มะละกา หรือ เมอลากา(Melaka) เป็นเมืองในประเทศมาเลเซีย ในอดีตมะละกาเป็นเมืองท่าที่สำคัญและส่งผลให้กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งในปัจจุบัน นอกจากนี้มะละกายังเป็นเมืองขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมของชาวตะวันออกและตะวันตกผสมผสานด้วยกัน เนื่องจากเมืองมะละกาเคยตกอยู่ใต้อาณานิคมของทั้งโปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษมาก่อน จึงเป็นสาเหตุที่สถาปัตยกรรมในเมืองมีความสวยงามและแปลกตา จนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนต่างก็ต้องหลงใหลในที่แห่งนี้
ในบทความนี้ ได้คัดสรรที่เที่ยวมะละกาเมืองมรดกโลกของเอเชีย พร้อมแจกแพลนเที่ยวมะละกาที่คุณไม่ควรพลาด เพียงแค่กดจองตั๋วเครื่องบินไปมะละกา ที่แอป Traveloka เพื่อส่วนลดราคาพิเศษ ที่จะทำให้ประสบการณ์ในการท่องเที่ยวมะละกาของคุณไม่เหมือนใคร เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกดจองตั๋วได้เลย!
สำหรับใครที่อยากเดินเที่ยวมะละกาในยามค่ำคืน ถนนยองเกอร์ (Jonker Street Night Market) ถือเป็นหนึ่งสถานที่ที่แนะนำของมะละกานักท่องเที่ยวสามารถแวะช้อปแวะชิลกันตามถนนเส้นเล็ก ๆ แห่งนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งถนนยองเกอร์ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่สามารถเดินถ่ายรูปในฐานะแลนด์มาร์กมะละกาได้อีกด้วย ชวนให้คุณดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติ เดินเล่น และดูสินค้าพื้นเมืองได้อย่างเพลิดเพลิน
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กมะละกาที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาสัมผัสบรรยากาศ คือ มัสยิดกลางน้ำ (Masjid Selat Melaka) เป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่บนเกาะปุเลย์ ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในมาเลเซีย มีความสวยงามที่ไม่สามารถละสายตาไปได้ ด้วยหินอ่อนสีขาวตัดรับกันได้ดีกับสีท้องฟ้า เป็นอีกที่เที่ยวมะละกาที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาให้ได้ รับรองว่าสวย คุ้มค่าการเดินทางไปมะละกาแน่นอน
ดัตช์สแควร์ (Dutch Square) จัดว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กมะละกาสำคัญใจกลางเมืองที่ห้ามพลาด ด้วยการสร้างสรรค์อาคารจากอิฐสีแดงซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการเข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในอดีต ทำให้จัตุรัสแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองมะละกาที่ควรค่าแก่การเพิ่มไว้ในโปรแกรมเที่ยวมะละกาเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าสายถ่ายรูปเช็กอินห้ามพลาดที่เที่ยวมะละกาแห่งนี้เลยล่ะ
พิพิธภัณฑ์มรดกบ้าบ๋า-ญ่าญ๋า (Baba & Nyonya Heritage Museum) คือ พิพิธภัณฑ์ที่เป็นชื่อเรียกของชาวจีนที่เกิดและเติบโตในเขตช่องแคบมะละกาที่เที่ยวมะละกาแห่งนี้มีการผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนมาเลเซียและคนจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของบ้าบ๋า-ญ่าญ๋าได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ใครที่ไปมะละกาครั้งแรกแนะนำให้แวะให้ได้!
Church of Saint Paul เป็นโบสถ์คาทอลิกในเมืองมะละกาที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกส ตัวโบสถ์และหลังคามีการเสื่อมโทรมตามกาลเวลา แต่ด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่แห่งนี้ จึงทำให้โบสถ์เซนต์ปอลเป็นที่เที่ยวมะละกาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถมองเห็นวิวเมืองมะละกาได้อย่างกว้างขวางจากที่แห่งนี้ เรียกได้ว่าวิวสวยสะดุดตา ควรค่าแก่การเป็นแลนด์มาร์กมะละกาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
แลนด์มาร์กมะละกายอดฮิตกับบรรยากาศริมน้ำมะละกา (Melaka River)แสนชิล ทำให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวที่เดินเที่ยวมะละกาเป็นอันต้องหลงใหล แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านใจกลางเมืองก่อนลงสู่ช่องแคบมะละกา นับว่าเป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนบริเวณนั้นมาช้านาน เราขอแนะนำให้มาที่เที่ยวมะละกาแห่งนี้ช่วงพระอาทิตย์ตก ขอบอกเลยว่าแสงสวยมาก!
