จากที่เคยเป็นเมืองเล็กซึ่งหลายคนมองข้ามในภาคอีสาน ทุกวันนี้บุรีรัมย์เติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ใจ จนกลายเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในภูมิภาคนี้ และในขณะที่ตัวเมืองนั้นเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ส่วนอื่นๆ ในบุรีรัมย์ก็ยังคงมีวิถีท้องถิ่น รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมและโบราณสถานอายุนับพันปีให้ได้ชมกัน นี่จึงเป็นเมืองแห่งความคอนทราสต์ที่มีสองด้านสองอารมณ์น่าสนใจ อยากไปสัมผัสบุรีรัมย์เมื่อไหร่ก็ส่องตั๋วราคาดี๊ดีจาก Traveloka ได้เลยจ้า อยากเที่ยวอยากชิลล์แบบไหนที่นี่มีหมดนะ ไปจ้า ไปเที่ยวบุรีรัมย์เลย!
เริ่มทริปกันแบบไม่รีบร้อน ด้วยการเข้าเมืองไปหาของรองท้องกันก่อนเป็นอันดับแรก นาทีนี้เชื่อว่า ลูกชิ้นยืนกิน ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ คือซิกเนเจอร์ที่ใครมาเมืองนี้ก็ต้องไปตำกันแหละ ลูกชิ้นทอดร้อนๆ กรอบๆ จิ้มน้ำจิ้มสามรสตามด้วยผักแกล้ม บอกเลยว่าดี แถมมีให้เลือกชิมกันตั้งหลายร้าน ถูกชะตาร้านไหนก็แวะไปชิมได้เลยจ้า ถูกด้วย อร่อยด้วย เพลินด้วยนะ มาบุรีรัมย์ไม่กินลูกชิ้นที่นี่ก็คือพลาดละ บอกเลย
รองท้องกันเรียบร้อยพอหายหิว ก็ขอชวนขับรถเที่ยวในเมืองแบบชิลล์ๆ กันต่อ กับอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองนี้ที่ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลหรือไม่ แต่มาถึงบุรีรัมย์แล้วก็ต้องแวะไปก็คือ สนามฟุตบอล Chang Arena สนามฟุตบอลมาตรฐานแบบไม่มีลู่วิ่งแห่งเดียวในเมืองไทย และยังครองสถิติเป็นสนามฟุตบอลระดับฟีฟ่าที่สร้างเร็วที่สุดในโลกด้วยนะ ใกล้ๆ กันยังมี สนามแข่งรถ Buriram International Circuit สนามแข่งรถระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามที่ใช้แข่งรายการ Moto GP และอนาคตอาจจะมีการแข่งรถ F1 ให้ดูกันได้ที่สนามนี้ด้วยละ ไปดูแค่สนามแข่งก็ตื่นตาตื่นใจแล้วจ้า ใครอยากดูรายการแข่งจริงบอกเลยว่าเค้าจองตั๋วและที่พักกันล่วงหน้าข้ามปีเลยนะ วางแพลนกันให้ดี
ขับรถจากสนามฟุตบอลช้าง อารีน่า มาอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เราก็จะได้สัมผัสความร่มรื่นเย็นสบายใน วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง กันแล้วละ ใครอยากเห็นปากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้วกันแบบชัดๆ ที่นี่เค้ามีการจัดสะพานแขวนให้เดินข้ามปากปล่องกันไปเลยจ้า ด้วยความเป็นวนอุทยานฯ ที่นี่ก็จะให้ฟีลแนวป่าๆ หน่อยนะ เราจึงอาจจะได้เห็นสัตว์น้อยใหญ่กันบ้างพอเป็นกระสัย ด้านบนมีทางขึ้นเป็นบันไดนาคราชสูง 297 ขั้น เพื่อไปกราบนมัสการพระสุภัทรบพิตรซึ่งเป็นองค์พระใหญ่ประจำเมืองบุรีรัมย์ บริเวณองค์พระใช้เป็นจุดชมวิวมุมสูงได้สวยเชียว ไปที่เดียวได้เที่ยวหลายฟีลเลยละ เริ่ดจะตาย
