เชื่อว่าใครหลายคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองจะต้องเผชิญกับฝุ่นควันและมลภาวะต่าง ๆ มากมาย แถมมองไปทางไหนก็เจอแต่ตึกอาคารสูงเต็มไปหมด จะดีกว่าไหมถ้าเราได้ลองออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางความเงียบสงบของผืนป่า และไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้ฉ่ำปอดบ้าง วันนี้เราเลยได้รวบรวม 20 ที่เที่ยว trekking ทั่วไทย ที่คุณสามารถเดินทางไปศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ซึมซับบรรยากาศอันร่มเย็น และใกล้ชิดกับความสวยงามของธรรมชาติกันได้อย่างเต็มที่ รับรองว่าระหว่างทางของทริปเดินป่าในครั้งนี้จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจ และได้ออกไปใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่คุณอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อนอย่างแน่นอน ว่าแล้วไม่รอช้ารีบแบกเป้ เตรียมร่างกายให้พร้อม และออกไปตะลุยกันเลยดีกว่า แต่ก่อนจะเดินทางไปปีนเขาแต่ละที่ ก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ได้ เพราะนอกจากจะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกและรวดเร็วขึ้นแล้ว เขายังมีฟีเจอร์สุดพิเศษที่ให้คุณสามารถเทียบราคาและโปรโมชั่นจากสายการบินต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้ตั๋วในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลาเปรียบเทียบเองให้เหนื่อยอีกต่อไป
1. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
มาเริ่มกันด้วยสถานที่แรกกับการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเลย หนึ่งในพิกัดที่เหมาะสำหรับการเดินป่า โดยมีระยะทางยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตร ซึ่งคนทั่วไปก็จะใช้เวลาในการเดินอยู่ที่ 3-5 ชั่วโมง ระหว่างทางนั้นก็มีหินชันที่ต้องปีนป่ายบ้าง ทางเรียบบ้าง ก็แนะนำให้เพื่อน ๆ เตรียมตัวและใช้รองเท้าที่เหมาะสมแก่การเดินป่าให้ดี โดยกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงภูกระดึงเลยก็คือ การนอนเต็นท์ค้างคืนท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อซึมซับกับออกซิเจนอันบริสุทธิ์กันให้ฉ่ำปอด พร้อมทั้งชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า และเที่ยวชมความสวยงามของสระอโนดาต รวมถึงการทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
2. ดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาว ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความสวยงามของธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา โดยเส้นทางการขึ้นดอยนั้นสามารถเดินได้ 2 ทาง ก็คือ เส้นทางเด่นหญ้าขัด-อ่างสลุง ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้สบาย ๆ ไม่ชันมาก แต่ต้องเช่ารถขึ้นไปส่งที่จุดเริ่มเดินเท้าประมาณ 1.30 ชั่วโมง และจะใช้ระยะทางในการเดินถึงยอดดอยประมาณ 8.5 ก.ม. แต่หากใครอยากใช้ระยะเวลาในการเดินที่ใกล้หน่อยก็สามารถใช้เส้นทางปางวัว-อ่างสลุง โดยจะมีระยะทางประมาณ 6.5 ก.ม. เท่านั้น แต่เส้นทางค่อนข้างชันกว่าเมื่อเทียบกับเส้นทางแรก แต่รับรองได้เลยว่าเมื่อถึงยอดดอยแล้ว คุณจะหายเหนื่อยอย่างแน่นอน
3. ดอยม่อนจอง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย
ที่เที่ยว Trekking ที่เราจะมาแนะนำถัดมาก็คือ ดอยม่อนจอง ที่ตั้งอยู่บนทิวเขาถนนธงชัย ซึ่งเป็นดอยที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ การได้มาเยี่ยมชมความงดงามของธรรมชาติท่ามกลางภูเขาสูงที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมา และทุ่งหญ้าที่พากันเปลี่ยนสีเป็นสีทองอร่ามในช่วงฤดูหนาว จนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดโปสเตอร์เลยทีเดียว อีกทั้งบริเวณยอดดอยยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งมาก ๆ โดยที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเพียงแค่เดือนพฤศจิกายน ไปจนถึง 15 กุมภาพันธ์ของทุกปีเท่านั้น
4. เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
เขาช้างเผือก เป็นเส้นทางการเดินป่าที่ได้รับฉายาว่าเป็นสุดยอดทางเลือกของนักผจญภัย ที่ถูกตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในแต่ละวันจะมีการจำกัดจำนวนคนวันละไม่เกิน 60 คน และต้องทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เพื่อเป็นการรักษาสมดุลของธรรมชาติและให้นักท่องเที่ยวสามารถซึมซับกับความงดงามของบรรยากาศได้อย่างแท้จริง โดยจุดไฮไลท์ของเขาช้างเผือกอยู่ที่ จุดสันคมมีด บริเวณสันเขาที่มีความสวยงามและน่าหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน เพราะนักท่องเที่ยวจะสามารถเห็นวิวรอบทิศทางได้แบบ 360 องศา พร้อมทั้งตื่นตาไปกับทัศนียภาพที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสีทองอร่ามได้อย่างงดงาม
5.ดอยทู่
ดอยทู่ เป็นดอยที่พึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมได้ไม่นาน จึงเป็นดอยที่ยังคงความเป็นธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์อยู่มาก ระหว่างเส้นทางการเดินเราจะได้พบกับไร่ข้าวโพด ป่ากล้วย และสวนกาแฟของชาวบ้าน แต่บริเวณด้านบนจะมีเพียงทุ่งหญ้าเท่านั้น ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่ออีกแห่ง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยและเป็นสถานที่อันควรแค่แก่การไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง โดยดอยแห่งนี้จะเปิดให้เที่ยวในช่วงหน้าฝนไปจนถึงปลายฤดูหนาวของทุกปีเท่านั้น
6. ดอยมณฑา
ดอยมณฑา ตั้งอยู่ในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นดอยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกแห่ง เพราะนอกจากจะได้เห็นวิวระหว่างทางที่แสนจะสวยงามแล้ว คุณยังจะได้พบกับภูเขาสีทองอร่ามกับแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลงมาได้อย่างตระการตาอีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปตั้งแคมป์รับลมธรรมชาติกันอย่างฟิน ๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการไปทดสอบความอึดและความถึกของตัวเอง เพราะทางเดินในบางช่วงค่อนข้างจะชันและคุณต้องเดินผ่านเขามากถึง 3 เนินด้วยกัน แต่รับรองว่าหากใครได้ไปแล้วจะต้องได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามอย่างแท้จริงแน่นอน ซึ่งไฮไลท์ของการมาที่นี่คือการตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมทั้งจิบ กาแฟยามเช้าเคล้ากับสายหมอกที่ลอยไปลอยมาอย่างฟินสุด ๆ ไปเลย
7.ดอยหลวงตาก
พาไปสัมผัสหมอก ออกไปสู่ป่าท่ามกลางธรรมชาติกันต่อที่ดอยหลวงตาก เส้นทางเดินป่าที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวสายผจญภัย โดยที่นี่มีระยะทางการเดินประมาณ 11 กิโลเมตร เส้นทางก็ค่อนข้างราบและสามารถเดินได้อย่างง่าย ๆ ระหว่างทางเราจะได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติและป่าไม้ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถชื่นชมไปกับต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจีมากสายพันธ์ุได้อย่างเต็มเปี่ยมอีกเช่นกัน และเมื่อคุณเดินถึงยอดดอย คุณก็จะได้พบกับวิวทิวเขาอันกว้างขวางได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา เรียกได้ว่าเป็นการพาร่างกายมาสูดโอโซนได้อย่างชื่นใจกันเลยทีเดียว
8. กิ่วแม่ปาน