หากใครกำลังหาที่เที่ยวในมะละกาพร้อมกิจกรรมแสนสนุก เราขอแนะนำที่เที่ยวมะละกาแห่งนี้ นั่นก็คือ The Huskitory ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับคนรักสัตว์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบน้องหมาต้องห้ามพลาด! แลนด์มาร์กมะละกาแห่งนี้เต็มไปด้วยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี (Siberian Husky) จำนวนมาก นักท่องเที่ยวคนไหนสนใจอยากเปิดประสบการณ์ในการเล่นกับน้องหมาในต่างแดน ต้องมาที่นี่ให้ได้
ที่เที่ยวมะละกาแหล่งต่อไปที่เราอยากนำเสนอ คือ Muzium Samudera (Flor de La Mar)
เป็นพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์สุดอลังการแห่งเมืองมะละกา ซึ่งมีจุดเด่นในฐานะแลนด์มาร์กมะละกาด้วยเรือสำเภาขนาดใหญ่ยักษ์สูง 8 เมตร ที่ถูกสร้างให้คล้ายคลึงกับเรือฟลอราเดอลามาร์ของโปรตุเกส ถือเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างมาก นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงวิถีชีวิตชาวเรือ แผนที่เดินเรือ และแบบจำลองเรือโบราณที่ไม่ควรพลาดอีกด้วย
สถานที่เที่ยวในมะละกาและเป็นไฮไลท์สำคัญใจกลางของเมืองมะละกาแห่งนี้ คือ The Shore Sky Tower ตึกสูงตระหง่านตาที่สามารถมองเห็นวิวอันงดงามของเมืองมะละกาได้แบบ 360 องศา ผู้คนซึ่งเดินเที่ยวมะละกาสามารถซื้อบัตรขึ้นไปชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองแห่งนี้ได้ที่นี่ โดยเราขอแนะนำให้คุณไปให้ทันช่วงเย็น เพราะแสงจากพระอาทิตย์ตกดินนั้นสวยเกินบรรยาย น่าบันทึกภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกสุด ๆ
ที่เที่ยวมะละกาแห่งต่อไป คือ The Shore Oceanarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อยู่ไม่ไกลจาก The Shore Sky Tower ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการให้อาหารปลาและได้ใช้เวลาไปกับครอบครัวอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวที่อยากเดินเที่ยวมะละกาแต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี จดที่นี่เข้าลิสต์ไว้ได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
สายเดินเล่น เดินเที่ยวเชิญทางนี้ เพราะที่เที่ยวมะละกา Klebang Beach แห่งนี้ต้องบอกเลยว่าชิลมาก โดยที่นี่เป็นทะเลซึ่งมีหาดทรายทอดยาวหลายกิโลเมตร นักท่องเที่ยวผู้อยากใช้เวลาว่างกับครอบครัวสามารถมาที่นี่ได้เลย เพราะบริเวณชายหาดมีเก้าอี้ผ้าใบ เสื่อ และร้านอาหารคอยให้บริการนักท่องเที่ยว หากใครโชคดีเดินเที่ยวมะละกาในจังหวะที่พอดี อาจจะได้พบกับกิจกรรมขี่ม้า รวมถึงการแสดงระบำไฟจากคนในพื้นที่อีกด้วย
หนึ่งในที่เที่ยวมะละกาซึ่งไม่ควรพลาดในการมาเยี่ยมชม คือ วัดเช็งฮุนเต็ง (Cheng Hoon Teng Temple) วัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองมะละกา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวพุทธที่มากราบไหว้สักการะสถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง หากใครไปมะละกาครั้งแรกแนะนำให้เข้าไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้สักครั้งก่อนเดินทางกลับบ้านนะ
Taming Sari Tower คือ หอคอยหมุนทามิงส่าหรี เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวมะละกาที่โดดเด่น เพราะเมื่อขึ้นไปบนหอคอยแห่งนี้แล้ว นักท่องเที่ยวจะสามารถชมวิวมะละกาได้แบบ 360 องศา เรียกได้ว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กมะละกาที่ทำให้เราได้ชมวิวทิวทัศน์แบบสุดสายตา เห็นเมืองครบทุกมุมกันเลยทีเดียว ใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวมะละกา อย่าลืมลิสต์ไว้นะ
ที่เที่ยวมะละกาแห่งถัดไป คือ พระราชวังสุลต่าน (Melaka Sultanate Palace) ซึ่งเป็นพระราชวังที่ทำจากไม้ทั้งหลัง สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสุลต่านมันซูร์ ชาห์ ผู้นำมะละกาตั้งแต่ปี 1456-1477 ในเวลาต่อมาพระราชวังแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมะละกาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แลนด์มาร์กมะละกาแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสายประวัติศาสตร์ ถือว่าพลาดไม่ได้เลยล่ะ
Muzium Rakyat หรือ People's Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ของประชาชนชาวเมืองมะละกาที่รวมการแสดงผลงานและวิถีชีวิตต่าง ๆ ของคนพื้นเมืองเอาไว้ นักท่องเที่ยวคนไหนที่แวะเข้ามาในที่เที่ยวมะละกาแห่งนี้จะได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของมะละกาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะของพื้นเมืองต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ว่าวมาเลย์ ลูกข่าง และห่วงคล้องคอ ก็มีให้ได้เลือกดูกัน ผู้ที่มาเดินเที่ยวมะละกาสามารถแวะมาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ ไม่ผิดหวังแน่นอน!
มาถึงแลนด์มาร์กมะละกาแห่งถัดไป อย่าง A Famosa ป้อมปราการของเมืองมะละกาที่เที่ยวมะละกาแห่งนี้จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมของชาวโปรตุเกสที่เก่าแก่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตัวอาคารมีกำแพงหนา 3 เมตร ในขณะที่ตัวหอคอยมีความสูงถึง 40 เมตร ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวมะละกาด้วยตัวเองสามารถแวะมาศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองมะละกาในที่แห่งนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ต้องการรับชมสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่มีความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะ
Melaka River Cruise เป็นแลนด์มาร์กมะละกาที่สายชิลไม่ควรพลาด เพราะที่นี่พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมสุดพิเศษอย่างการล่องเรือผ่านแม่น้ำมะละกา ชมเมืองเก่าแก่ที่สุดของมาเลเซียกลางแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของ UNESCO ผู้ที่กำลังหากิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับโปรแกรมเที่ยวมะละกาสามารถมาล่องเรือชมวิวแม่น้ำได้ที่ Melaka River Cruise ขอบอกเลยว่าเพลินแน่นอน
ที่เที่ยวมะละกาแห่งต่อมาที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองมะละกา คือ Malacca Submarine Museum ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในเรือดำน้ำที่ปลดประจำการแล้ว ทำให้ปัจจุบันเรือลำนี้ได้กลายเป็นแหล่งให้ความรู้ที่ตั้งอยู่ในเมืองมะละกา นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาสามารถเข้ามาเยี่ยมชมและถ่ายรูปเรือดำน้ำกันได้อย่างเต็มที่
Wonderpark Melaka เป็นสถานที่เที่ยวมะละกาในร่มสำหรับครอบครัว ที่รวบรวมประสบการณ์อันหลากหลายสำหรับคนทุกเพศทุกวัย มีทั้งสนามเด็กเล่นที่ออกแบบมาตอบสนองความสนใจของน้อง ๆ หนู ๆ และเอาใจผู้ใหญ่ด้วยเทคโนโลยี 4D Max ในธีมต่าง ๆ นักท่องเที่ยวที่แวะมาเมืองมะละกา ห้ามพลาดกับความสนุกที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยแห่งนี้
ที่เที่ยวมะละกาแห่งสุดท้ายที่จะมาแนะนำนักเดินทางต่างแดนนั่นก็คือ ห้างสรรพสินค้า Dataran Pahlawan Melaka Megamall นั่นเอง ห้างแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมะละกา โดยตอบโจทย์ผู้สัญจรที่ผ่านไปมาได้ในทุกด้าน เพราะครอบคลุมทุกความสะดวกสบาย มีทั้งร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้ง เหมาะกับการพักผ่อนในวันที่คุณต้องการเดินเล่นเป็นอย่างมาก ห้าง Dataran Pahlawan Melaka Megamall เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าแวะมา และถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากเดินชิล ๆ ในมะละกา
