อิตาลี เป็นอีกหนึ่งเมืองแสนคลาสสิกที่น่าเที่ยวในยุโรปที่เป็นปลายทางในฝันของใครหลาย ๆ ยิ่งช่วง Summer บ้านเราที่เหล่าสายการบินแห่กันลดกระหน่ำ Summer Sale ราคาตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีด้วยแล้ว นี่แหละคือเวลาแห่งการมุ่งหน้าสู่อิตาลีที่แท้ทรู แต่ว่าเก็บเงินมานานก็แล้ว ตั้งใจบินไกลถึงดินแดนพาสต้าอย่างอิตาลีทั้งที จะให้พังได้ยังไง ต้องได้รูปสวย ๆ ติดกล้องติดมือถือกลับมาโพสต์ลงโซเชียลกันยาว ๆ เพราะเที่ยวจบแล้วแต่รูปไม่จบ ว่าแล้วก็มาทำการบ้านกันก่อนไปอิตาลีสักหน่อยดีกว่ากับ “แจกพิกัด 8 ที่เที่ยวอิตาลี ถ่ายรูปสวย ไม่มีคำว่าพัง”
มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีในนครรัฐวาติกัน อันเป็นเมืองหลวงแห่งศาสนจักร เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาและเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ และศูนย์รวมแห่งศรัทธาของชาวโรมันคาทอลิก มีอำนาจอธิปไตยปกครองตนเอง ทั้งยังเป็นแหล่งรวมศิลปวิทยาการอันยิ่งใหญ่ของโลกอีกด้วย มหาวิหารแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองซ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนานถึง 150 ปี แบบนี้ไม่ต้องถามเรื่องความสวยงามกันเลย เพราะทั้งภายนอกและภายในของมหาวิหารแห่งนี้สวยงามมาก จนมีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกเลยทีเดียว รวมถึงยังมีผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังระดับโลกหลาย ๆ จัดแสดงอยู่ในมหาวิหารแห่งนี้ด้วย เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรพลาด
พิกัด Landmark สุด Amazing อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี กับหอเอนเมืองปิซ่า หอระฆังหินอ่อนสีขาว 8 ชั้นของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก บนจัตุรัส Piazza del Duomo ความสูง 55.58 เมตร ทำมุม 3.97 องศากับพื้นโลก ที่กลายเป็น Character เฉพาะตัวของหอระฆังแห่งนี้ จนทำให้ที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้กลายเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ขอโลกในยุคกลางอีกด้วย มาอิตาลีทั้งทีก็ต้องแวะมาถ่ายรูปชิค ๆ กับสถานที่แห่งประวัติศาสตร์การเรียนรู้ของกาลิเลโอ ในสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะอิง จะพิง หรือจะดัน ก็ได้รูปเก๋ ๆ ไม่แพ้กันเลย
Landmark เท่ ๆ ของกรุงโรม กับพิกัดเช็กอินอันเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ในสังเวียนการสู้รบในแบบฉบับจักรวรรดิโรมันโบราณ กับสถาปัตยกรรมโรมันทรงวงรีขนาดมหึมาอลังการอายุกว่า 1,900 ปี อัฒจันทร์หินปูนรูปทรงวงรีขนาด 4 ชั้นใจกลางกรุงโรม ที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 80,000 คน ใช้เวลาการก่อสร้างร่วม 10 ปี เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่จะทำให้ได้ภาพสวยอลังการกลับมาด้วยอย่างแน่นอน
Milan Cathedral หรือ Duomo di Milano ในภาษาอิตาลี มหาวิหารศิลปะแบบโกธิคสไตล์อิตาลีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก บนพิกัดใจกลางมหานครแห่งแฟชั่น อย่างเมืองมิลาน ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 579 ปี โดยเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1386 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1965 ตั้งอยู่บนจัตุรัสใจกลางเมือง ที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้เป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของอิตาลี เป็นรองเพียงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครรัฐวาติกันเท่านั้น ภายในถูกออกแบบ และตกแต่งประดับประดาด้วยงานศิลปกรรม จิตรกรรมอย่างวิจิตรงดงามอลังการในทุกตารางนิ้ว ที่เรียกว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ได้รูปสวย ๆ แน่
