อัมสเตอร์ดัมเรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงสุดชิลล์เมืองหนึ่งในยุโรป ด้วยบรรยากาศสบายๆ ไม่แออัดเร่งร้อน ทิวทัศน์ส่วนใหญ่ก็เป็นตึกรามบ้านช่องแบบยุโรปโบราณ มีแม่น้ำคูคลองไหลผ่านตัวเมือง มีธรรมชาติที่งดงามชวนตื่นตา โดยเฉพาะไม้ดอกนานาสายพันธุ์ ก็อย่างที่รู้กันว่าประเทศเนเธอร์แลนด์น่ะเค้ามีการส่งออกดอกไม้ในระดับอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นดินแดนแห่งความเสรีที่บางคนอาจจะต้องยกมือทาบอก เมื่อได้รู้ว่าทั้งกัญชาและการขายบริการที่นี่เค้ามีบริการกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายนะจ๊ะ! และหากใครชอบขี่จักรยานที่นี่ก็เป็นสวรรค์เลยละ เพราะชาวเมืองนี้ใช้จักรยานเป็นพาหนะยอดฮิต และบอกเลยว่านางปั่นกันแบบซิ่งมากกก ใครขี่ไม่แข็งอย่าไปเสี่ยงกับเค้าเลยนะ ใช้รถไฟฟ้าหรือเดินเอาชิลล์กว่าเยอะ และถ้าคุณกำลังมองหาที่เที่ยวในอัมสเตอร์ดัมอยู่พอดี เราก็มีกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเยือนเมืองนี้มาฝากกัน และหากอ่านจบแล้วคุณเกิดกระสันอยากไปย่ำเมืองนี้ ก็เริ่มมองหาตั๋วเครื่องบินราคาดีๆ จาก Traveloka กันได้เลยจ้า รับรองว่าสะดวก ง่าย สบาย และประหยัดเว่อร์ๆ เลยละ พร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่าถ้าไปอัมสเตอร์ดัม ต้องทำอะไร?
จองตั๋วเครื่องบินไปอัมสเตอร์ดัม กับTraveloka
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และยังเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีขนาดใหญ่ในระดับแนวหน้าของโลก ภายในมีห้องจัดแสดงชิ้นงานต่างๆ กว่า 200 ห้อง และมีชิ้นงานศิลปะล้ำค่าของโลกที่เก็บรวบรวมเอาไว้นับล้านชิ้น! ซึ่งทั้งหมดมีอายุอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1200 - ค.ศ.2000 โดยก่อนหน้าที่จะมีการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปี ค.ศ.2013 นั้น ที่นี่มีการปิดเพื่อปรับปรุงไปประมาณ 10 ปีเต็ม โดยใช้งบประมาณในการปรับปรุงทั้งหมดกว่า 400 ล้านยูโร!! และในช่วงปี ค.ศ.2013 – 2014 ที่นี่ก็มีสถิติผู้คนเข้าชมไปแล้วหลายล้านคน และในปัจจุบันนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเข้าคิวรอชมกันยาวเหยียดอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าไปอัมสเตอร์ดัมแล้วไม่ได้ไปที่นี่ก็เหมือนว่ายังมาไม่ถึงเมืองนี้จริงๆ นั่นละ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมชิ้นงานศิลปะของ วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ ศิลปินชื่อกระฉ่อนโลกที่ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานทางด้านศิลปะกันเลยทีเดียว โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ.1973 และได้รับการบูรณะปรับปรุงเพื่อให้ทันสมัยอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลา ด้านในมีชิ้นงานจากฝีแปรงของแวน โก๊ะห์ ซึ่งแบ่งเป็นรูปวาดแบบลงสีกว่า 200 รูป รูปวาดอื่นๆ ประมาณ 500 รูป และยังมีรูปและจดหมายที่เป็นลายมือของเขาอีกกว่า 700 ฉบับ และนอกจากคอลเลคชั่นชิ้นงานฝีมือแวน โก๊ะห์แล้ว ที่นี่ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงานของศิลปินระดับแนวหน้าของโลกอีกหลายคน โดยจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ แบบไม่ซ้ำ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบงานศิลปะหรือไม่ ก็พลาดที่นี่ไปไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงจริงๆ
