เชื่อว่านักท่องเที่ยวสายธรรมชาติทั้งหลายไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของสถานที่เที่ยวแนว ‘ธรรมชาติแสนสวยงาม’ ของที่เที่ยวไอซ์แลนด์กันอย่างแน่นอน แม้ว่าช่วงนี้จะอยู่ในช่วงของโควิด-19 กำลังระบาด แต่นักเดินทางชาวไทยนั้นสามารถเดินทาง และจองตั๋วเครื่องบินไปไอซ์แลนด์กันได้แล้ว
หากใครวีซ่าพร้อม ตั๋วเครื่องบินพร้อม ที่พักพร้อม ชาร์จแบตกล้องให้เต็มเปี่ยม แล้วเตรียมตัวไปเลือกลิสต์ 25 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์สุดปังที่สวยจนแทบจะลืมหายใจกับพวกเรากันได้เลย หรือหากใครยังไม่มีทริปที่อยากไปอยู่ในใจ จะลองเลือกดูที่เที่ยวไอซ์แลนด์เหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจเอาไว้ก็ไม่ว่ากัน
ที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งแรกที่โด่งดัง และไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้ ก็คือ “บลูลากูน ไอซ์แลนด์ (Blue Lagoon Iceland)” เป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติสีฟ้าที่ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ในส่วนของน้ำพุร้อนแห่งนี้มักจะเห็นตามโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง เพราะถือว่าเป็นจุดเช็กอินที่สำคัญของไอซ์แลนด์
โดยที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้เป็นน้ำพุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และสีฟ้าของน้ำเกิดขึ้นตามธรรมชาติ อุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 39 องศาเซสเซียส ซึ่งมีการเปลี่ยนน้ำอัตโนมัติทุก 48 ชั่วโมง ข้อดีของน้ำแร่ที่บลูลากูนคือจะช่วยทำให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ และรักษาโรคผิวหนัง โดยเฉพาะสะเก็ดเงิน ใครแพลนว่าจะบินไปเที่ยวไอซ์แลนด์ แนะนำว่าห้ามพลาดเลย
ในบรรดาที่เที่ยวไอซ์แลนด์นั้นมีธรรมชาติที่สวยงามและน่าทึ่งมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือน้ำตกแห่งนี้ ซึ่งถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าภูเขาโบสถ์ หรือว่า Church Mountain เพราะมีรูปร่างคล้ายคลึงกับโบสถ์นั่นเอง และความน่าทึ่งของภูเขานี้คือสีที่เกิดขึ้นหลากสีจากการทับถมกันของหินหรือว่าฟอสซิลที่คาดว่าน่าจะมีอายุมากกว่าล้านปีขึ้นไป โดยด้านบนจะเป็นหินลาวา ที่สำคัญยังมีความสูงทั้งสิ้นมากกว่า 460 เมตรด้วยกัน
ความงดงามของที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้นั้นจะสวยงามอยู่ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเมื่อหิมะได้ทำการปกคลุมเขานี้ไปจนทั่ว จะทำให้ดูเหมือนกับหมวกของแม่มดมากขึ้นไปอีก และบริเวณที่ภูเขานี้จะมีน้ำตกด้วย ถือว่าเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลย
มาเที่ยวไอซ์แลนด์นั้นหนึ่งในที่เที่ยวไอซ์แลนด์สายธรรมชาติก็ต้องยกให้กับน้ำตก ซึ่ง “น้ำตกเซลจาลันด์ฟอสส์ (Seljalandsfoss)” เองก็เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความสวยงามอันดับต้นของประเทศไอซ์แลนด์กันเลยทีเดียว หากใครที่จองตั๋วเครื่องบินไปไอซ์แลนด์แล้ว ยังไม่เคยไปเยือนน้ำตกแห่งนี้ ถือว่าพลาดมาก
เพราะว่าน้ำตกแห่งนี้มีความโดดเด่นตรงที่ความสูงมากถึง 60 เมตร ที่ถึงแม้จะเป็นน้ำตกที่ไม่กว้างมากนัก แต่มองจากความสูง และความแรงของสายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง ถือว่างดงามมากทีเดียว ซึ่งไฮไลต์ของน้ำตกเซลจาลันด์ฟอสส์คือการที่คุณสามารถลอดไปยังด้านหลังของน้ำตกได้ และหากไปในช่วงฤดูร้อน ก็จะได้เห็นวิวงดงามโดยรอบน้ำตกจะเต็มไปด้วยความเขียวขจีอีกด้วย
ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่กำลังจะแนะนำแห่งนี้เราเชื่อว่าต้องถูกใจนักเดินทางสายธรรมชาติอย่างแน่นอน นั่นก็คือที่เช็กอินอย่าง “น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss)” ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีทั้งความงดงามและใหญ่โตอลังการติดอันดับโลก อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่าเป็นไนแองการ่าของไอซ์แลนด์ ด้วยความโดดเด่นของสีน้ำที่เป็นสีเขียวแบบเทอควอยช์สุดงดงาม