พิกัดสุดฮอตในสไตล์ชิค ๆ ชิลล์ ๆ ของกรุงโรม ที่นักทุกเที่ยวเกือบทุกสัญชาติที่แวะเวียนมากรุงโรมแห่งนี้ ต้องไม่พลาดมาเช็กอินที่บันไดสเปน บันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยรูปปั้นแกะสลัก และแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันสุดคลาสสิค ใจกลางย่านช้อปปิ้งดังของกรุงโรม พร้อมกับทัศนียภาพสุดคลาสสิก แสนโรแมนติก ที่จะช่วยรังสรรค์รูปถ่ายสวย ๆ ในที่เที่ยวอิตาลีให้คุณได้อย่างง่ายดายทีเดียว
เมืองแห่งสายน้ำ สุดคลาสสิก เก๋ เท่เฉพาะตัว มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร กับความสวยงามของเมืองเก่า สถาปัตยกรรมยุโรปพื้นเมืองดั้งเดิมริมคลองเล็ก ๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตอันทรงมนต์ขลังของชาวเมืองเวนิสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยความสวยงามของเมืองเวนิสที่ราวกับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกของนิทาน หรือละครบรอดเวย์ชวนฝันทั้งหลายกันเลยทีเดียว มาเวนิสที่เดียวนอกจากจะได้รูปสวย ๆ ในบรรยากาศโรแมนติกแห่งสายน้ำแล้ว ยังได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ชวนฝันในคราวเดียวกันอีกด้วย เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่ต้องปักหมุดเลยห้ามพลาด
พื้นที่ชานเมืองอิตาลีทางตอนเหนือแสนอบอุ่น น่ารัก อันเป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองซ์ (Renaissance) ที่มีกิมมิคเฉพาะตัวของทัศนียภาพเนินเขาเล็ก ๆ ที่วางตัวกระจัดกระจายทั่วทุ่งหญ้าโล่ง และต้นไซปรัสตั้งต้นสูงเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของแคว้นแห่งนี้ไปแล้ว กับวิวทิวทัศน์อันสวยงามของ Tuscany ที่เที่ยวอิตาลีที่สถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งในเมืองไทยหยิบยกเอาเอกลักษณ์ของเมืองทรงเสน่ห์แห่งนี้มาใช้ในงานสถาปัตยกรรม และการออกแบบ ว่าแล้วมาถึงอิตาลี เมืองต้นกำเนิดสไตล์ Tuscany แล้วจะไม่แวะเยี่ยมเยียนพิกัด Original เช็กอินถ่ายรูปสวย ๆ ได้อย่างไรล่ะ
เมืองเล็ก ๆ แสนอบอุ่นที่มีประชากรเพียง 11,000 คนเท่านั้น ที่เที่ยวอิตาลีทางตอนใต้สุดน่ารัก และทรงเสน่ห์ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร ในความน่ารักอบอุ่นของบ้านเรือนใน Alberobello กับสิ่งก่อสร้างพื้นเมืองแบบกระท่อมหินหลังคาทรงกรวย ที่เรียกว่า “Trullo” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO ตั้งแต่ปี 1996 และกลายเป็นพิกัดน่ารัก ๆ สุดฮิตแห่งหนึ่งของอิตาลีโดยเฉพาะในหมู่ผู้รักความสโลว์ไลฟ์
อีกหนึ่งที่เที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรพลาดกับ Basilica di Santa Maria Maggiore หรือมหาวิหารแม่พระแห่งหิมะ ศิลปะโกธิคผสมผสานกับโรมาเนสก์ และเรเนสซองส์ มหาวิหารของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโรม 1 ใน 4 ของมหาวิหารอัครบิดา โดยสถานที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้ก็มีตำนานกล่าวถึงว่าพระแม่มารีย์ หรือพระมารดาของพระเยซู ได้ปรากฏตัวให้พระสันตะปาปาเห็น การปรากฏตัวดังกล่าวก็เพื่อการชี้จุดที่ต้องการให้สร้างวิหารขึ้น จนเป็นมหาวิหารให้เราเห็นจนทุกวันนี้ ซึ่งการปรากฏตัวดังกล่าวกลายเป็นตำนานที่กล่าวขานจนถึงปัจจุบัน
มหาวิหารเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ที่มีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา ที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกระดับมหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิสในประเทศอิตาลี ที่ภายในเป็นสถานที่เก็บสมบัติล้ำค่าจากสงครามคูเวต ใครมาถึงเวนิสแล้วไม่ได้มาเยือนวิหารแห่งนี้ถือว่าน่าเสียดายมาก ๆ
