แพลนเที่ยว อาห์เมดาบัด 3 วัน 2 คืน พาเที่ยวเมืองของ 'คานธี' ฉบับไปกี่ครั้งก็ตกหลุมรัก

Traveloka TH
29 Jan 2020 - 9 min read

ทริปนี้ RelationTRIPS จะขอเป็นไกด์พาเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองอาห์เมดาบัดประเทศอินเดียอีกหนึ่งเมืองที่มีสถานที่เช็คอินสวยๆ ให้ได้ไปตามรอยถ่ายรูปลง Instagram อวดเพื่อนๆกัน และที่สำคัญเมืองนี้ มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ด้วยนะ! เรียกได้ว่า สะดวก และ ประหยัดเวลาเดินทางมากๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆเท่านั้น

และทริปนี้ต่อให้เราจะมีเวลาไม่เยอะ แต่บอกเลยเก็บครบทุกแลนด์มาร์คเด็ดๆ!

ใครมีแพลนอยากจะเปิดใจไปเที่ยวประเทศอินเดียดูซักครั้ง

เมืองอาห์เมดาบัดถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนะ

เพราะที่นี่เป็นเมืองแรกของประเทศอินเดียที่ได้รับการประกาศว่าเป็นเมืองมรดกโลก

แถมยังเป็นบ้านเกิดของนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดีย

มหาตมะ คานธี (Mohandas Gandhi) อีกด้วย

เรียกว่ามีเสน่ห์ให้หลงรักได้ไม่ยากเลยจริงๆ

แชร์รีวิวนี้เก็บไว้ได้เลย เพราะรีวิวนี้ RelationTRIPS

จัดให้แบบละเอียด ประหยัด เซฟงบ เที่ยวตามง่าย

ให้อ่านเสร็จปุ๊บพร้อมเก็บกระเป๋าตามรอยไปเช็คอินกันได้เลย : )

และยิ่งเซฟงบมากขึ้นไปอีกเพราะทริปนี้จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ที่มักจะมีตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษมาให้เลือกอยู่มากมาย และยังสามารถนำคูปองส่วนลดมาลดราคาได้อีก และใครที่ซื้อตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ไปก็ไม่จำเป็นต้องห่วงถ้ามีปัญหา เพราะเค้ามี Call center ภาษาไทยคอยรับสายตลอด 24 ชั่วโมงคอยจัดการให้เราเดินทางได้อย่างไร้กังวลเลย

เช็คราคา จองตั๋วเครื่องบินไปอินเดีย ราคาพิเศษ

Hello ‘A h m e d a b a d

ก่อนเที่ยวเรามาทำความรู้จักเมืองนี้กันก่อนเนอะ

เมืองอาห์เมดาบัด ตั้งอยู่ในรัฐคุชราต (Gujarat) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐนี้ (และรัฐนี้ก็มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของอินเดียด้วย) และอย่างที่บอกไป ที่นี่ถือเป็นเมืองที่ยูเนสโก (Unesco) ประกาศเป็นเมืองมรดกโลกแห่งแรกในประเทศอินเดีย พิเศษมากๆเลยเนอะ เพราะด้วยความที่เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดมาก จัดว่าเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมอินเดียตะวันตก! เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า เด่นเรื่องสิ่งทอและยา

การเดินทางในอาห์เมดาบัด -

การเดินทางภายในเมืองใช้ได้หลากหลายมากทั้ง uber และ ตุ๊กๆ แต่ถ้าให้แนะนำเราแนะนำเป็น uber เพราะถูกกว่า และควบคุมราคาได้ง่ายกว่า ตุ๊กๆต้องต่อราคาบ้าง แต่ประเทศอินเดียเที่ยวง่าย และราคาถูกอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลไป

- โดยในเมืองจะมีสถานที่เก่าแก่สำคัญอยู่หลายจุด

- ย่านเมืองเก่าก็สามารถเดินถ่ายภาพแบบสตรีทได้เรื่อยๆเลย เรียกได้ว่าเมมมีเท่าไหร่ หมดแน่ๆที่ประเทศนี้ เพราะคนอินเดียพื้นฐานเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ถ้าเรายกกล้องขึ้นมา เค้าจะหันมาให้ถ่ายเลย (ไม่ค่อยเหมือนประเทศอื่นๆเท่าไหร่) เรียกได้ว่าใครมาแนว Street นะ หลงรักคนประเทศนี้แน่นอน และเป็นงี้ทุกเมืองด้วยนะ 555555

- ย่านเมืองใหม่ ที่นั่นก็จะมีห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆ

- ส่วนการเดินทางออกไปนอกเมืองสามารถหารถเหมาเป็น one day trip ได้ ค่อนข้างสะดวกมากๆ

DAY1 - One Day Trip ‘Patan’ นอนที่ Hotel Alka Inn

DAY2 - One day trip ‘Ahmedabad’ City heritage walk นอนที่ Hotel Alka Inn

DA3 - Cafe - Back BKK

เ ริ่ ม เ ที่ ย ว กั น เ ห อ ะ !