ทั้งนี้ความอลังการของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ก็ไม่ได้มีแค่เพียงตัวน้ำตกเพียงอย่างเดียว แม้แต่ที่มาของน้ำตกก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะเป็นน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำควิทอา (Hvítá) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไอซ์แลนด์
ส่วนใหญ่แล้วการเดินทางมายังที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้จะต้องเดินตามเขตแดนที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น เนื่องจากบางช่วงถ้าออกนอกพื้นที่อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ เนื่องจากน้ำตกแรงและสูงมาก โดยส่วนใหญ่แล้วคนนิยมเดินทางมาเที่ยวที่กุลล์ฟอสส์ในช่วงฤดูหนาว
แม้ว่าสถานที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้จะมีการเก็บค่าเข้าชม แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่ากับการได้เข้าไปเที่ยวอย่างแน่นอน เพราะว่าที่ “ปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid Crater)” นั้นเป็นปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว อีกทั้งยังเป็นปล่องภูเขาไฟที่สังเกตง่าย และเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยปล่องภูเขาไฟเคริดได้เกิดจากเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟในเมื่อประมาณ 3000 ปีก่อนหน้านี้ จนเกิดมาเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่มีทะเลสาบยังเบื้องล่าง แม้ว่าจะมีให้เห็นแค่เพียงปากปล่องภูเขาไฟที่ดับลงไปแล้ว แต่ความสวยงามของที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้ก็คุ้มค่าแก่การมาเยือนมากทีเดียว
น้ำพุร้อนหรือที่หลายคนเรียกว่า น้ำพุร้อนไกรเซอร์ มีให้เห็นได้ทั่วไป ไม่ใช่แค่เพียงในไอซ์แลนด์เท่านั้น ลักษณะจะเป็นน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน แต่สำหรับกีเซอร์ที่ไอซ์แลนด์นั้นเรียกได้ว่าเป็นน้ำพุร้อนพวยพุ่งด้วยแรงดันสูงที่มีความโด่งดังในระดับโลกเลยทีเดียว
หากใครจองตั๋วเครื่องบินไปไอซ์แลนด์ จึงอยากจะให้มาดูด้วยตาของตนเองกันสักครั้ง เพราะบ่อน้ำพุร้อนจะถูกความดันใต้พื้นโลกดันขึ้นมาจนเกิดการระเบิด ภายในหนึ่งวันอาจจะมีการปะทุขึ้นหลายครั้ง และบางครั้งก็อาจจะคาดเดาไม่ได้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเฝ้าดูกีเซอร์เกิดความตื่นเต้น และรู้สึกท้าทาย อย่างไรก็ตามหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวไอซ์แลนด์ อยากให้ลองไปที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้กันดูสักครั้ง
ที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้มีความสวยงามราวกับต้องมนตร์สะกดเลยทีเดียว เพราะนอกจากนั้นยังดูแปลกตาเหมือนไม่ได้อยู่บนโลกแล้ว ยังเหมือนเกิดขึ้นจากบนดาวเคราะห์สักดวงอีกด้วย โดย “เรย์นิสดรังการ์ (Reynisdrangar)” ตั้งอยู่หน้าหาดทรายดำ
นอกเหนือจากหาดทรายดำที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก ยังเสริมความงดงามและความลึกลับของกลุ่มก้อนหินบะซอลล์ที่ผุดขึ้นมาเป็นก้อนบริเวณริมชายหาด ทำให้มองดูคล้ายกลายเป็นก้อนหินประหลาดปรากฏอยู่ อันมีตำนานเล่าเกี่ยวกับหินทั้งหลายนี้ว่า แต่เดิมทีหินพวกนี้เป็นโทรล (Troll) ที่พยายามลากเรือเข้าสู่ฝั่งแต่ทว่าไม่เกิดผลสำเร็จ จากนั้นเมื่อรุ่งเช้าจึงทำให้โทรลได้กลายมาเป็นหินอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ ด้วยความแปลกที่ไม่เหมือนกับที่ไหนทำให้ที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้ติดเป็นหนึ่งในที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่น่าสนใจ
มาเที่ยวถึงไอซ์แลนด์ทั้งที ไม่มาเที่ยวที่ธารน้ำแข็ง อันเป็นไฮไลต์ของที่เที่ยวไอซ์แลนด์ก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึง ดังนั้นจึงอยากจะขอให้ลิสต์ “โจกุลซาลอน (Jökulsárlón)” เอาไว้เลย เพราะมีความสำคัญตรงที่เป็นธารน้ำแข็งที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปีมาแล้วด้วยกัน
แถมธารน้ำแข็งบริเวณนี้เมื่อละลายไปแล้ว ยังก่อให้เกิดทะเลสาบอีกมาก และเมื่อครั้งที่โลกของเราร้อนขึ้น มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ธารน้ำแข็งเกิดการละลายมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งจึงมีขนาดใหญ่มากขึ้น และลึกมากยิ่งขึ้น เป็นหนึ่งในที่เที่ยวไอซ์แลนด์ธรรมชาติที่สวยอันดับต้นของไอซ์แลนด์เลยทีเดียว
จองตั๋วเครื่องบินไปไอซ์แลนด์แล้วก็ต้องเดินทางไปเที่ยวน้ำตกกันรัว ๆ และสำหรับที่เที่ยวไอซ์แลนด์อย่าง “น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss)” นั้นถือเป็นหนึ่งในน้ำตกชื่อดังของประเทศไอซ์แลนด์ ที่หากใครเน้นการเที่ยวชมธรรมชาติสวยงามของไอซ์แลนด์ จะต้องไม่พลาดน้ำตกสโกกาฟอสส์นี้เลย
ซึ่งน้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากแม่น้ำสโกกา ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสโกกา และเป็นน้ำตกที่มีความใหญ่โตเป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือเป็นน้ำตกที่สูงมากถึง 60 เมตร อีกทั้งยังสวยงามทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูหนาวที่ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะก็สวยงามอย่าบอกใครเลยเชียว
สายเที่ยวอุทยานแห่งชาติบอกเลยว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องได้ไปเยือนอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ “อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park)” ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์ โดยได้ตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบ ทำให้อุทยานแห่งชาตินี้เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่มีความสำคัญและน่าสนใจในเชิงธรณีวิทยาระดับโลก
ภายในที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งชาตินี้นั้นมีทั้งความงดงามทางธรรมชาติมากและมากไปด้วยความสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่มีที่ตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกหุบเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่เปลือกโลกเคลื่อนตัว จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเลยทีเดียว เรียกได้ว่านักเดินทางทั้งหลายต้องห้ามพลาด!
เดินทางมาถึงน้ำตกแห่งถัดไปซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่น่าสนใจกัน นั่นก็คือ “น้ำตกเดตตี้ฟอสส์ (Dettifoss) ” ซึ่งได้รับการจัดอันดับว่าเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีความแรงของน้ำ (จัดอันดับโดยความจุของน้ำ) มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
หากใครมีเวลามากพออยากจะให้ลองมาเยือนและมาเชยชมที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้กัน เพราะคุณจะเห็นได้ถึงความทรงพลังของน้ำตกแห่งนี้ นอกเหนือจากจะครองแชมป์อันดับหนึ่งความทรงพลังของไอซ์แลนด์แล้ว ยังเป็นอันดับหนึ่งของยุโรปด้วยนะ
แม้ชื่อที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้จะอ่านออกเสียงยากสักนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่อยากให้พลาดที่จะมาเยือน เพราะว่าคนส่วนใหญ่มักจะเอ่ยถึงสถานที่นี้ว่าเป็นเหมือนแกรนด์แคนยอนมหัศจรรย์แห่งไอซ์แลนด์เลยทีเดียว ซึ่งมีความงดงามไปด้วยภาพธรรมชาติที่เหมือนกับหลุดออกมาจากในหนังสือนิทาน