กิ่วแม่ปาน นับเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวทุกช่วงวัย เพราะเป็นเส้นทางที่สามารถเดินได้อย่างง่าย ๆ และไม่ไกลมากนัก เพียงระยะทางประมาณ 3.2 กิโลเมตร โดยใช้เวลาในการเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างทางนักท่องเที่ยวก็จะได้ชื่นชมกับพันธุ์ไม้หายาก ไม่ว่าจะเป็น กุหลาบพันปี บีโกเนียป่า และสัตว์ป่าสงวนอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงน้ำตกที่สามารถหยุดชมและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ นอกจากนี้กิ่วแม่ปานยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงเรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมาและขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามไม่แพ้กับดอยอื่น ๆ อีกเช่นกัน
9.ภูสอยดาว
ฟิตร่างกายให้พร้อมและเดินทางไปลุยกันต่อที่ภูสอยดาว ที่ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 2 จังหวัด นั่นก็คือ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ซึ่งนับเป็นดอยที่มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย โดยไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดของที่นี่เลยก็คือ การเดินทางมาชมทุ่งดอกหงอนนาค ดอกไม้สีม่วงอ่อนที่จะพากันเบ่งบานสะพรั่งในทุกช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกันยายนของทุกปี อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกภูสอยดาว, น้ำตกสายทิพย์, หลักกิโลเมตรประเทศไทย-ลาว และจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่คุณจะได้เห็นความงดงามของธรรมชาติอย่างตระการตา
10.ภูบักได
ภูบักได เป็นสถานที่ trekking ในจังหวัดเลยที่ควรค่าแก่การเดินทางไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง โดยจุดเด่นของภูบักไดแห่งนี้อยู่ที่ “ผาหลอกลวง” จุดถ่ายรูปมหาชนที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะคุณสามารถไปยืนโพสท่าถ่ายรูปชิค ๆ กลับไปอัปลงโซเชียลเรียกยอดไลค์กันได้อย่างรัว ๆ พร้อมทั้งสามารถไปยืนชมวิวธรรมชาติที่ด้านหน้าเป็นทิวเขาที่เรียงรายทอดตัวเป็นแนวยาวสลับไปมาแบบ 360 องศาได้อย่างเต็มที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย และมองหาความเงียบสงบท่ามกลางป่าไม้ธรรมชาติอันร่มเย็นกันได้อย่างสบายใจ
11. ภูแว
ภูแว เป็นดอยที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดน่าน โดยมียอดดอยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,837 เมตร และต้องใช้ระยะเวลาในการเดินเท้าประมาณ 8 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความงดงามของผืนป่าที่ถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่จำนวนมากมาย และได้ชื่นชมกับวิวธรรมชาติแบบ 360 องศา พร้อมทั้งชมทะเลหมอกที่ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวท่ามกลางอากาศอันเย็นสบาย ที่ใครได้เห็นแล้วจะต้องหายเหนื่อยอย่างแน่นอน เพราะนอกจากคุณจะประทับใจกับความงดงามของทัศนียภาพของทิวเขาแล้ว คุณยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้ทั่วถึงปอดกันอย่างสดชื่นอีกด้วย
12. ดอยพาวี
ดอยพาวี เป็นดอยที่ตั้งอยู่ในอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของวิวทิวทัศน์สันเขา และยอดดอยที่แหลมอย่างน่าสะดุดตา โดยยอดดอยจะอยู่ติดกับฝั่งพม่าแต่ต้องเดินขึ้นจากฝั่งไทย ทำให้ระหว่างทางเราได้ชมวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงฤาษีได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังได้สัมผัสกับพืชพันธุ์ที่หาดูได้ยากหลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเดินที่นี่จะต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4 ชั่วโมง แต่บอกเลยว่าคุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยอย่างแน่นอน เพราะตลอดเส้นทางก็จะมีลมเย็นพัดโชยมาเรื่อย ๆ และไฮไลท์ของที่นี่ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การเดินทางมาชมพระอาทิตย์ตก และชมทะเลหมอกในยามเช้า ดังนั้นหากใครอยากสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ก็สามารถเดินทางมาที่นี่ได้