DAY1 -

One Day Trip ‘Patan’

เมือง Patan เป็นชานเมืองของ Ahmedabadใช้เวลาเดินทางประมาณไปประมาณ 2ชั่วโมงครึ่งการเดินทางที่สะดวกที่สุดเช่นเคย ก็คือการเหมารถ

เราเหมาไปกลับได้ที่ราคา 4,000 รูปี

One Day Trip Sun Temple Modhera กับ Rani Ki Vav

เมือง Patan นี้เราก็จะเที่ยวกันแบบ One Day Trip

มาดูกันว่าในหนึ่งวัน เราจะเป็นเช็คอินที่ไหนอวดเพื่อนได้บ้าง

Modhera Sun Temple :

ค่าเข้าชม: 300 รูปี (สามารถโชว์พาสปอร์ตไทย จะได้ส่วนลดเหลือค่าเข้าแค่ 25 รูปี)

ประเทศอินเดียจะเน้นสถาปัตยกรรม พวกวัดพวกอะไรจะเยอะหน่อยนะ คล้ายๆกับประเทศกัมพูชา เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นสายประวัติศาสตร์น่าจะชอบมากๆ แล้วก็พวกถ่ายรูปสายแลนด์สเคป เพราะวิวอลังการทุกวัดจ้า!

- มากันที่วัดนี้ เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ปัจจุบันไม่ได้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมอะไรแล้ว

- อาคารวัดสร้างขึ้นในสไตล์ Maru-Gurjara (สไตล์ Chaulukya) ภายในประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ Gudhamandapa – The Shrine Hall, Sabhamandapa – The Assembly Hall และ Kunda ที่เป็นเหมือนบ่อเก็บน้ำ

Rani ki vav Rani Ki Vav :

ค่าเข้าชม: 300 รูปี (สามารถโชว์พาสปอร์ตไทย จะได้ส่วนลดเหลือค่าเข้าแค่ 25 รูปี)

เป็นซากอารยธรรมอันรุ่งเรืองของราชวงศ์ Solanki แห่งอารยธรรม Indus Valley เมื่อพันปีที่แล้ว ที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน และถือว่าสมบูรณ์มากๆนะ สวยมากๆ

(TIPS* Rani Ki Vav หมายถึง The Queen’s Stepwell ที่มีชื่อเสียงสร้างขึ้นเมื่อเกือบพันปีที่แล้ว Stepwell คือบ่อน้ำ หรือที่เก็บน้ำไว้ใช้ จะขุดลึกเข้าไปในดิน มีขนาดกว้าง20เมตร ยาว64เมตร และลึกลงไป27เมตร แบ่งเป็นชั้นๆ 7 ชั้น ที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็น World Heritage Site ในปี 2014)

Law Market :

ตัดมาเดินตลาดช้อปปิ้งของพื้นเมืองกันบ้าง จริงๆที่นี่มีตลาดหลายที่

แต่เราเลือกมาที่นี่ เพราะเดินทางสะดวก ใกล้กับที่พัก

ที่นี่เป็น Shopping Street รวมของมากมาย แต่ที่หลักๆเลยคือชุดพื้นเมือง

ผ้าแบบดั้งเดิม เป็นแหล่งรวมที่ใหญ่มากๆ เหมาะกับการซื้อใส่ถ่ายภาพสวยๆที่นี่

หรือซื้อเป็นของฝากก็ยังได้ ราคาน่าคบหาอยู่เด้อ

ใครอยากจะหาของฝากก็แนะนำซื้อที่นี่ไปได้เลยนะ ของเยอะดีที่เป็นอินเดียๆ

DAY2 -

One Day Trip ‘Ahmedabad’ City Heritage Walk

วันนี้เราตั้งใจจะเที่ยวรอบๆเมืองอาห์เมดาบัดนี่แหละ ไม่ออกไปไหนแล้ว

เพราะจริงๆในเมืองนี้เองก็มีที่เช็คอินที่น่าไปเยอะมากๆนะและการเที่ยวเมืองนี้ก็สะดวกสุดด้วย เพราะมีทัวร์ให้บริการ มีไกด์ไรพร้อมเลยจ้า

Swaminarayan Mandir and Heritage City Walk :

City Heritage Walk เป็นรูทการท่องเที่ยวที่จัดโดยการท่องเที่ยวเมืองอาห์เมดาบัด

- โดยทริปจะเริ่มเวลา 08.00 น. ที่ Swaminarayan Temple

(TIPS* จะมีชื่อเหมือนกัน 2 วัดนะ ต้องไปอันที่ชื่อว่า Swaminarayan Temple,Kalupur)