หลายคนอาจจะเคยรู้มาก่อนแล้วว่าอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีที่ตั้งของเมืองต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยน้ำ น้ำ และน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำ คู คลองต่างๆ ที่ไหลผ่านตัดกันไปมาทั่วทั้งเมือง เนื่องจากอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่นิยมใช้การสัญจรทางน้ำกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ เมืองนี้จึงมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ มากมายตั้งอยู่ในบริเวณริมน้ำ รวมถึงยังมีอาคารบ้านเรือนในสไตล์โบราณสวยงามแปลกตาและเต็มไปด้วยสีสันมากมายให้ชมไปตลอดทั้งสองฝั่ง นี่ยังไม่รวมต้นไม้ใหญ่และวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในอัมสเตอร์ดัม ซึ่งทำให้การล่องเรือชมเมืองเมืองนี้มีความเพลิดเพลิน มีชีวิตชีวา และสดชื่นสบายตาเป็นอย่างยิ่ง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการล่องเรือชมเมืองนี้จึงเป็นกิจกรรมที่คุณไม่สามารถพลาดได้จริงๆ
วอนเดลพาร์คแห่งนี้ เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในอัมสเตอร์ดัม และเป็นสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ แถมยังเป็นสวนระดับตำนานที่มีความเก่าแก่เกินกว่า 150 ปี มีพื้นที่ประมาณ 470,000 ตารางเมตร ในแต่ละปีจะมีผู้คนเข้ามาในสวนนี้กว่า 10 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนซึ่งจะเป็นฤดูที่สวนแห่งนี้มีชีวิตชีวาเป็นที่สุด เพราะจะมีผู้คนมานอนอาบแดด ออกกำลังกาย และปั่นจักรยาน ส่วนหากเป็นวันอาทิตย์บรรยากาศก็จะยิ่งชิลล์ไปอีก เพราะจะมีการแสดงเปิดหมวกอีกมากมาย รวมทั้งอาจมีฟรีคอนเสิร์ตในบริเวณเวทีกลางแจ้งอีกด้วย ที่เจ๋งสวนนี้มีบริการจักรยานนำเที่ยวที่จะมาพร้อมคำอธิบายถึงที่มาที่ไปของสวนให้ได้รู้ไปเพลินๆ ระหว่างปั่นอีกด้วยนะ ชิลล์มาก เหมือนมากับไกด์ส่วนตัวเลย
สำหรับใครที่เป็นสายดริ๊งค์ นี่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งคุณน่าจะถูกใจ เพราะนี่คือการทัวร์โรงงานไฮเนเก้นซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของโลก โดยโรงงานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1864 และใช้ที่นี่เป็นโรงงานผลิตเบียร์จนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1988 หลังจากนั้นจึงมีการย้ายโรงงานผลิตไปที่อื่น แต่ยังคงเก็บรักษาสถานที่อันเป็นตำนานแห่งนี้เอาไว้ และเปิดให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปเที่ยวชม ด้านในเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวทั้งหมดของไฮเนเก้นเอาไว้อย่างครบครันทุกอย่างตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน คุณจะได้เรียนรู้แม้กระทั่งวิธีการดื่มเบียร์ที่ถูกต้อง แถมยังมีของที่ระลึกให้ช้อปด้วยจ้า และที่สำคัญ ข้างในนี้น่ะสามารถดื่มได้แบบ all you can drink นะคะคุณณณณณ พอใจมั้ย??