ถ้าอยากได้บรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติในยามเย็น เราว่า อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยละ เพราะนี่คือทะเลสาบน้ำจืดกว้างขวาง ซึ่งในบางช่วงจะมีนกทั้งที่เป็นนกประจำถิ่นและนกที่อพยพจากถิ่นอื่นมาอาศัยอยู่มากกว่า 170 สายพันธุ์ รอบอ่างเก็บน้ำมีร้านอาหารให้บริการ แล้วยังมีเลนจักรยานระยะทาง 18 กิโลเมตรรอบอ่างเก็บน้ำให้ปั่นชมวิวพร้อมออกกำลังกันไปด้วยนะ ถ้าใครไม่สะใจ เค้ามีเส้นทางปั่นที่เชื่อมต่อไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดซึ่งมีระยะทางจัดหนักร่วม 30 กิโลเมตรไปเลยจ้า ไม่ปั่นก็มานั่งชมวิวชิลล์ๆ ได้นะ เป็นอีกพิกัดที่อยากชวนให้ปักหมุดมาแวะกัน
ช่วงค่ำๆ ในเมืองบุรีรัมย์ สิ่งหนึ่งที่ต้องหาทำก็คือการไปเดินเล่นที่ ถนนคนเดินเซราะกราว ถนนคนเดินประจำเมืองบุรีรัมย์ซึ่งรวมเอาการแสดงวัฒนธรรมประจำถิ่นมาไว้ให้ทั้งชาวบุรีรัมย์และนักท่องเที่ยวได้ชมกัน นอกจากนั้นที่นี่ยังรวมของกินสารพัดรูปแบบเอาไว้ให้ได้แวะชิมแวะช้อปกันด้วยนะ จะเป็นของกินพื้นบ้าน หรือจะเป็นอาหารนานาชาติยอดฮิตก็มีให้ลองชิมจ้า ของใช้ ของฝาก ของที่ระลึกน่าสนใจก็มาหากันได้ที่นี่นะ เค้ามีช่วงเย็นถึงค่ำของวันเสาร์ - อาทิตย์จ้ะ มาเดินก็เพลินดีน้า ปักหมุดไว้ละกัน
เช้าวันต่อมา ก็ได้เวลาขับรถออกไปเที่ยวนอกตัวเมืองกันบ้าง เราตั้งพิกัดแรกเอาไว้ที่ วัดป่าละหานทราย ซึ่งเป็นวัดสวยท่ามกลางพื้นที่ 80 ไร่ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ไฮไลท์ของที่นี่ก็คงต้องยกให้กับสถาปัตยกรรมสวยๆ ของตัววิหารไม้สไตล์ล้านนาผสมล้านช้าง ซึ่งด้านในเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปหยกขาวที่งดงามมาก ไฮไลท์หลักอีกหนึ่งจุดก็คือพระอุโบสถกลางน้ำที่สวยงามเตะตาทั้งด้านนอกและด้านใน ใครชอบวัดสวย สงบ ร่มรื่น บรรยากาศดี มาที่นี่ถูกใจชัวร์
จากวัดป่าละหานทราย ขับรถไม่ถึง 20 นาที ก็จะมาถึง ปราสาทเมืองต่ำ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของบุรีรัมย์ที่ไม่อยากให้พลาดเลยเชียวละ เพราะนี่คืออีกหนึ่งปราสาทขอมโบราณที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตกว้างขวาง แถมยังตั้งอยู่บนพื้นที่ราบจึงเดินชมได้ง่ายกว่าปราสาทหินพนมรุ้งซึ่งอยู่บนยอดเขา สันนิษฐานกันว่านี่คือศาสนสถานสำหรับประชาชนทั่วไปในยุคโบราณ แต่สร้างด้วยฝีมือประณีตไม่ต่างจากปราสาทหินพนมรุ้งเลยเชียวละ อย่าลืมแวะชมไฮไลท์อย่าง ‘นาคหัวโล้น’ ของที่นี่ด้วยนะ ว่ากันว่าหาดูได้ยากจากที่อื่นเลยจ้า มาแล้วดูให้เต็มตาเด้อ
หากจากปราสาทเมืองต่ำไปแค่ราวๆ 8 กิโลเมตรเท่านั้น ก็จะมาถึงไฮไลท์ที่พลาดกันไม่ได้เมื่อมาถึงบุรีรัมย์อย่าง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทขอมโบราณที่ยิ่งใหญ่และงดงามตระการตาที่สุดของเมืองไทย ตัวปราสาทตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 200 เมตร บริเวณปากปล่องภูเขาไฟซึ่งดับสนิทไปแล้ว ในแต่ละปีที่นี่จะมีความอัศจรรย์ของการที่พระอาทิตย์จะส่องแสงลอดผ่านประตูทั้ง 15 บานพร้อมกัน ในหนึ่งปีจะมีแค่สองช่วงเท่านั้นนะ คือในช่วงเดือนเมษายนและกันยายนของทุกปี เป็นความ unseen ที่ควรต้องมาเห็นด้วยตาซักครั้งเลยเชียว