โดยจุดเด่นของที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้คือเป็นหุบเขาที่ลึกลงไปประมาณ 100 เมตร และมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งความงดงามของสถานที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้คือสวยงามทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อน หรือว่าฤดูหนาว ใครชอบเที่ยวแนวธรรมชาติต้องฟินอย่างแน่นอน
แต่เดิมทีจะเรียกสถานที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้ว่า แคปพอร์ตแลนด์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเลจากทางฝั่งตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ทั้งยังมีที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์เลยทีเดียว
โดยความพิเศษของแหลมนี้คือจะมีลักษณะโค้งเหมือนกับซุ้มประตู ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลโดยธรรมชาติ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่มีวิวธรรมชาติสุดอลัง นอกจากนั้นหากคุณมายืนที่บริเวณแหลมดีร์โฮเลย์นี้ ยังจะมองเห็นถึงหินอาร์นาร์ดรันเก้อร์ (Arnardrangur) และธารน้ำแข็งได้ด้วย
ที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้คือทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไอซ์แลนด์ หากใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวน้ำตก มาเที่ยวทะเลสาบแล้วละก็ แนะนำว่าปักหมุดเอาไว้ที่ “มีวัทน์ (Myvatn)” จะไม่เสียใจเลย เพราะวิวธรรมชาติบริเวณนี้สวยงามมาก
สำหรับทะเลสาบนี้ได้เป็นทะเลสาบที่อยู่บริเวณปล่องภูเขาไฟ มีภูมิภาคตื้นกว่าทะเลสาบอื่นๆ ไฮไลต์จะอยู่ที่มีวัทน์จะรายล้อมไปด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ มีความเขียวขจีสวยงาม อีกทั้งบริเวณเดียวกันนั้นยังเป็นที่ตั้งของปล่องภูเขาไฟที่ยังคงมีการปะทุอยู่ ถ้าหากเปรียบเทียบให้ที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้เป็นการ์ตูนสักเรื่อง คงเหมาะกับเป็นอลิซในดินแดนมหัศจรรย์
ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่จะมาแนะนำเป็นที่ที่ 15 นี้เองก็เป็นอุทยานแห่งชาติอีกแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ที่ควรค่าแก่การไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง โดยเสน่ห์ของอุทยานแห่งชาติสไนล์แฟลซโจกุลคือการที่มีหลายอย่างอยู่ภายในนี้ ทั้งธารน้ำแข็ง, ภูเขาไฟ, ชายหาด, แม่น้ำ รวมไปถึงภูเขา
ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความงดงาม แต่ยังเป็นแหล่งรวมที่เที่ยวไอซ์แลนด์ชื่อดังเอาไว้ได้อย่างครบครัน ถือว่าเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่มีธรรมชาติสวยๆ เหมาะกับการมาเยือน
ประภาคารแห่งนี้นับเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์ภายในเมืองเรคยาวิกที่สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว โดยที่คุณสามารถชื่นชมธรรมชาติแสนสวยงามได้อย่างเต็มที่บนประภาคาร เช่น ชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในฤดูร้อน, ชมแสงเหนือในฤดูหนาว หรือชมวิวทิวทัศน์ของเมืองพร้อมกับมหาสมุทรได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้ยังมีสระน้ำร้อนขนาดเล็กไว้ให้คุณได้อุ่นเท้าในตอนนี้กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศได้อีกด้วย
อนุเสาวรีย์หินอาร์กติกเฮนจ์เป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศและมีที่ตั้งอยู่ในเมืองรอฟาร์ฮ็อฟน์ ที่สำคัญสถาปัตยกรรมนี้สร้างขึ้นโดยอ้างอิงตามภูมิปัญญาโบราณทั้งหมด จึงทำให้สามารถใช้บอกตำแหน่งของดาวเหนือและใช้เป็นนาฬิกาแดดได้นั่นเอง แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความสวยงามยามแสงอาทิตย์ส่องผ่านซุ้มประตูหิน ที่สามารถสร้างความตื่นตาให้กับผู้คนไม่น้อยเลย