13. ดอยมะม่วงสามหมื่น
ดอยมะม่วงสามหมื่น เป็นอีกหนึ่งดอยที่ตั้งอยู่ในอำเภออุ้มผาง จังหวัดตากที่เหมาะสำหรับการเดินทางมาศึกษาเส้นทางธรรมชาติและเดิน trekking โดยระยะทางในการเดินจะยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางเราจะผ่านทั้งผืนป่า ลำธาร ที่นา ไร่สวนของชาวบ้านที่มีความอุดมสมบูรณ์และเขียวชอุ่มอย่างสบายตา โดยไฮไลท์ของการเดินทางมาที่ดอยแห่งนี้ คือ การพิชิตน้ำตกรูปหัวใจปิตุ๊โกร น้ำตกที่สูงที่สุดในเมืองไทยและมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และหากใครมีแพลนที่จะเดินทางมาที่ดอยแห่งนี้ก็ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะทางค่อนข้างชันมาก และมีบางเส้นทางที่ค่อนข้างที่จะอันตราย
14. เขาสันหนอกวัว
สถานที่ Trekking ที่เราอยากจะแนะนำถัดมาเลยก็คือ เขาสันหนอกวัว ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่อย่างหนาแน่นและมีสภาพป่าไม้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยยอดเขาแห่งนี้มีลักษณะคล้ายกับสันนูนบนหลังของวัวที่ยื่นออกมา จึงทำให้เป็นชื่อเรียกของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติ และชมทัศนียภาพจากบนยอดเขาได้อย่างไกลสุดลูกหูลูกตา โดยระยะทางจากด้านล่างไปยังจุดตั้งแคมป์จะใช้ระยะทางยาวประมาณ 9 กิโลเมตร หรือระยะเวลาเดินเท้าประมาณ 6-7 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถขึ้นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงหลังหน้าฝนเริ่มเข้าหน้าหนาว จะเป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินขึ้นเขามากที่สุด
15. ดอยขุนตาล
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ถูกตั้งอยู่ในจังหวัดลำพูน โดยมีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์และปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด พื้นที่โดยรอบมีความเงียบสงบ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมากมาย เหมาะสำหรับการเดินทางมาผจญภัยและสูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมทั้งซึมซับไปกับบรรยากาศอันงดงามของธรรมชาติ ซึ่งไฮไลท์ของดอยแห่งนี้คือ เป็นดอยที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟและเดินขึ้นดอยได้เลย โดยจะมีอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งบนดอยได้แบ่งออกเป็น 4 จุดยุทธศาสตร์ในการเดิน ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้พบกับน้ำตกตามเหมย ต้นไม้สูงใหญ่ และอากาศอันเย็นสบายที่ทำให้รู้สึกถึงการพักผ่อนที่แท้จริง
16. เขาหลวง
เดินทางไปพิชิตเขาหลวงที่จังหวัดสุโขทัยกันต่อ โดยระยะทางในการเดินถึงยอดเขาจะอยู่ที่ประมาณ 3.7 กิโลเมตร และใช้ระยะเวลาในการเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งเขาหลวงจะประกอบไปด้วย 4 ยอดเขาสำคัญ ได้แก่ ยอดเขาเจดีย์ ยอดเขานารายณ์ (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น) ยอดเขาภูกา และยอดเขาแม่ย่า (จุดชมพระอาทิตย์ตก) โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มเปี่ยม เพราะบริเวณด้านบนมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแทบทุกอย่าง ทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และร้านค้าสวัสดิการที่จำหน่ายเครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป รวมถึงของใช้จำเป็นต่าง ๆ มากมาย
