มิลาน (Milan) เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมอิตาลี เป็นศูนย์กลางของแฟชั่นและอารยธรรมที่น่าสนใจ และยังมีที่เที่ยวหลากหลายที่ทำให้คุณต้องตกหลุมรัก
อย่าพลาดโปรโมชันตั๋วเครื่องบินไปมิลานที่แอป Traveloka เพื่อออกเดินทางไปผจญภัยในเมืองแห่งนี้กันเลย!
มิลานมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่รอคุณไปสำรวจ ทั้งย่านประวัติศาสตร์, พิพิธภัณฑ์, ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง มิลานจึงเป็นเมืองที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกแบบ ไม่ว่าคุณจะสนใจประวัติศาสตร์ แฟชั่น หรือแค่อยากเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ เมืองนี้สามารถมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับคุณได้
กัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเลเป็นที่เที่ยวมิลานที่เป็นศูนย์การค้าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี โดดเด่นด้วยหลังคาแก้วอันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ดัง ของฝากจากมิลาน หรือของที่ระลึก โดยที่นี่มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ หนังสือ และงานศิลปะ นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองมิลานและสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่บริเวณชั้นบนของห้างได้ด้วย
ที่เที่ยวมิลานที่โบสถ์ Santa Maria Delle Grazie แห่งนี้ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง The Last Supper ผลงานชิ้นเอกของ Leonardo da Vinci ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาด 5 x 9 เมตร ที่มีความสำคัญและเป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยเป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่พระเยซูบอกเหล่าสาวกของพระองค์เกี่ยวกับผู้ทรยศท่ามกลางพวกเขา โดยคนที่ไปเที่ยวมิลานและอยากไปชมที่นี่ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้า
มหาวิหารแห่งมิลาน ซึ่งก่อสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และกินเวลายาวนานจนถึงศตวรรษที่ 20 มีสถาปัตยกรรมในสไตล์บาโรก โมเสก นอกจากนี้ ภายในยังมีภาพวาดที่จะทำให้คุณหลงใหล และพิพิธภัณฑ์มหาวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อิตาลี โดยสามารถขึ้นไปยังด้านบน เพื่อชมวิวเมืองมิลานและชมยอดแหลมอย่างใกล้ชิด
ที่เที่ยวมิลานในย่านเก่าแก่ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากคลอง และร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายในบรรยากาศสบาย ๆ ในย่านนี้คุณจะได้พบกับร้านค้างานฝีมือเล็ก ๆ มากมาย พร้อมดีไซเนอร์และศิลปินที่ขายผลงานผ่านสตูดิโอของตัวเอง จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน และเพลิดเพลินกับความเป็นอิตาเลียนแท้ ๆ
มิลานมีสวนสาธารณะหลายแห่งที่สามารถเข้าได้ฟรี ซึ่งสวนแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น จึงเป็นที่นิยมของชาวท้องถิ่นและคนที่เที่ยวมิลาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งคุณสามารถไปเดินเล่น นั่งปิกนิก และชื่นชมความงดงามของโบสถ์นีโอคลาสสิก ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสงบในยุโรป
ปราสาท Sforzesco ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน โดยบอกเล่าเรื่องราวอันยาวนานของเมือง ผ่านร่องรอยจากสงคราม การปกครองของตระกูลผู้มีอิทธิพล การก่อสร้าง การบูรณะ และศิลปะที่งดงามตระการตา ภายในปราสาทเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์มากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Pinacoteca, พิพิธภัณฑ์อียิปต์ และพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ซึ่งรอให้คุณมาค้นพบอารยธรรมอันล้ำค่าเหล่านี้
สุสานที่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งมิลาน เป็นสถานที่ซึ่งมีการจัดแสดงผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง ทั้งแบบที่เป็นผลงานขนาดใหญ่และรูปปั้นต่าง ๆ ทำให้ที่นี่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และยังเป็นสถานที่อันเงียบสงบ โดยเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง ที่แสดงงานศิลปะและสถาปัตยกรรมจากยุคต่าง ๆ ของประวัติศาสตร์อิตาลี
เป็นหอศิลป์ที่มีผลงานศิลปะคลาสสิกเป็นหลัก โดยภายในแบ่งออกเป็น 36 ห้อง แต่ละห้องนำเสนอเรื่องราวในแต่ละช่วงเวลา และประเภทของศิลปะที่แตกต่างกัน จึงถือเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะชั้นนำของมิลาน ที่เป็นแหล่งรวบรวมผลงานศิลปะชั้นเยี่ยม ทั้งของศิลปินอิตาลีและศิลปินต่างชาติอีกมากมาย
เป็นที่เที่ยวมิลานที่เป็นโรงละครโอเปร่าเก่าแก่ ซึ่งผ่านการปรับปรุงใหม่มาหลายครั้ง ปัจจุบันโรงละครแห่งนี้เป็นสถานที่จัดแสดงโอเปร่า บัลเลต์ และการแสดงดนตรีชั้นนำ มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ที่นั่งสีแดงกำมะหยี่ และโคมระย้าขนาดใหญ่ บรรยากาศภายในโรงละครหรูหรา ราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งศิลปะการแสดง
โบสถ์ในมิลานที่ภายนอกอาจดูเรียบง่าย แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความงดงามตระการตา โดยผนังและเพดานในแทบทุกตารางนิ้ว ถูกประดับประดาด้วยภาพวาดและอันวิจิตร ซึ่งไม่เพียงแค่ผนังเท่านั้น แต่เสาและคานต่าง ๆ ภายในโบสถ์ยังได้รับการตกแต่งอย่างประณีต จนแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่
เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลอินเตอร์นาซิโอนาเล มีลาโน และเอซี มิลาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเต็มไปด้วยตำนาน เคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติมากมาย สำหรับคนที่ชื่นชอบฟุตบอล สนามกีฬา San Siro เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด
หากคุณเดินทางไปเที่ยวมิลานพร้อมเด็ก ๆ หรือเจอวันฝนตกในระหว่างเที่ยวมิลาน 1 วัน อย่าลืมแวะไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ โดยที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งคุณจะได้ชมสิ่งของที่ดัดแปลงมาจากงานเรขาคณิตของ Leonardo da Vinci เช่น โมเดลเรือดำน้ำและเรือต่าง ๆ รถไฟไอน้ำ และเครื่องบิน
ห้องเก็บกระดูกซึ่งถูกตกแต่งด้วยกระดูกและกะโหลกศีรษะจำนวนมาก อาจดูน่ากลัวสำหรับบางคน แต่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวมิลานจำนวนมากให้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ โดยนอกจากกระดูกแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ภาพวาดบนเพดาน ซึ่งใช้สีหลักเป็นสีเทาและสีเหลือง โดยมีภาพของเหล่าทูตสวรรค์ และวิญญาณปรากฏอยู่ตรงกลาง
เป็นย่านศิลปะอันเก่าแก่และมีเสน่ห์ดึงดูดใจในมิลาน เมื่อคุณก้าวเข้ามาในย่านนี้ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือ อาคารบ้านเรือนสีสันสดใสในตรอกซอยอันเงียบสงบ โดยเป็นแหล่งรวมตัวของศิลปิน นักออกแบบ นักดนตรี และคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย บรรยากาศของย่านนี้จึงเต็มไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจ
มหาวิหาร Sant'Ambrogio เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมิลาน สร้างขึ้นโดยนักบุญ Saint Ambrose ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ประกอบด้วยโบสถ์หลัก ลานภายในกำแพง และทางเดินที่มีหลังคาคลุมยาวตลอดสองข้าง โดยมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมัน สไตล์ลอมบาร์ด ภายในโบสถ์ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง มีงานศิลปะและโบราณวัตถุมากมายให้ชม
เป็นเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ และเป็นอนุสรณ์สถานโบราณที่สำคัญของเมืองมิลาน มีลักษณะแบบคอรินเธียน โดยคาดว่าเดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงอาบน้ำ หรือวิหารโบราณ ปัจจุบันบริเวณโดยรอบเป็นสวนสาธารณะ จึงทำให้เสาหินโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจัตุรัส ซึ่งสามารถมองเห็นเสาหินขนาดมหึมานี้ได้จากระยะไกล
เป็นที่เที่ยวมิลานและย่านธุรกิจ โดยเป็นที่ตั้งของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ร้านค้าสุดหรู และบาร์บรรยากาศสบาย ๆ ให้เลือกสรร โดยย่านนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่เดิมที่เคยเป็นโรงงานและทางรถไฟเก่า ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์รวมผลงานของสถาปนิกและนักลงทุนระดับโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กมิลานด้านสถาปัตยกรรมสมัยใหม่
อนุสาวรีย์ L.O.V.E. คือรูปมือที่มีนิ้วกลางชี้ขึ้น ซึ่งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์คนที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและนักลงทุนที่ไร้ความรับผิดชอบ แม้ชื่ออนุสาวรีย์อาจทำให้คนที่ไปเที่ยวมิลานเข้าใจว่า มาจากคำว่า love (ความรัก) แต่ความจริงแล้วมีความหมาย ดังนี้ L - Libert (เสรีภาพ), O - Odio (ความเกลียดชัง), V - Vendetta (การแก้แค้น) และ E - Eternit (นิรันดร์)