เรียกว่ามาเหยียบประเทศแห่งกังหันประเทศนี้แล้วต้องได้กิน! เพราะนี่คือของหวานที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของบ้านนี้เมืองนี้กันเลยทีเดียวละ วาฟเฟิลของเมืองนี้จะมาแบบกรอบ บาง และมีคาราเมลเป็นไส้กลางอยู่ด้านใน วิธีการกินที่ถูกต้องก็ไม่ใช่บิด ชิมคาราเมล แล้วจุ่มนมนะ แต่คุณต้องเอาเจ้าวาฟเฟิลนี่ละมาวางไว้บนถ้วยกาแฟร้อน เพื่อเป็นการใช้ไอร้อนค่อยๆ อุ่นให้คาราเมลที่อยู่ด้านในละลายไหลเยิ้มในปากเวลาที่คุณกัดเข้าไป มาที่นี่แล้วยังไงก็ต้องชิมเจ้าขนมนี้ให้ได้นะ และบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า...ฟิน!
อย่างที่บอกไปในตอนต้น และคิดว่าหลายๆ คนก็คงเคยรู้มาบ้างแล้วว่า เนเธอร์แลนด์น่ะเป็นประเทศที่ส่งออกดอกไม้ในปริมาณมากมายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และมาถึงแหล่งทั้งที การเดินเล่นที่ตลาดดอกไม้ของประเทศนี้จึงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องทำ โดยตลาดแห่งนี้อยู่บริเวณด้านข้างเลียบคลอง Singel ซึ่งมีทั้งร้านที่เป็นแผงอยู่บนบก และในเรือบ้านที่ลอยอยู่บนน้ำ หลายคนจึงบอกว่าที่นี่เป็น Floating Flower Market แห่งเดียวในโลก ตลาดนี้เปิดขายดอกไม้มาตั้งแต่ราวปี ค.ศ.1862 ถนนทั้งเส้นจึงเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดวางเรียงกันยาวเหยียดแบบมองแล้วละลานตา มาพร้อมกลิ่นหอมละมุนที่ฟุ้งไปทั่วทั้งตลาด แม้จะซื้อหอบกลับมาไทยแลนด์ไม่ได้ แต่ไปเดินดูเดินดมก็เรียกว่าเพลินจนเกินอธิบายแล้วละคุณเอ๊ยยยยย!
ตลาดอัลเบิร์ตแห่งนี้เป็นตลาดนัดกลางแจ้งที่อายุกว่าร้อยปี โดยเปิดให้บริการกันตั้งแต่ราวๆ ปี ค.ศ.1904 และในปัจจุบันนี้มีแผงขายของเรียงรายกันมากกว่า 300 แผง รวบรวมสินค้าสารพัดอย่างเอาไว้ให้คุณได้เดินชิมเดินช้อปกันในที่เดียว ตั้งแต่ผัก ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง ดอกไม้ ต้นไม้ เสื้อผ้า เครื่องหนัง จิวเวลรี่ เบเกอรี่ และของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว เรียกว่าใครที่ชอบเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศจอแจคึกคักของตลาดนัดละก็ห้ามพลาดที่นี่ด้วยประการทั้งปวงจริงๆ อ้อ ตลาดนี้มีทุกวันตั้งแต่จันทร์ - เสาร์ ส่วนใหญ่ร้านรวงจะเริ่มเปิดขายของกันตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึงประมาณ 5 โมงเย็นเลยนะ ไม่ว่าคุณจะมองหาอะไร มาสอยไปจากที่นี่ได้เลย เค้ามีทุกสิ่งให้เลือกสรรจริงๆ ละ
อู่ต่อเรืออายุนับร้อยปีใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมแห่งนี้ เคยเป็นพื้นที่รกร้างหลังจากบริษัทที่ทำกิจการหยุดดำเนินงานไป จนกระทั่งในปี ค.ศ.1990 เป็นต้นมา ที่นี่เริ่มได้รับการฟื้นฟูและพัฒนาให้กลายมาเป็นย่านสุดฮิปแห่งหนึ่งของเมืองนี้ พื้นที่ว่างและตามกำแพงต่างๆ กลายมาเป็นพื้นที่จัดแสดงงานอาร์ตเจ๋งๆ มากมาย อาคารเก่าแก่หลายแห่งได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ในบรรยากาศสุดคูล แม้กระทั่งเครนสำหรับยกสินค้าลงเรือในสมัยก่อนก็ยังปรับเปลี่ยนมาเป็นโรงแรมสุดเก๋ ที่นี่จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความฮิปในหลากหลายรูปแบบที่แปลก เก๋ ไม่ซ้ำใคร เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ยังไงๆ ก็ควรต้องแวะมา!