17.ภูเมี่ยง
ภูเมี่ยง นับเป็นเส้นทางเดินป่าที่ขึ้นชื่อในความสวยงามอันดับต้น ๆ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมียอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากถึง 1,656 เมตร โดยจุดเด่นของยอดเขาแห่งนี้อยู่ที่จุดชมวิวที่มองออกไปแล้วเห็นทะเลหมอกเคล้ากับทิวเขาน้อยใหญ่ที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีต้นไม้ดอกไม้ และทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์อย่างงดงาม แต่เส้นทางในการเดินก็ถือว่าโหดอยู่ เพราะบางช่วงของการเดินป่าก็เป็นลำธารสุดหวาดเสียว อาจจะต้องมีการปีนป่ายแบบ 90 องศาได้ จนทำให้ที่แห่งนี้ได้รับฉายาว่า "ภูเมี่ยง เดี้ยงทุกราย" นั่นเอง
18. ลังกาหลวง ลังกาน้อย
ลังกาหลวง ลังกาน้อย นับเป็นเส้นทางเดินป่าในฝันของเหล่าบรรดานักผจญภัยทั้งหลาย โดยที่นี่เป็นเส้นทางเดินป่าที่มีอาณาเขตคาบเกี่ยวกับพื้นที่ระหว่างรอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่และลำปาง ซึ่งตลอดเส้นทางการเดินเราจะได้พบเจอกับความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิต และพืชพันธุ์หายากต่าง ๆ รวมถึงทิวเขาที่เรียงตัวยาวสลับซับซ้อนกันไปมา โดยสภาพเส้นทางการเดินค่อนข้างชัน บางช่วงต้องมีการปีนป่ายจนทำให้เกิดความหวาดเสียวได้ แต่หนึ่งในไฮไลท์ที่ดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาเยือนที่ยอดเขาแห่งนี้ คือ คุณจะได้เห็นวิวรอยต่อของภูเขาทั้ง 3 ลูกที่มีความงดงามอย่างน่าสะดุดตานั่นเอง
19. เขาหงอนนาค
เขาหงอนนาค ตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก โดยจะใช้เวลาในการเดินทางไปกลับราวประมาณ 4-6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งเส้นทางในการเดินจะมีบันไดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวโดยระยะทางบันไดยาวประมาณ 300 เมตร ทำให้เราสามารถเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ ได้อย่างสบาย ๆ และเมื่อเดินไปถึงจุดชมวิวแรกเราจะเห็นวิวของเกาะห้อง เกาะเหลากา เกาะนก ราชาน้อย ราชาใหญ่ เและเกาะภูเก็ตได้แบบพาโรนามา และเมื่อเดินถึงยอดเขา เราก็จะได้เห็นความสวยงามของอ่าวนาง และเวิ้งอ่าวไร่เลย์ รวมถึงวิวทิวทัศน์ของหมู่เกาะอื่น ๆ ที่ตั้งเรียงรายท่ามกลางน้ำทะเลได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว
20. ม่อนทูเล
ปิดท้ายกันด้วยการเดินทางไปพิชิตม่อนทูเล ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดตาก โดยมีระยะทางราว ๆ 6-7 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 4-7 ชั่วโมง ซึ่งดอยนี้จะเปิดให้นักเดินทางขึ้นไปพิชิตในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไปของทุกปีเท่านั้น โดยเราสามารถขึ้นไปตั้งแคมป์กางเต็นท์ นอนชมดาวในยามค่ำคืน พร้อมทั้งชมทะเลหมอกในยามเช้า และเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินได้อย่างครบภายในที่เดียว โดยเส้นทางในการเดินอาจดูไม่สูงสักเท่าไหร่ แต่การเดินเท้าค่อนข้างชันและยาวไกล บางช่วงเป็นหิน ทำให้เดินยากและอาจลื่นได้ ดังนั้นใครที่คิดจะไปก็อย่าลืมเตรียมร่างกายและอุปกรณ์ในการเดินป่าให้เรียบร้อยละ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 20 ที่เที่ยว trekking ที่เราได้นำมารวบรวมให้เพื่อน ๆ ในวันนี้ หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี หน้าหนาวนี้ก็ลองพาร่างกายไปพักผ่อนและออกไปสัมผัสธรรมชาติ พร้อมทั้งสูดอากาศบริสุทธิ์ และพิชิตยอดเขาต่าง ๆ ที่เราได้นำมารวบรวมไว้ได้