มหาวิหารมอนเรอาเล เป็นที่เที่ยวอิตาลียอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง เพราะเป็นโบสถ์โมเสคขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แถมยังเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นผสมผสานแบบไบแซนไทน์ อาหรับ และนอร์แมน โดยไฮไลต์อยู่ที่การนำเอาแผ่นโมเสกทองคำบริสุทธิ์น้ำหนักกว่า 2,000 กิโลกรัม มาตกแต่งจนส่องแสงระยิบระยับเข้าตาเข้าใจเหลือเกิน มิน่าใคร ๆ ถึงมาปักหมุดกัน
สะพานเวคคิโอ สะพานที่เก่าที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ ที่เที่ยวอิตาลีสุดคลาสสิกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เดิมสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัญจรข้ามแม่น้ำอาร์โน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 996 ต่อมาได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1345 เป็นสะพานเดียวที่รอดพ้นจากระเบิดโดยกองทัพนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณสะพานประกอบไปด้วยร้านค้าสีเหลืองสดใสน่าเดินเล่นมากมาย ใครต้องการชมความงามของสถาปัตยกรรมโดยรอบ พร้อมเก็บทุกบรรยากาศที่ประทับใจ บอกเลยว่าต้องมาเยือนที่นี่
มาต่อกันที่มหาวิหารอันงดงามแห่งเมืองฟลอเรนซ์ Florence Catethedral มหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอิตาลี รองจากมหาวิหารนักบุญเปโตรในนครรัฐวาติกัน และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของยุโรป ไฮไลต์อยู่ที่ด้านในโบสถ์ถูกประดับตกแต่งด้วยภาพวาดโมเสกที่สวยงามตระการตา ซึ่งภาพวาดดังกล่าวเป็นการบอกเล่าเรื่องราวสำคัญทางศาสนา นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
แวะมาเที่ยวที่โรมกันต่อกับน้ำพุ Trevi ที่เที่ยวอิตาลีในตำนานที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กับฉากสุดคลาสสิกในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Singin’ in the Rain ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1932 บอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่างนางเอกผู้มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง แต่ต้องอยู่หลังม่านร้องเพลงแทนดาราชื่อดังแต่นิสัยไม่ดี จนในที่สุดเธอก็ได้กลายเป็นดาราผู้มีชื่อเสียง และได้พระเอกมาครอง ใครมาที่นี่เป็นต้องหันหลังโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายลงไปในน้ำพุ เพื่อจะได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง จริงหรือเปล่าไม่อย่างนี้ต้องไปพิสูจน์แล้ว
ใครไปที่โรม เมืองหลวงของอิตาลีพลาดไม่ได้ที่จะต้องไปเยือนวิหารแพนธีออน ที่เที่ยวอิตาลีในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ และงดงามที่สุดแม้ว่าจะผ่านกาลมาแล้วกว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม โดยวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวสถานบูชาเทพเจ้ากรีก-โรมันทั้ง 7 แห่งดาวในระบบสุริยะ ได้แก่ พระอาทิตย์ (Apollo) พระจันทร์ (Dianna) อังคาร (Mars) พุธ (Mercury) พฤหัส (Jupiter) ศุกร์ (Venus) และเสาร์ (Saturn) โดยไฮไลต์อยู่ที่ช่องวงกลม (Oculus) ที่อยู่ตรงกลางโดม ทำหน้าที่เหมือนนาฬิกาแสงอาทิตย์ ปล่อยแสงออกมาให้กษัตริย์ประกอบพิธีต่าง ๆ บอกเลยว่าอลังการงานสร้างมาก ๆ
แวะกลับมาเที่ยวกันต่อกับพระราชวัง Doge’s Palace แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเวนิส ที่เที่ยวอิตาลีสุดปัง ที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับมหาวิหารเซนต์มาร์กซึ่งเป็นโบสถ์หลักของเมือง สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักอาศัยของ Doge of Venice ผู้มีอำนาจสูงสุดในอดีตก่อนจะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี ค.ศ. 1996 และยังโดดเด่นด้วยสะพานถอนหายใจที่เชื่อมกับคุกใต้ดิน เป็นที่เที่ยวสุดชิคที่ใครมาเวนิสจะพลาดไม่ได้
แวะมาปักหมุดกันที่พิพิธภัณฑ์กันบ้าง กับพิพิธภัณฑ์วาติกัน ที่เที่ยวอิตาลียอดนิยมที่มีนักนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนกว่า 4.2 ล้านคนต่อปี มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามทั้งภายใน ภายนอก และสมบัติโบราณอีกมากมาย เมื่อเดินเข้าไปคุณจะพบกับความหรูหราอลังการตั้งแต่พื้นดินจรดเพดาน มาที่นี่ต้องไม่พลาดถ่ายรูปกับมุมมหาชนอย่างบันไดวนที่สวยงามมาก ๆ
มหาวิหารเซนต์พอลนอกกำแพงเมือง 1 ใน 4 มหาวิหารเอก ที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 บนพื้นที่ที่ใช้เป็นสถานที่ฝังพระศพของนักบุญเปาโล ที่อยู่นอกกำแพงเมืองของโรมออกไป 2 กิโลเมตร ภายในวิหารมีความสวยงามมาก ตกแต่งด้วยหินอ่อน และภาพวาดโมเสก โดยมีภาพที่สำคัญคือภาพของพระสันตะปาปาที่ถูกติดตั้งอยู่บริเวณกลางอาคาร ยามแสงแดดที่ส่องกระทบเข้ามาจะยิ่งงดงามมาก ๆ เป็นที่เที่ยวอิตาลีอีกแห่งที่ต้องมาเช็กอินกันให้ได้นะ
อีกหนึ่งที่เที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรพลาด อัครมหาวิหารเซนต์จอห์นลาเตรัน หรือเรียกกันทั่วไปว่ามหาวิหารลาเตรัน เป็นมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุด ห่างจากนครรัฐวาติกันประมาณ 4 กิโลเมตร ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือรูปประติมากรรมเหล่าอัครเทวทูตสวรรค์ทั้ง 12 สวยงามอลังการจนแทบหยุดหายใจ
มหาวิหารซันตาโกรเช ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสซานตาโครเช สร้างโดยนักบุญฟรานซิสเมื่อศตวรรษที่ 13 เป็นโบสถ์ที่เป็นรูปตัวที (T) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญฟรานซิส จึงได้รับฉายาว่าเป็นมหาวิหารเวสมินสเตอร์แห่งฟลอเรนซ์ เพราะมี 16 Chapels หรือมีโบสถ์น้อยสำหรับฝังศพบุคคลที่มีชื่อเสียงของฟลอเรนซ์ จุดถ่ายรูปสุดชิคของที่นี่ก็คือ หอระฆังหินอ่อนศิลปะโกธิคอายุกว่า 100 ปี เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่ควรต้องมาเลยล่ะ
Pompeii Ruins เมืองโบราณอายุกว่าสองพันปีที่ชื่อคุ้นหูกันมานานแสนนาน ความรุ่งโรจน์ของเมืองนี้ได้หายไปพร้อมกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่ความสูญเสียทั้งผู้คน สิ่งก่อสร้าง ความรุ่งเรืองของเมืองนี้ และเหลือเพียงซากปรักหักพัง ซึ่งกว่าจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอิตาลีที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมได้อย่างทุกวันนี้ เมืองโบราณดังกล่าวทีต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานถึง 17 ปีกันเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วใครที่ชื่นชอบเมืองโบราณ แนะนำเลยว่าเป็นอีกที่เที่ยวอิตาลีที่ห้ามพลาด
แวะไปเที่ยวทะเลอิตาลีกันบ้างดีกว่ากับ Amlfi Coast เมืองชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี โดดเด่นด้วยวิวบ้าน และอาคารต่าง ๆ ที่สร้างลดหลั่นตามแนวเขา มีอ่าวที่แสนสวยงามทรงเสน่ห์ และมีอากาศดีตลอดปี เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวอิตาลีที่มีวิลล่าน่ารัก และร้านค้ามากมาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนมาก ๆ เดินชิลล์ ๆ บนหาดทรายสีขาวบอกเลยว่าฟินสุด ๆ
ที่เที่ยวอิตาลีแห่งต่อมาคือ Lake Garda ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี มีเทือกเขาแอลป์ที่เป็นฉากหลังตัดกับน้ำทะเลสีคราม แถมยังมีความหลากหลายทางภูมิประเทศที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเล่นกระดานโต้คลื่น ปีนเขา หรือปั่นจักรยาน สำหรับผู้ชื่นชอบความบันเทิงก็สามารถเพลิดเพลินกับร้านค้า ผับ และบาร์ต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย รับรองว่ามาที่นี่ไม่มีเหงา
Lake Como เมืองโรแมนติกที่แสนสวยงามริมทะเลสาบโคโม่ โอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี มีวิลล่าหรูสุดสวยมากมายตั้งอยู่บนเนินเขามองเห็นทัศนียภาพอันงดงามสุดลูกหูลูกตา เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่โรแมนติกมาก ๆ ทั้งนี้ ใครอยากสัมผัสกับความประทับใจสุดโรแมนติกอย่าพลาดไปเช็กอินกัน