แอนน์ แฟรงก์ คือเด็กหญิงชาวยิว ซึ่งต้องใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในห้องลับพร้อมกับครอบครัวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงที่นาซีบุกเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกจับเป็นเชลย แอนน์ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้ด้วยการเขียนบรรยายทุกอย่างที่เธอรู้สึกลงในไดอารี่ที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 13 ปี ก่อนที่ห้องลับของพวกเขาจะถูกค้นพบใน 2 ปีต่อมา พวกเขาถูกจับแยกไปยังค่ายกักกันคนละแห่ง ก่อนที่ทุกคนจะเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีให้หลัง และพ่อของแอนน์เป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ เขาพบบันทึกของแอนน์และพิมพ์มันเป็นหนังสือเพื่อระลึกถึงลูกสาวซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน และมันกลายเป็นงานเขียนระดับโลกที่ได้รับการตีพิมพ์กว่า 70 ภาษา จึงเป็นที่มาให้ห้องลับของครอบครัวนี้มีผู้คนหลั่งไหลมาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย รู้ทั้งหมดนี้แล้ว คุณยังจะยอมพลาดไม่มาเยือนที่นี่ได้เชียวเหรอ?
เพราะการขายบริการทางเพศเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายในเนเธอร์แลนด์ ผู้คนที่ประกอบอาชีพนี้มีการควบคุมและคุ้มครองจากรัฐบาล และพวกเขาต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และย่าน red light ก็ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจนี้ของอัมสเตอร์ดัม โดยเหล่าสาวๆ เจ้าของธุรกิจทั้งหลายจะมีการอวดโฉมขายของกันผ่านตู้กระจกที่ส่วนใหญ่เปิดไฟสีแดง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อย่านนี้ ที่นี่มีกิจการเปิดให้บริการอยู่ประมาณ 500 ราย ย่านนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินชมเพื่อเปิดหูเปิดตาท่ามกลางบรรยากาศซึ่งหาไม่ได้จากที่อื่นในโลก โดยมีข้อแม้เดียวคือห้ามถ่ายรูปสาวๆ ในบริเวณนี้เท่านั้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งย่านที่ถ้าไม่ได้มาเห็นก็อาจจะเหมือนว่ามาไม่ถึงอัมสเตอร์ดัมเลยนะ อย่าพลาดเชียว!
พระราชวังแห่งนี้เป็น 1 ใน 3 ของพระราชวังทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์ โดยสร้างขึ้นในยุคทองของประเทศช่วงราวศตวรรษที่ 17 ก่อนที่ประเทศนี้จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส ที่นี่จึงถูกเปลี่ยนให้กลายมาเป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์หลุยส์ นโปเลียน และกลายเป็นพระราชวังสำหรับราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ในเวลาต่อมา ด้านในพระราชวังเต็มไปด้วยชิ้นงานศิลปะสุดตระการตาหลากหลายรูปแบบซึ่งนำมาใช้ในการตกแต่ง และยังเต็มไปด้วยความงดงามหรูหราเกินบรรยาย โดยที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์และวันสำคัญต่างๆ ที่มีการประกอบพิธีการด้านใน บอกเลยว่าใครชอบของสวยๆ งามๆ และศิลปะทั้งหลาย ไม่ควรพลาดการมาชมพระราชวังแห่งนี้ไปจริงๆ