- เมื่อมาถึงต้องขึ้นไปลงทะเบียนและจ่ายค่าทริป คนละ 300 รูปี

- ซึ่งก่อนเดินจะมีให้ชมวีดีทัศน์แนะนำก่อน โดยเราจะเริ่มเดินจากวัด ผ่านตามชุมชนเก่าของเมือง และไปจบที่ Jama Masjid โดยระหว่างทางจะมีไกด์ท้องถิ่นแนะนำสถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งหมดประมาณ 19 จุด โดยแต่ละจุดจะมีป้ายอธิบายความสำคัญของที่นั้นๆ ใช้เวลาในการเดินเที่ยวทั้ง 19 จุด ประมาณ 2 ชั่วโมง - 2 ชั่วโมงครึ่ง

เป็นรูทเที่ยวที่เพลินๆดี เพราะแบบตื่นตาตื่นใจอยู่ เราว่าเที่ยวแบบนี้ก็สะดวกดี เพราะมีไกด์พาชม เดินเที่ยวเองไม่น่าจะรอดนะ แบบนี้เราอยากรู้อะไรสงสัยอะไรก็ถามไกด์ได้โดยตรงเลย คนอินเดียพูดภาษาอังกฤษกันเก่งมากๆ เพราะเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ สำเนียงช่วงแรกอาจจะฟังยากนิดนึง แต่รับรองว่าฟังออก และสื่อสารกันเข้าใจแน่นอน : )

จุดสุดท้ายคือ The Mosque Jama Masjid เป็น Mosque ที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1424 ในรัชสมัยของสุลต่านอาเหม็ดชาห์

เป็นอันว่าจบทริปการเดินทัวร์เมืองที่นี่ และเราก็ตัดสินใจไปหาท่านคานธีกันต่อเลย

อาศรมของคานธี (Gandhi Ashram) :

การเดินทาง: Uber ไม่ไกลมาก

ส่วนใหญ่จะเน้นแสดงเรื่องราวและประวัติของท่านมหาตมะ คานธี

เพื่อให้คนได้เข้ามาสัมผัสชีวิตและการทำงานของท่าน จริงๆเราเคยศึกษาประวัติของท่าน และค่อนข้างอินมาก ท่านเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณและการปฏิวัติแบบอหิงสา

ซึ่งใช้ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของประเทศอินเดีย จากการปกครองของประเทศอังกฤษ แต่อาศรมหรือที่พักของท่านที่เราได้ชม ถือว่าเรียบง่ายมากๆ

ที่นี่อยู่ติดกับ Sabarmati River แม่น้ำใหญ่ของเมืองอาห์เมดาบัด

เปิดให้เข้าชมทุกวัน และเข้าชมฟรี : )

และฝนก็ตกลงมาแบบหนักมาก เราเลยไปเที่ยวห้างต่อ

ซึ่งห้างที่นี่ไม่ให้ถ่ายรูปด้วยกล้องใหญ่ เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากกันนะ

แต่ก็เป็นห้างสรรพสินค้าทั่วไปเลย : )

DAY3 -

Cafe - Back BKK

Moca Cafe:

เป็นคาเฟ่ที่แบบบรรยากาศดีมากกก อินเดียก็มีที่อะไรแบบนี้นะเธอ

นั่งชิวๆ ขนมและเครื่องดื่มอร่อยดี

กินเสร็จเราก็ไปช้อปปิ้งสิ่งที่ห้ามพลาดเลยเมื่อมาประเทศอินเดีย

นั่นก็คือ การซื้อเครื่องสำอางแบรนด์ Himalaya นั่นเอง

แบรนด์นี้ของดีด้วยนะ แถมราคาถูกมากๆด้วยถ้าซื้อที่นี่

อย่างลิปมันราคาที่บ้านเรา ประมาณร้อยกว่าบาท

แต่ที่อินเดีย ราคาแค่ 30 รูปี หรือ 15 บาทเท่านั้นเอง!

และก็ได้เวลาบินกลับไทยแล้ว : )

อินเดียเป็นอีกรูทที่น่าสนใจมากนะ

เหมาะกับการมากับแก๊งเพื่อน ราคาถูก ได้ฟิลแบบ EXOTIC INDIA จริงๆ

เราอยากให้ทุกคนลบภาพอินเดียที่คิดไว้ในหัว แล้วออกเดินทางไปดูด้วยตัวเอง

สิบปากว่า ไม่เท่าหนึ่งตาเห็นนะ

สรุปแล้วทริปนี้ทุกคนสามารถลอกตามได้เลย !

ส่วนอาห์เมดาบัดก็นับเป็นอีกเมืองนึงในประเทศอินเดียที่อยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวกันใครอ่านและพร้อมเก็บกระเป๋า ก็ไปจองตั๋วบินตรงกันได้เลยที่ Traveloka

หวังว่าทุกคนจะหลงรัก อาห์เมดาบัดเหมือนเรานะ : )

ฝากติดตามรีวิวเจ๋งๆอีกเยอะแยะบานเบอะ

ทั้งในไทยและต่างประเทศได้ที่…

FB: RelationTrips

https://www.facebook.com/relationtripsss :)

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร