความสวยงามและมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นทะเลสาบที่สวยงามจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน” เลยทีเดียว และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวและชาวไต้หวันเองด้วย หากใครมาเยือนทะเลสาบสุริยันจันทรา นอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังสามารถขี่จักรยานรอบทะเลสาบได้ ซึ่งเส้นทางจักรยานนั้นก็มีความยาวให้เลือกทั้งแบบขี่รอบทะเลสาบหรือขี่ระยะสั้นแบบ 1 - 2 ชั่วโมง
หน้าหนาวแบบนี้เหมาะมากกับการดูใบไม้เปลี่ยนสีที่อุทยานแห่งชาติอ้าววานต้า ที่นี่เพื่อนๆ จะได้สัมผัสกับต้นสน ใบเมเปิ้ลที่เริ่มเปลี่ยนสีจากสีเหลืองเป็นสีแดง ในช่วงเดือนตุลาคม - มกราคม ได้สัมผัสอากาศหนาวๆ พร้อมถ่ายภาพสวยๆ กลับบ้านไปได้เพียบ นอกจากต้นสนแล้วที่อุทยานแห่งชาตินี้ยังมีต้น Formosan Sweet Gum พันธุ์ไม้ท้องถิ่นของไต้หวันที่มีลักษณะสวยงามคล้ายเมเปิ้ลให้ได้ชมด้วย
9.ฟาร์มชิงจิ้ง (Cing Jing Farm)
มาเยือนเมืองหนาวโถวทั้งที่ต้องไม่พลาดแวะมาฟาร์มแกะชิงจิ้งหรือที่รู้จักกันในชื่อ “Foggy Eden” ด้วยภูมิประเทศบริเวณนี้เป็นเทือกเขา เพื่อนๆ จะได้เห็นวิวภูเขาสวยๆ พร้อมเมฆหมอกกระจายไปทั่ว นอกจากน้องแกะที่วิ่งเล่นไปมาให้เพื่อนๆ ได้ถ่ายภาพแล้ว ที่นี่ยังมีการปลูกต้นไม้และผลไม้เมืองหนาวไว้มากมาย ทั้งกีวี่ แพร พลัม ดอกไม้ก็มีทั้งลิลลี่ ทิวลิป และแคลลาลิลลี่ ที่ฟาร์มแกะชิงจิ้งยังมีกิจกรรมเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติด้วยนะ ทั้งเส้นทางชมดอกซากุระ (Sakura Trail) ยาวประมาณ 500 เมตร เส้นทางทะเลสาบหยก (Jade Lake Trail) ยาวประมาณ 2,300 เมตร เป็นต้น ไม่แปลกเลยที่คนไต้หวันยกให้ฟาร์มชิงจิ้งเป็นสวิตเซอร์แลนด์ไต้หวัน เพราะบรรยากาศมันเหมือนจริงๆ
10.ภูเขาเหอหวนซาน (Hehuanshan)
เหอหวนซานนั้นเป็นภูเขาสูงที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,422 เมตร ในฤดูอื่นๆ อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 6 องศาเซลเซียส แต่ในฤดูหนาวอุณหภูมิจะต่ำลงไปอีก และยังมีหิมะตกอีกด้วย ใครที่ชอบความหนาวต้องมาเช็คอินนะ หากมาเหอหัวซานแล้วต้องไม่พลาดมาชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน และด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลนั้น เพื่อนๆ คนไหนที่อยากมาเยือนเหอหัวซานก็ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีอาการแพ้ความสูง (High Altitude Sickness) หรือไม่ เพราะข้างบนนี้ทั้งสูง ทั้งหนาวจริงๆ
ยังคงอยู่กับธรรมชาติ ให้สมกับอากาศหนาวๆ บรรยากาศดีๆ แต่ขอเปลี่ยนไปที่เมืองสวยๆ อย่างเจียอี้ (Chiayi) กันดูบ้าง
11.อุทยานแห่งชาติอาลีซาน (Alishan National Park)
อุทยานแห่งชาติอาลีซานเป็นอุทยานแห่งชาติที่ดังที่สุดของไต้หวัน อยู่ในเมืองเจียอี้ (Chiayi) ทางตอนกลางของเกาะไต้หวัน คนไต้หวันนิยมเดินทางชมพระอาทิตย์ขึ้นกันที่นี่ อาลีซานหรืออาหลี่ซันยังเป็นแหล่งผลิตชาชั้นเยี่ยมอีกด้วย อุทยานแห่งชาติอาลีซานมีกิจกรรมให้เลือกทำหลายอย่าง ดังนั้นหากมีเวลาควรจะมีค้างคืนอย่างน้อยก็ 2 วัน 1 คืน เพื่อทำกิจกรรมสนุกๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ Zhaoping Park ชมวัด Shouzhen Temple หรือกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์คือการนั่งรถไฟชมดอกซากุระ ซึ่งมี 3 เส้นทางให้เลือก แต่ช่วงเวลาที่จะได้เห็นดอกซากุระบานสะพรั่งนั้นมีแต่ช่วงเดือนมีนาคมเท่านั้น
12.หมู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่น Hinoki Village