เรียกได้ว่าเป็นย่านที่คึกคักสุดๆ อีกหนึ่งแห่งในอัมสเตอร์ดัม เพราะเป็นถนนช้อปปิ้งเส้นหลักที่มุ่งสู่ย่าน Dam Square ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวหลักอีกแห่งหนึ่ง นอกจากย่านนี้จะถือเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวเพราะเรียงรายไปด้วยโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของ พิพิธภัณฑ์ ร้านกาแฟ และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ไปตลอดสองข้างทางแล้ว ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเส้นทางล่องเรือเที่ยวอัมสเตอร์ดัมอีกด้วย เพราะจะเต็มไปด้วยตึกรามแบบยุคเก่าหลากหลายสีสันตั้งเรียงกันเป็นแถวยาวเหยียด เชื่อเลยว่าหลายคนต้องเคยภาพตึกสวยๆ ของที่นี่ผ่านโปสการ์ดหรือเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างๆ มาบ้างแล้วอย่างแน่นอน
นี่คือการทัวร์ทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ใน 9 นาที! ด้วยการชมทิวทัศน์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดๆ ของประเทศนี้ผ่านรูปแบบภาพยนตร์ 5D ที่มีเทคนิคสุดล้ำ ด้วยวิธีการซึ่งไม่ธรรมดา เพราะจะมีการยกเก้าอี้ที่คุณนั่งให้ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ ก่อนจะพาคุณชมความงดงามของเนเธอร์แลนด์ด้วยมุมมองจากเบื้องบนแบบ Bird’s eye view ให้อารมณ์เหมือนคุณกำลังโบยบินอยู่เหนือน่านฟ้าประเทศนี้ โดยมีเอฟเฟ็คท์ทั้งเก้าอี้โยก ทั้งน้ำและลม มาผสมแบบเสมือนจริง ได้รับรู้ฟีลลิ่งของการแปลงร่างเป็นนกแบบเต็มตัวกันก็หนนี้นี่ละคุณ!
หมู่บ้าน ซานสคันส์ ตั้งอยู่ในเขต Old Holland ตอนเหนือของ Amsterdam เป็นหมู่บ้านโบราณที่มีการย้ายบ้านเรือนและอาคารโบราณจากหลากหลายแห่ง มาปลูกสร้างใหม่ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำซานในปี ค.ศ.1960 มีจุดเด่นตรงที่นอกจากจะเป็นหมู่บ้านที่ให้อารมณ์โรแมนติกน่ารัก เพราะบรรยากาศแสนจะชิลล์ สบาย ไม่เร่งร้อน สลับกับบ้านหน้าตาน่าเอ็นดูสีสันสดใสในรูปแบบแปลกตาทั้งหลายแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยกังหันลมแบบโบราณ ภายในบ้านแต่ละหลังก็ยังมีทั้งพิพิธภัณฑ์ หรือโซนที่เปิดให้ชมกรรมวิธีในการผลิตสินค้าของแต่ละบ้านได้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นโรงผลิตชีส ร้านทำรองเท้าไม้ หรือโรงทำมัสตาร์ดแบบโฮมเมด เรียกว่าถ้าอยากได้วิวสวยๆ บรรยากาศสบายๆ และมีร้านรวงให้ช้อปโอท็อปอัมสเตอร์ดัมกันแบบชิลล์ๆ คุณจะพลาดที่นี่ไปไม่ได้เลยเชียวเน้อ
อัมสเตอร์ดัมถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในยุโรปที่มีความน่าสนใจ แม้ที่นี่จะไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้สึกหวือหวา หรือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่อัมสเตอร์ดัมก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่บรรยากาศสุดผ่อนคลาย ทิวทัศน์สวยๆ ของเมืองนี้มาเต็มทั้งต้นไม้ดอกไม้แบบที่สายธรรมชาติต้องปลื้มปริ่มเลยละ เรียกว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในยุโรปที่ไม่พลุกพล่านเกินไป คุณจึงสามารถใช้เวลาเดินเล่นชมความสวยรอบตัวไปได้เรื่อยๆ แบบสุดชิลล์ ใครรักธรรมชาติ ชอบใช้เวลาแบบช้าๆ ไม่วุ่นวาย แนะนำว่าต้องไปเยือนเมืองนี้ให้ได้ซักครั้งหนึ่งจริงๆ นะ แล้วนี่อาจจะเป็นอีกเมืองที่คุณต้องเก็บไว้ในลิสต์เมืองยุโรปสุดน่ารักในคอลเลกชั่นส่วนตัวก็ได้ ใครจะรู้!