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เราก็มาถึง วัดเขาอังคาร อีกหนึ่งศาสนสถานที่มีความสวยแปลกตาไม่เหมือนใคร เริ่มจากสถาปัตยกรรมที่แลดูแตกต่างทั้งรูปแบบและสีสัน ตัววัดตั้งอยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟ ด้านในวัดมีใบเสมาหินซึ่งเป็นโบราณวัตถุที่อยู่ในยุคทวารวดี ว่ากันว่ามีให้ดูแค่ที่นี่แห่งเดียวในเมืองไทยด้วยนะ จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์วัดนี้ก็น่าสนใจเชียวละ เพราะเป็นฝีมือช่างชาวพม่า ลายเส้นจึงแปลกตาแถมยังมีภาษาอังกฤษกำกับเรื่องราวในแต่ละภาพไว้ด้วยนะ ตามตำนานเล่าว่าวัดนี้เป็นสถานที่ซึ่งใช้เก็บพระอังคารธาตุขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ สายบุญไม่มาไม่ได้แล้วจ้า
ไม่ไกลจากวัดเขาอังคารซักเท่าไหร่ เป็นพิกัดที่อยากให้สายช้อปปักหมุดเอาไว้เลย กับการมาช้อปปิ้ง ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ ที่บ้านเจริญสุข หมู่บ้านเล็กๆ ที่นำภูมิปัญญาชาวบ้านมาสร้างมูลค่า ด้วยการใช้ดินจากเขาพระอังคารอันเป็นภูเขาไฟซึ่งดับแล้วนั่นละมาทำเป็นวัตถุดิบหลักในการย้อมผ้า ซึ่งผ้าที่ได้จะเรียกว่าผ้าภูอัคนี มีสีส้มอมน้ำตาลสวยคลาสสิกแปลกตา โดยชาวบ้านจะนำมาตัดเย็บเป็นผ้าเช็ดหน้า ผ้าคลุมไหล่ และเสื้อผ้าอีกหลายสไตล์เลยละ สีสวย ผ้านิ่มใส่สบาย ดีไซน์และราคาก็น่ารัก อยากลองเวิร์คช็อปก็ติดต่อล่วงหน้าซักนิดน้า นี่คืออีกพิกัดที่เราอยากให้แวะมาจริงๆ
ได้ไหว้พระแถมยังได้ช้อปปิ้งผ้าภูอัคนีกันมาจนจุใจ เราก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปตัวเมืองเพื่อพักผ่อนกันละ ระหว่างทางขอแวะชิม ขาหมูนางรอง จานเด็ดที่ขึ้นชื่อลือชาของอำเภอนางรองซึ่งมีร้านให้เลือกแวะชิมกันมากมาย ตั้งแต่ร้านเก่าแก่ที่เปิดให้บริการกันมาหลายสิบปี จนถึงร้านที่เปิดได้ไม่นานแต่ฝีมือจัดจ้านไม่แพ้ใคร บอกเลยว่ารสเด็ดและราคาดี สมกับที่เป็นของดีประจำอำเภอเค้าจริงๆ
ก่อนเดินทางกลับในวันสุดท้าย เราขอชวนให้ไปแวะไหว้ ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ กันซักหน่อยดีกว่า นอกจากจะได้กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับแล้ว เรายังจะได้ชมความสวยของศาลหลักเมืองซึ่งสร้างเลียนแบบศิลปะขอมโบราณคล้ายที่เห็นกันในปราสาทพนมรุ้งนั่นละ ความพิเศษอีกอย่างคือเสาหลักเมืองของที่นี่นั้นมีถึง 2 ต้นด้วยกันนะ แถมใกล้ๆ กันยังมีสะดือเมืองและศาลเจ้าจีนให้แวะกราบกันด้วยจ้า เป็นการส่งท้ายทริปที่ดีนะ แนะนำเลย
ก่อนขึ้นเครื่องกลับกันคราวนี้ เราขอปิดท้ายทริปบุรีรัมย์กันที่ เพลาเพลิน ดินแดนแห่งดอกไม้สารพัดรูปแบบ จะเป็นทิวลิปหรือลิลลี่ที่นี่เค้าก็มีจ้า เพราะเค้ามีโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิถึง 6 โรงเรือนเพื่อใช้ปลูกไม้ดอกไม้ใบหลากหลายสายพันธุ์เลยละ แถมยังมีโซนไม้ผลและดอกไม้แบบเอ๊าท์ดอร์ด้วยนะ โซนสำหรับทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ก็มี หิวขึ้นมาคาเฟ่ที่นี่เค้าก็เด็ดใช้ได้ อยากซื้อของฝาก ช้อปปิ้งข้าวของดีไซน์เก๋ เค้าก็รวบรวมไว้ให้แล้วจ้า มาปิดท้ายที่นี่นะ รับรองว่าจบในที่เดียวเลย
บุรีรัมย์เป็นอีกหนึ่งเมืองของภาคอีสานที่เที่ยวได้อย่างค่อนข้างสะดวกสบาย โดยเฉพาะถ้าใช้การขับรถเที่ยวเองยิ่งชิลล์ใหญ่ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แถมถนนหนทางก็ยังสะดวกเข้าถึงได้โดยง่าย ที่พัก ที่กิน ที่ชิลล์ ที่ช้อป เค้าก็มีให้พร้อมหมดจ้า หนาวนี้ลองแพลนเที่ยวบุรีรัมย์ดูนะ เราว่าเป็นอีกจังหวัดที่น่าสนใจเลยทีเดียว