ทุ่งลาวาเอลธรอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์อันแสนโด่งดัง ซึ่งเป็นทุ่งลาวามอสยอดนิยมที่มีขนาดกว้างใหญ่มากที่สุด ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ โดยทุ่งลาวาเอลธรอนจะทำให้คุณได้ชื่นชมความเขียวขจีของบรรดาลาวามอสแบบเต็มตา
ถ้าจะพูดถึงที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับธารน้ำแข็งแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นธารน้ำแข็งฟอลซาลอนอย่างแน่นอน เพราะที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่มากเลยทีเดียว นอกจากนี้คุณยังสามารถนั่งเรือเพื่อชมภูเขาและธารน้ำแข็งสุดอลังการแห่งนี้ได้อีกด้วย
เมืองอาคูเรย์รีเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่ผสมผสานระหว่างเมืองและธรรมชาติแสนสวยงามได้อย่างลงตัวสุด ๆ ซึ่งเมืองอาคูเรย์รีถือว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศไอซ์แลนด์เลยทีเดียว จึงทำให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการศึกษาของภูมิภาคนั่นเอง
ถ้าหากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่ทำให้คุณสัมผัสกับธรรมชาติมากกว่าเดิม ราวกับได้อยู่ท่ามกลางภูเขา ทะเล และสายลมแบบสงบสุด ๆ ก็ต้องมายังหมู่เกาะแวสต์มานาเอย์ยาร์เลย โดยที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้คือหมู่เกาะนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ซึ่งมียอดเขาและหน้าผาสูงชันมากมาย นอกจากนี้บนหมู่เกาะยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกพัฟฟินแสนน่ารักอีกด้วย
หุบเขาอัสบีร์กีนับเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่สร้างความรู้สึกแปลกตาให้กับนักท่องเที่ยวได้มากมาย เนื่องจากหุบเขาอัสบีร์กีนั้นมีความกว้าง 1 กิโลเมตรและมีความยาวถึง 3 กิโลเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งหน้าผาของหุบเขายังสูงมากกว่า 100 เมตร ราวกับถูกตัดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง โดยที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้ควรมาเที่ยวชมในฤดูร้อน เพราะจะทำให้คุณได้ชื่นชมความเขียวขจีและความมีชีวิตชีวาของพืชพันธุ์นานาชนิดภายในหุบเขานั่นเอง
ถ้าหากกำลังมองหาที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่สามารถดูวาฬอยู่ล่ะก็ พลาดไม่ได้เลยกับเมืองฮูซาวิก ถึงแม้เมืองฮูซาวิกจะเป็นเพียงเมืองประมงขนาดเล็ก ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์เลยทีเดียว ที่สำคัญที่เมืองนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของวาฬหลากหลายสายพันธุ์ จึงทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงและเหมาะสมสุด ๆ สำหรับการดูวาฬขนาดใหญ่อย่างใกล้ชิด
น้ำตกโกดาฟอสส์นั้นถือว่าเป็นที่เที่ยวไอซ์แลนด์สุดอลังการอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว เพราะนอกจากน้ำตกแห่งนี้จะเป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไอซ์แลนด์แล้ว ยังเป็นน้ำตกที่มีเอกลักษณ์มากอีกด้วย เนื่องจากน้ำตกโกดาฟอสส์มีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม โดยน้ำจะไหลตกลงมายังแอ่งขนาดใหญ่ตรงกลางวง เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ สวยงาม ตระการตาสุด ๆ
สำหรับใครที่เป็นสายตั้งแคมป์ต้องห้ามพลาดที่ราบสูงไอซ์แลนด์เด็ดขาด แล้วที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ในดวงใจของคุณอย่างแน่นอน ถึงแม้พื้นดินของที่ราบนี้ส่วนมากจะเป็นขี้เถ้าและลาวาจากภูเขาไฟ แต่กลับมีลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar) ซึ่งเป็นสถานที่แคมปิ้งยอดนิยมตั้งอยู่ อีกทั้งสถานที่แคมปิ้งแห่งนี้ยังมีบ่อน้ำแร่ให้คุณได้แช่ตัวพร้อมกับชื่นชมธรรมชาติอีกด้วย
อยากจะมีทริปดี ๆ ในช่วงวันหยุดยาวทั้งทีนอกจากจะต้องเสาะหาที่เที่ยวไอซ์แลนด์เด็ด ๆ ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการตรวจสอบมาตรการต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าประเทศไอซ์แลนด์นั่นเอง เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่นและไร้ซึ่งความกังวล
โดยมาตรการแรกก็คือการขอวีซ่า ซึ่งการขอวีซ่าไอซ์แลนด์นั้นสามารถยื่นเรื่องขอวีซ่าได้ที่ ‘ศูนย์รับยื่นคำร้องขอวีซ่าเดนมาร์ก VFS’ และในส่วนของวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่คุณจะได้รับนั้นจะทำให้คุณสามารถท่องเที่ยวหรือพำนักในประเทศไอซ์แลนด์ได้นานถึง 90 วัน
สำหรับมาตรการที่สองนั้นจะเป็นมาตรการคัดกรองโควิดและการฉีดวัคซีน ซึ่งในปัจจุบันนี้ไอซ์แลนด์ได้ปลดล็อกมาตรการโควิดทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตรวจโควิด, การกักตัวผู้เข้าประเทศ, การแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด รวมไปถึงการลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเดินทาง
เมื่อต้องการวางแผนออกทริป ข้อมูลเบื้องต้นของประเทศไอซ์แลนด์เองก็ควรศึกษาไว้เช่นกัน เพื่อให้การวางแผนท่องเที่ยวของคุณนั้นง่ายดายยิ่งขึ้น รวมไปถึงสามารถดำเนินทริปได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
ประเทศไอซ์แลนด์เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีขนาดพื้นที่ 103,000 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ประเทศไอซ์แลนด์ยังตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของนอร์เวย์, ทางทิศเหนือของสกอตแลนด์ และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะกรีนแลนด์อีกด้วย
ภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงเสียส่วนใหญ่ โดยจะกระจัดกระจายสลับกันไปกับยอดเขาและทุ่งน้ำแข็ง อีกทั้งยังชายหาดแสนกว้างใหญ่ด้วยเช่นกัน ส่วนจำนวนของรัฐนั้นจะแบ่งการปกครองออกเป็น 7 เขต ซึ่งเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์นั้นก็คือกรุงเรคยาวิก
การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศไอซ์แลนด์จะต้องใช้เวลาในการเดินทางด้วยเครื่องบินประมาณ 17 ชั่วโมง 10 นาที ซึ่งสนามบินที่สามารถเดินทางจากประเทศไทยไปยังไอซ์แลนด์นั้นจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ โดยจะมีสายการบินมากมายที่จะคอยให้บริการไปไอซ์แลนด์ เช่น Thai Airways, Qatar Airways, KLM, Wizz Air, Transavia, Asiana Airlines, Finnair, China Airline, Emirates Airline, Turkish Airlines, Lufthansa, Austrian Airlines, Air France, Swissair หรือ Icelandair เป็นต้น
การเดินทางไปยังที่เที่ยวไอซ์แลนด์แห่งต่าง ๆ สามารถทำได้ไม่ยากเลย เพราะที่ไอซ์แลนด์นั้นมีขนส่งสาธารณะให้คุณได้เลือกใช้บริการหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน, รถรับส่งสนามบิน, รถเมล์, รถบัสท้องถิ่น, รถบัสท่องเที่ยว, แท็กซี่, เรือข้ามฟาก หรือแม้แต่รถยนต์สำหรับเช่าเองก็มีเช่นกัน
เมื่อวางแผนที่จะไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ สิ่งที่ควรรู้อีกอย่างหนึ่งเลยก็คือภาษาราชการหรือภาษาที่คนในประเทศเขาใช้กันนั่นเอง ซึ่งภาษาราชการของประเทศไอซ์แลนด์นั้นก็คือภาษาไอซ์แลนดิก (Icelandic)
เมื่อจะต้องเที่ยวที่ต่างประเทศ ก็อย่าได้ลืมแลกเงินเด็ดขาด โดยที่ประเทศไอซ์แลนด์นั้นจะใช้สกุลเงิน ‘โครนาไอซ์แลนด์’ ซึ่ง 1 โครนา (ISK) จะเท่ากับเงินไทย 0.25 บาท (THB) *อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปี 2023
สำหรับความต่างของเวลาไทยกับไอซ์แลนด์นั้นจะห่างกัน 7 ชั่วโมง ซึ่งเวลาที่ประเทศไอซ์แลนด์จะเดินช้ากว่าเวลาที่ประเทศไทยอยู่ 7 ชั่วโมงนั่นเอง โดยหน่วยเวลาของประเทศไอซ์แลนด์ก็คือ Greenwich Mean Time (GMT)
ประเทศไอซ์แลนด์มีฤดูกาลทั้งหมด 4 ฤดูด้วยกัน ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว โดยแต่ละฤดูกาลจะอยู่ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของปี ดังนี้