เนื่องจากเมืองเจียอี้นั้นเคยถูกญี่ปุ่นยึดครองตั้งแต่ก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ในตอนนั้นหมู่บ้านนี้เป็นที่พักของทหารญี่ปุ่น เมื่อหมดสงครามจึงมีการจำลองวิถีชีวิตความเป็นญี่ปุ่นเอาไว้ ปัจจุบันมีบ้านสไตล์ญี่ปุ่น 28 หลัง ซึ่งสร้างจากไม้สนไซเปรซ หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่าไม้สนฮิโนกิ ที่นี่จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า Cypress Forest Life Village บ้านแต่ละหลังกลายเป็นร้านค้าต่างๆ มีขายทั้งอาหาร ของกินเล่นและของแฮนด์เมด รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความเป็นมาของหมู่บ้านด้วย
ไปต่อกันที่เมืองชิคๆ อย่างไทจง (Taichung City) กันบ้าง ไทจงเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวัน มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ มากมายชนิดที่ว่าไม่ควรมองข้ามจริงๆ
13.หมู่บ้านสายรุ้ง (Rainbow Village)
หมู่บ้านสายรุ้งคือสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกำแพสีสันสดใสให้เราได้ไปถ่ายรูปสนุกๆ กัน ไม่ว่าจะมุมไหนก็สวยไปหมด ยิ่งมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวยิ่งฟินเลย เพราะสามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้แบบไม่เหนื่อย จัดเสื้อผ้าหน้าผมมาให้เต็มที่ เพราะกำแพงที่นี่สวยงามมาก และหากเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่หมู่บ้านสายรุ้งแล้วไม่เจอชาวบ้านก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะปัจจุบันไม่มีคนอาศัยอยู่แล้ว แต่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้เพื่อนๆ ได้เที่ยวกัน
14.พื้นที่ชุ่มน้ำเกาเหม่ย (Gaomei Wetlands)
พื้นที่ชุ่มน้ำเกาเหม่ยแห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากถึง 3,795 ไร่มีระบบนิเวศน์ที่หากหลายและสมบูรณ์มาก ทั้งฝูงนกที่อพยพเข้ามาจำนวนมาก มีสะพานยาวสุดลูกหูลูกตา มีกังหันลมวางเรียงราย กลายเป็นภาพที่สวยงาม ที่นี่เหมาะมากๆ กับการมานั่งชมพระอาทิตย์ตก มีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา ในฤดูหนาวยิ่งลมแรง อากาศดีมากจริงๆ
15.อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park)
ขอปิดท้ายที่เที่ยวไต้หวันหน้าหนาวกันที่เมืองฮวาเหลี่ยน ( Hualien ) อย่างอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park) หรือแห่งชาติไท่ลู่เก๋อ อุทยานแห่งนี้เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำมาเป็นเวลานานหลายร้อยล้านจนเกิดเป็นทัศนียภาพของหุบเขาและเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงาม อุทยานแห่งชาติทาโรโกะถูกยกให้เป็นดินแดนสวรรค์ฝั่งตะวันออกของไต้หวัน มีพื้นที่ 1,200 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 27 ยอดเขา ภายในมีทั้งถ้ำ, น้ำตก, น้ำพุ, ลำธาร, จุดชมวิวต่างๆ มีจุดท่องเที่ยวสำคัญหลายจุด เช่น เส้นทางเดินชมธรรมชาติ Xiaozhuilu, เส้นทางเดินในหุบเขา Shakadang และจุดดชมวิว Yanzihkou (Swallow Grotto) เป็นต้น ช่วงหน้หนาวธรรมชาติยิ่งสวยมาก เพื่อนๆ ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
เป็นยังไงกันบ้างกับ 15 สถานที่ท่องเที่ยวรับลมหนาวของไต้หวันที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หากใครมีแพลนจะไปเที่ยวไต้หวันช่วงหน้าหนาว ก็อย่าลืมแวะไปที่เที่ยวไต้หวันที่เรานำมาฝากกันนะ รับรองว่าหน้าหนาวของเพื่อนๆ จะน่าจดจำไปอีกนาน