ปิดท้ายด้วยที่เที่ยวอิตาลีที่สุดท้ายอย่าง ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของโลกที่มิลาน ที่ไม่ใช่แค่เป็นห้างสรรพสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโรงแรม 5 ดาวอีกด้วย ภายในมีร้านค้า และร้านอาหารเก่าแก่มากมายให้คุณได้เปิดประสบการณ์กับอาหารอิตาลีแท้ ๆ ส่วนสายช้อปก็ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่ได้รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมมากมายมาไว้ในที่เดียว รับรองว่าถูกใจสายช้อปเลยที่เดียว แต่ละแห่งที่เราลิสมาให้ไม่ธรรมดาทั้งนั้น รับรองว่าคุณจะประทับใจจนลืมไม่ลง
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนไปท่องเที่ยวอิตาลีจะต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวอิตาลี โดยวีซ่าดังกล่าวฃอนุญาตให้พักอาศัยในอิตาลีได้สูงสุด 90 วัน โดยจะต้องยื่นขอวีซ่าล่วงหน้าก่อนเดินทางได้ 90 วัน ใช้ระยะเวลาพิจารณาวีซ่า 5 วันทำการ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำร้องได้ทางออนไลน์ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าอิตาลี VFS ที่เว็บไซต์ https://visa.vfsglobal.com/tha/th/ita/
โดยจำเป็นต้องเตรียมเอกสารดังนี้
ในส่วนของมาตรการ COVID-19 ปัจจุบันคนที่เที่ยวอิตาลีต้องแสดงหนังสือรับรองการฉีดโควิด-19 หนังสือรับรองว่าหายจากโรคโควิด-19 แล้วหรือมีผลการทดสอบ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจ ATK เป็นลบภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าประเทศอิตาลี รวมถึงกรอกแบบฟอร์ม Digital Passerger Locator Form เพื่อแสดงต่อสายการบิน ซึ่งเอกสารทั้งหมดควรแสดงทั้งแบบดิจิทัลและแบบเอกสาร
ที่เที่ยวอิตาลีเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ และมีความน่าสนใจมาก จะไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อม เพื่อออกไปตะลุยอิตาลีได้อย่างมั่นใจ มีข้อมูลที่น่าสนใจอะไรบ้างไปดูกัน
ประเทศอิตาลี (Italy) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) อยู่ฝั่งตอนใต้ของทวีปยุโรป มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลี โดยมีเทือกเขาแอลป์คั่นกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และที่ราบสูง โดยมีรายละเอียดดังนี้
จากประเทศไทยไปประเทศอิตาลีใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง 20 นาที โดยเที่ยวบินจะแวะพัก 1 จุด สามารถขึ้นเครื่องได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับสายการบินที่ให้บริการ ได้แก่ Emirates, Qatar Airways, Finair, Swiss International Air Lines, Lufthansa และ Turkish Airlines
เดินทางไปที่เที่ยวอิตาลีต่าง ๆ สามารถใช้บริการรถไฟใต้ดิน รถราง รถบัส รถเช่า รถจักรยาน เรือ และแท็กซี่ โดยการเดินทางที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ รถบัส ซึ่งสามารถซื้อตั๋วได้ที่ร้านขายของชำหรือคาเฟ่ขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับป้ายรถบัสหรือสถานีรถไฟ สังเกตร้านจะติดป้ายว่า Tabacco หรือ Tabacchi
ประเทศอิตาลีมีภาษาราชการ คือ อิตาเลียน และมีประชากรบางส่วนสามารถใช้ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศส สำหรับภาษาอังกฤษสามารถสื่อสารได้ทั่วไปตามที่เที่ยวอิตาลีที่สำคัญ
อิตาลีใช้สกุลเงิน ยูโร (EURO) ที่กลุ่มสหภาพยุโรป 20 ประเทศตกลงใช้ร่วมกัน โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ยูโร (EUR) เท่ากับ 37.97 บาท (THB) ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566
เวลาอิตาลีช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง โดยอิตาลีมีเวลามาตรฐาน GMT+01:00 อยู่ในเขตเวลา Europe/Rome ชื่อโซนเวลา Central European Time (CET) ใครที่เที่ยวอิตาลีอย่าลืมหมุนเข็มนาฬิกาปรับเวลากันนะ
ประเทศอิตาลีมี 4 ฤดูด้วยกัน คือ