0

Traveloka TH

14 Dec 2021 - 3 min read

48 ชั่วโมงนี้ที่ลำปาง พาแอ่วลำปางแบบไม่ลำพัง

อยากเที่ยวก็อยากเที่ยวนะ แต่สถานการณ์แบบนี้ถ้าลางานยาวๆ ก็อาจเสี่ยงต่อความมั่นคงในหน้าที่การงานได้ คราวนี้เราเลยขอเอาแพลนเที่ยวลำปางแบบชิลล์ๆ ภายใน 2 วัน ชนิดที่ไม่ต้องสะเทือนวันลามาฝากกันจ้า ที่สำคัญคืออย่าลืมไปส่องตั๋วเครื่องบินลำปางราคาดีๆ กันที่ Traveloka ด้วยน้า จะได้เที่ยวกันแบบประหยัดทั้งวันลาและสตางค์ ไปเที่ยวลำปางคราวนี้ทั้งชิลล์ทั้งปังไม่มีพังอย่างแน่นอน!

แผนเที่ยวลำปางใน 48 ชั่วโมง

ลงเครื่องปุ๊บ ก็ขอชวนให้ไปเช็คอินกันที่หนึ่งแลนด์มาร์คยอดฮิตอย่าง เหมืองแม่เมาะ กันก่อนเลยจ้า ใช้เวลาขับรถกันแบบสบายๆ ครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้วละ ไฮไลท์ที่ควรต้องมาเช็คอินที่นี่ก็อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา ซึ่งนับเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศไทยเลยนะ นอกจากนั้นยังมีสกายวอล์คให้ชมวิวมุมสูงแบบพาโนรามา มีสวนพฤกษชาติ แถมปลายปีแบบนี้ยังมีทุ่งบัวตองให้เราได้แชะรูปกันแบบแจ่มๆ ด้วยละ โอ๊ย มีอีกเยอะเลยจ้า ต้องมาดูเอง!

เมื่อพูดถึงสัญลักษณ์ของเมืองรถม้าแห่งนี้ หนึ่งในแหล่งเช็คอินที่ต้องห้ามพลาดก็คงเป็นที่ วัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นวัดประจำปีของคนเกิดปีฉลูนี่ละ ว่ากันว่าในองค์พระธาตุแห่งนี้มีพระเกศา พระอัฐิธาตุบริเวณพระนลาฏข้างขวาและพระศอขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรรจุอยู่ การได้มากราบสักการะซักครั้งจึงนับเป็นสิริมงคลแก่ตัวเราอย่างยิ่งเลยนะ นอกจากนั้น วัดนี้ยังเป็นวัดไม้ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย แทบทุกมุมของวัดยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนาที่เก่าแก่และงดงามจับตา มีซุ้มพระบาทซึ่งมีปรากฏการณ์การหักเหของแสงจนเกิดเป็นรูปองค์พระธาตุกลับหัวให้ชมกัน นี่คือวัดที่มีมุมสวยและมหัศจรรย์ให้ชมกันจนจุใจเลยละ

มาถึงเมืองรถม้าทั้งที จะพลาดการ นั่งรถม้าเมืองลำปาง เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในตัวเมืองกันแบบสุดชิลล์ ได้ฟีลคลาสสิกแบบสุดๆ กันได้ยังไงล่ะ จุดใช้บริการรถม้าในเมืองลำปางมีหลายจุดนะ แล้วยังมีระยะทางและราคาให้เลือกได้หลายออพชั่นเลยเชียว เลือกพิกัดที่สะดวกแล้วลองมองหาสถานที่น่าสนใจซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนะ นี่เป็นอีกกิจกรรมที่ชิลล์มากจ้า อยากให้มาลองกัน

หนึ่งพิกัดที่อยากชวนให้นั่งรถม้าสวยๆ มาเช็คอินกันก็คือ วัดปงสนุก วัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าอยู่คู่เมืองลำปางมาแล้วนับพันปี ความเก๋หนึ่งก็คือการเป็นวัดที่มี 2 วัดอยู่ในอาณาเขตใกล้กัน นั่นก็คือวัดปงสนุกเหนือและวัดปงสนุกใต้ ความเก๋ที่สองก็คือที่วัดปงสนุกเหนือนั้นงดงามจนได้รับรางวัล Award of Merit รางวัลด้านการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากองค์กรยูเนสโก้ และเป็นวัดแรกของไทยที่ได้รางวัลนี้มาครองด้วยนะ การันตีได้เลยว่าวัดนี้เค้าสวยจริงจ้า ปักหมุดกันมาอย่าพลาดเชียว

วัดต่อมาในเส้นทางการนั่งรถม้าชมเมืองคราวนี้ ก็คือที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม อีกหนึ่งวัดที่เก่าแก่งดงามและมีอายุนับพันปี ซึ่งพระแก้วดอนเต้าในชื่อวัดนี้ก็หมายถึงพระแก้วมรกตนั่นละจ้า เพราะที่นี่เคยเป็นที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกตอยู่ถึง 32 ปี วัดนี้ยังมีองค์เจดีย์ใหญ่ซึ่งด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุขององค์พระพุทธเจ้า นอกจากนั้นยังมีองค์พระพุทธไสยาสน์เก่าแก่ มีวิหารหลวงและพิพิธภัณฑสถานแห่งล้านนา เป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรค่าแก่การมาชมจริงๆ

พิกัดเด็ดแห่งสุดท้ายในเส้นทางสายรถม้าคราวนี้ คือการแวะมาชมแสงเย็นสวยๆ กันที่ สะพานรัษฎาภิเศก อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่ต้องมาเช็คอินเมื่อมาถึงลำปาง สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 และนับว่าเป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทยในยุคนั้นเลยนะ เดิมสร้างจากไม้แต่ในภายหลังเกิดการผุพัง จึงมีการสร้างใหม่อีกครั้งเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างที่เห็นกันนี่ละ ในช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงสวยๆ นะ บอกเลยว่าตรงนี้คือปัง!