หลังจากที่เราทราบกันแล้วว่า ที่เที่ยวมะละกามีอะไรบ้าง เรามาเตรียมความพร้อม เช็กเอกสารต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางกันได้เลย
การเดินทางในมะละกาไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่ใครหลายคนคิด เพราะในเมืองมะละกาแห่งนี้มีการเดินทางหลากหลายวิธีให้คุณเลือกใช้บริการตามความสะดวก จะมีอะไรบ้าง Traveloka รวบรวมมาให้คุณแล้ว มาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยกันก่อนนั่งเครื่องบินไปมะละกากันได้เลย
มะละกา (Melaka) คือ เมืองมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย ในอดีตเมืองมะละกาเคยเป็นเมืองท่าที่มีผู้สัญจรหลากหลายชาติแวะมาเยือน จึงทำให้อาคารบ้านเรือนของเมืองมะละกาเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานหลากหลาย ทั้งแบบโปรตุเกส ดัตช์ และมลายู ส่งผลให้ปัจจุบันมะละกากลายเป็นเมืองที่มีหลากหลายศิลปวัฒนธรรมอยู่รายล้อมเมือง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศมาเลเซีย
วิธีการเดินทางจากประเทศไทยไปยังเมืองมะละกาที่สะดวกที่สุด คือ การเดินทางด้วยเครื่องบิน โดยคุณสามารถบินตรงได้จากกรุงเทพฯ ไปลงยังท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ได้ด้วยสายการบิน Batik Air, AirAsia, Thai Air Aisia X, Malaysia Airlines, Thai Airways และ Bangkok Airwaysแล้วขึ้นรถบัสจากสถานีขนส่งเบอร์เซปาดู ไปลงที่สถานีขนส่งมะละกา โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เพียงเท่านี้เราก็สามารถเดินทางไปมะละกาได้อย่างสะดวกสบายแล้ว
ประเทศมาเลเซียมีขนส่งสาธารณะหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้ารางเบา, รถไฟฟ้าชานเมือง, รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยาน และ KLIA Express ที่เป็นบริการรถไฟรับ-ส่งสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA)นักท่องเที่ยวที่สนใจการเดินทางภายในประเทศมาเลเซียหรือที่เที่ยวมะละกา สามารถเลือกการเดินทางสาธารณะตามที่ตนเองสะดวกได้เลย แต่อย่าลืมเช็กเวลาการเดินทางให้ดีก่อนออกเดินทางนะ
ในประเทศมาเลเซียจะมีการใช้ภาษามาเลเซียหรือภาษามลายู (Bahasa Malayu) เป็นหลัก แต่สำหรับเมืองท่องเที่ยวอย่างมะละกาจะมีการใช้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง ผู้ที่เดินทางไปเมืองมะละกาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภาษา เพราะคนพื้นที่ส่วนใหญ่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
ประเทศมาเลเซียใช้จ่ายด้วยหน่วยเงินตราของมาเลเซีย คือ ริงกิตมาเลเซีย โดยอัตราแลกเปลี่ยน 1 ริงกิต มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 7.55 บาทไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 1 มีนาคม 2567) ทั้งนี้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการแลก ณ ขณะนั้น สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวเดินทางไปมะละกาควรศึกษาช่วงเวลาในการแลกเงินให้ดี
เมืองมะละกาใช้เวลามาตรฐานของประเทศมาเลเซีย คือ UTC+8 (เวลามาตรฐานมาเลเซีย) ทำให้เมืองมะละกามีเวลาเร็วกว่าประเทศไทยอยู่ 1 ชั่วโมง ผู้ที่ไปมะละกาครั้งแรกอย่าลืมปรับโซนเวลาให้ตรงกับเวลามาตรฐานของประเทศกันด้วยนะ
ประเทศมาเลเซียตั้งอยู่ใกล้เส้นสูตรจึงได้รับอิทธิพลของลมมรสุมจากมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ สภาพภูมิอากาศจึงมีลักษณะใกล้เคียงกับภาคใต้ของประเทศไทย โดยจะแบ่งฤดูกาลออกเป็น 2 ฤดู ดังนี้