มิลานมีแหล่งช้อปปิ้งสุดหรูอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด นั่นคือ Quadrilatero d'Oro ซึ่งประกอบด้วยถนน 4 สาย โดยเป็นที่ตั้งของร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลกมากมาย เช่น Gucci, Chanel, Cartier, Prada, Louis Vuitton, Dior, Fendi เป็นต้น หากคุณต้องการสัมผัสความหรูหราและช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ที่นี่คือที่เที่ยวมิลานที่เหมาะสำหรับคุณ
ไร่องุ่นในมิลานที่เคยเป็นของ Leonardo da Vinci โดยเชื่อกันว่า Leonardo มักมาพักผ่อนในไร่องุ่นแห่งนี้ หลังใช้เวลาทั้งวันไปกับการประดิษฐ์ วาดภาพ และเขียน ซึ่งคุณจะได้เดินชมต้นองุ่นที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ สัมผัสบรรยากาศของอดีต และเรียนรู้เกี่ยวกับความรักในธรรมชาติของศิลปินเอกผู้นี้
นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปมิลาน ต้องมีหนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และต้องขอวีซ่าจากสถานทูตอิตาลี โดยสามารถยื่นขอวีซ่าเชงเก้น ประเภทวีซ่าท่องเที่ยว (Schengen visa) ซึ่งจะได้ระยะเวลาพำนักสูงสุดไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง โดยสามารถศึกษาข้อมูลการยื่นวีซ่าได้ที่ https://visa.vfsglobal.com/one-pager/italy/thailand/thai/
มิลานเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศอิตาลี รองจากกรุงโรม โดยในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันตก จึงเป็นที่ตั้งของโบสถ์และพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง
ปัจจุบันมิลานเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยถือเป็นอีกหนึ่งเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทวีปยุโรป
นครมิลาน เป็นเมืองหลักที่ตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย มีการแบ่งย่านในเมืองออกเป็น 20 โซนในปัจจุบัน โดยได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในเมืองหลวงด้านแฟชั่นของโลก จากชื่อเสียงด้านการออกแบบเสื้อผ้า เครื่องประดับ และรองเท้า ในแต่ละปีมิลานเป็นเจ้าภาพจัดงานแฟชั่นโชว์ระดับนานาชาติมากมาย รวมถึงมิลานแฟชั่นวีค
การเดินทางไปที่เที่ยวมิลานสามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย โดยมีสนามบินสุวรรณภูมิเป็นจุดเริ่มต้น ในการนั่งเครื่องบินไปมิลาน ซึ่งมีหลายสายการบินที่บริการ แต่ยังไม่มีเที่ยวบินตรง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการต่อเครื่อง 1 ครั้ง
เช่น สายการบิน Oman Air, Lufthansa, Austrian Airlines, Air France เป็นต้น โดยไฟลต์มิลานที่เร็วที่สุดใช้เวลาประมาณ 11-12 ชั่วโมง ซึ่งสามารถเช็กเวลาและจองตั๋วได้ที่แอป Traveloka
แม้คุณจะไปมิลานครั้งแรก หรือเที่ยวมิลานด้วยตัวเอง แบบไม่มีไกด์ การเดินทางในมิลานก็มีความสะดวกสบาย และมีหลายวิธีให้เลือก นอกจากนี้ ยังมีตั๋วร่วมราคาประหยัดให้บริการอีกด้วย
โดยตั๋วนี้ครอบคลุมการขนส่งสาธารณะในมิลานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน (Metro), รถราง (Tram) และรถบัสที่วิ่งให้บริการตามจุดต่าง ๆ
ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวมิลานคือ ภาษาอิตาลี แต่ในบางพื้นที่ก็มีการใช้ภาษาอิตาลีคนละสำเนียง ซึ่งมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป อาทิ ภาษาซิซิลี, ภาษาซาร์ดีเนีย อย่างไรก็ตาม ในที่เที่ยวหลัก ๆ ที่เป็นแลนด์มาร์กมิลาน นักท่องเที่ยวสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้เป็นส่วนใหญ่
มิลานใช้สกุลเงินยูโร (EUR) เป็นเงินตราประจำชาติ โดยอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับเงินยูโรจะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วง อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปี 2024 เงิน 1 EUR จะเท่ากับประมาณ 37 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เที่ยวมิลานสามารถเช็กและแลกเงินได้ที่ธนาคาร สนามบิน และร้านแลกเงินทั่วไป โดยไม่ควรพกเงินสดติดตัวมากเกินไป เพราะอาจเสี่ยงต่อการสูญหาย หรือถูกโจรกรรมได้
มิลานใช้โซนเวลา UTC+1 ในช่วงฤดูร้อน (เดือนมีนาคม-ตุลาคม) และโซนเวลา UTC+2 ในช่วงฤดูหนาว (เดือนตุลาคม-มีนาคม) ดังนั้น ในช่วงฤดูร้อน เวลาในมิลานจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง และในช่วงฤดูหนาวจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวควรเผื่อเวลาในการปรับเวลาให้เข้ากับเวลาท้องถิ่นของโปรแกรมเที่ยวมิลาน
สำหรับใครที่กำลังมีแพลนเที่ยวมิลาน อาจมีคำถามว่า เที่ยวมิลาน เดือนไหนดี ซึ่งมิลานก็มีทั้งหมด 4 ฤดู ดังนี้