หลังจากการนั่งรถม้าชมเมืองสวยๆ กัน ก็ถึงเวลาย่ำค่ำที่เราจะได้ไปเดินเล่นต่อใน กาดกองต้า ถนนคนเดินสุดคลาสสิกของเมืองลำปางที่ทุกคนต้องแวะมาเช็คอินกัน ที่นี่เพียบพร้อมไปด้วยร้านรวงที่ขายทั้งของกินและของใช้สไตล์ท้องถิ่น รวมถึงของฝากของที่ระลึกมากมาย อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของถนนเส้นนี้ก็คืออาคารสวยสไตล์โบราณที่มีอายุนับร้อยปี บรรยากาศก็ดี ข้าวของและอาหารก็น่าซื้อหา ถนนคนเดินเปิดช่วงเย็นวันเสาร์และอาทิตย์น้า บอกเลยว่าถ้าพลาดคือน่าเสียดาย!

วันต่อมา อยากชวนให้ตื่นเช้าแล้วมุ่งหน้าไปชมความสวยของ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่น่ามหัศจรรย์ของเมืองลำปางเค้าละ ภาพเจดีย์น้อยใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตามผาหินบนยอดเขานั้น ดูกี่ครั้งก็ชวนให้พิศวงงงใจไปทุกทีว่าเค้าสามารถสร้างเจดีย์กันตรงนี้ได้ยังไงนะ? ในวันที่อากาศเป็นใจยังมีทะเลหมอกขาวๆ พร้อมวิวมุมสูงแบบ 360 องศาให้ได้ชมกันด้วยนะ อาจจะต้องเดินขึ้นกันแบบขาสั่นซักนิดจ้า แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้เห็นอย่างแน่นอน

ชมวิวสวยช่วงเช้ากันแบบอิ่มตาอิ่มใจ ก็ได้เวลาล้อหมุนต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ดินแดนแห่งน้ำพุร้อนที่หลายคนรู้จักกันดี ถ้ามีเวลาไม่มากนักแค่มาแวะเดินเล่นดูบ่อน้ำร้อน ต้มไข่ หรือเดินในเส้นทางชมน้ำตกก็ชิลล์ได้ แต่ถ้าพอมีเวลา ขอแนะนำให้มานั่งแช่น้ำร้อนผ่อนคลายกล้ามเนื้อกันซักหน่อยนะ จะใช้บ่อรวมหรือห้องแช่แบบส่วนตัวก็ตามสะดวกได้เลยจ้า เดินดูน้ำตกแจ้ซ้อนยืดเส้นยืดสายแล้วค่อยมาแช่น้ำร้อนก็ได้นะ แล้วจะรู้ว่าความสดชื่นน่ะ เป็นยังไง!

หลังจากสบายเนื้อสบายตัวกับการแช่น้ำร้อนแบบสุดผ่อนคลาย ก่อนมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อเตรียมเดินทางกลับ ขอชวนให้ขับรถแวะไปชิลล์กันที่ เขื่อนกิ่วลม ถ้าพอมีเวลาเกินครึ่งวัน อยากชวนให้มาล่องแพชมทิวทัศน์บริเวณรอบๆ เขื่อนนี้กัน เพราะมีพิกัดธรรมชาติสวยๆ หลายแห่งให้ชมเลยนะ แต่ถ้ามีเวลาไม่มากเท่าไหร่ แค่แวะไปนั่งชิลล์หาของอร่อยบนแพร้านอาหารวิวดีๆ ของที่นี่ก็เพลินใช้ได้เลยเชียวละ ลองเลือกแพลนตามเวลาที่มีกันดูเน้อ

ใครๆ ก็รู้กันดีว่าชามตราไก่นั้นเป็นโลโก้อันดับต้นๆ เมื่อเรานึกถึงลำปาง จึงอยากชวนให้แวะปิดท้ายทริปคราวนี้กันที่ พิพิธภัณฑ์เซรามิกธนบดี ซึ่งเป็นโรงงานเซรามิกเจ้าแรกที่เริ่มต้นตำนานชามตราไก่ของเมืองนี้นี่ละ ปัจจุบันเค้าเปิดพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เข้าไปเรียนรู้ที่มาและจุดเริ่มต้นของชามตราไก่ ที่เจ๋งคือมีชิ้นงานในรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจสุดๆ ให้ดูกันด้วยนะ แถมยังเริ่ดมากตรงที่ด้านในมีโรงงานขนาดย่อมให้เราได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ในการผลิตกันอย่างใกล้ชิด และยังเปิดให้เราร่วมเวิร์คช็อปได้ ปิดท้ายด้วยการช้อปงานเซรามิกเจ๋งๆ ติดมือกลับไป เป็นการปิดท้ายทริปที่ฟินสุดๆ เลยเชียว

หวังว่าแผนเที่ยวลำปางใน 48 ชั่วโมงที่เราเอามาฝากกัน จะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแต่วันลาไม่เป็นใจกันบ้างไม่มากก็น้อยละนะ แม้จะใช้เวลาไม่มากแต่ก็ได้เช็คอินแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้กันหลายแห่งเลยจ้า หนาวนี้ใครแพลนขึ้นเหนืออยู่ เก็บลำปางและทริปเที่ยวแบบไม่ง้อวันลาเอาไว้พิจารณาด้วยนะ บอกเลยว่าเมืองนี้เที่ยวกี่ทีก็ฟินเน้อ

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร