แม้จะเป็นจังหวัดขนาดเล็กในภาคกลาง แต่อ่างทองกลับอุดมไปด้วยที่เที่ยวที่น่าสนใจและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า โบราณสถานที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม จนทำให้ใครที่ได้มาเยือนต่างก็หลงใหลในมนต์เสน่ห์และอยากกลับมาเที่ยวอีกครั้ง
หากใครที่อยากไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองรองแห่งนี้ด้วยตนเอง สามารถวางแผนทริปเที่ยวได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Traveloka แอปฯ เดียวที่ครบเครื่องเรื่องการท่องเที่ยว ทั้งจองที่พัก ตั๋วเดินทาง และกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยดาวน์โหลดและเริ่มต้นใช้งานได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
เริ่มต้นทริปเที่ยวอ่างทองด้วยการไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งแต่ละที่ล้วนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความงดงามที่น่าประทับใจ
วัดโบราณที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ราวปี พ.ศ. 2230 ที่นี่โดดเด่นด้วย หลวงพ่อใหญ่ หรือ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดหน้าตักกว้าง 62 เมตร และความสูงถึง 93 เมตร โดยใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 16 ปี ซึ่งนอกเหนือจากความอลังการขององค์พระสีทองอร่ามที่มองเห็นได้แต่ไกลแล้ว ยังมีความเชื่อที่ว่า หากใครได้สัมผัสที่ปลายพระหัตถ์ขององค์พระใหญ่ จะได้รับพรให้เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานอีกด้วย
อีกหนึ่งสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ วัดไชโยวรวิหาร หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า วัดเกษไชโย ซึ่งเป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่วัดแห่งนี้กลับมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นที่ประดิษฐานของพระมหาพุทธพิมพ์ หรือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ศิลปะรัตนโกสินทร์ปางสมาธิ ทั้งนี้ องค์พระสร้างขึ้นโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ในสมัยรัชกาลที่ 4 ระหว่างปี พ.ศ. 2400-2405 จนกลายเป็นที่เคารพสักการะของชาวอ่างทองมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน
หลังจากสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ของวัดวาอารามแล้ว มาต่อกันที่สถานที่ท่องเที่ยวอ่างทองที่ไม่ใช่วัดกันบ้าง โดยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นอันทรงคุณค่า ถือเป็นพิกัดที่ไม่ควรพลาด
ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ ตั้งอยู่บริเวณวัดท่าสุทธาวาส ซึ่งภายในอาคารทรงไทย 2 ชั้นแห่งนี้ ได้รวบรวมศิลปะพื้นบ้านอันทรงคุณค่าไว้อย่างครบครัน โดยชั้นบนจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในขณะที่ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตุ๊กตาชาววัง นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถชมการสาธิตการปั้นตุ๊กตาชาววังจากดินเหนียว ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง หรือ ตลาดวิเศษชัยชาญ เป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำน้อยที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี โดยตลาดแห่งนี้ยังคงเสน่ห์ของวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ผ่านบ้านไม้เก่า โรงแรมเก่า และร้านค้าที่ยังคงการจัดวางสินค้าแบบโบราณ ไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือร้านกาแฟโบราณ "กาเจ๊า" ที่ยังคงวิธีการชงแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมีร้านขนมพื้นเมืองที่หาทานได้ยาก เช่น ขนมบ้าบิ่นป้าเปียที่ขายมานานกว่า 50 ปี และขนมเกสรลำเจียก ขนมพื้นบ้านประจำจังหวัด นอกจากนี้ ตลาดยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อกวนอูวิเศษชัยชาญ ศาลเจ้าจีนสมัยรัชกาลที่ 5 ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจีนอันวิจิตรงดงาม และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนมาอย่างยาวนาน
เมื่อได้เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมกันแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้งกันบ้าง โดยมี 2 พิกัดสถานที่เที่ยวอ่างทองที่เราอยากแนะนำให้แวะไปเช็กอินคือ
หนึ่งในไฮไลต์ด้านธรรมชาติของจังหวัดคือ อุทยานสวรรค์อ่างทองหนองเจ็ดเส้น สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดอ่างทองซึ่งเดิมทีเป็นเพียงหนองน้ำขนาดใหญ่ จนกระทั่งในปี 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พัฒนาเป็นโครงการแก้มลิง โดยปัจจุบันประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่สองแห่ง ได้แก่ อ่างขนาด 99 ไร่ และ 163 ไร่ ที่สามารถกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรได้มากถึง 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งนอกจากประโยชน์ด้านการเกษตรแล้ว ที่นี่ยังได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รายล้อมด้วยไม้ประดับหายากนับแสนต้น พร้อมทั้งเป็นสวนที่สวยงามเหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร อินทร์โตฟาร์ม คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ที่นี่โดดเด่นด้วยการเป็นฟาร์มเมลอนญี่ปุ่นปลอดสารเคมีที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมฟาร์ม ถ่ายภาพกับเมลอนลูกโต และลิ้มลองความหวานกรอบของเมลอนสดจากฟาร์ม อีกทั้งยังเลือกซื้อผลผลิตปลอดสารพิษกลับบ้านไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
จากความร่มรื่นของธรรมชาติ มาต่อกันที่เสน่ห์ของการท่องเที่ยวชุมชน โดยสิ่งที่พลาดไม่ได้คือการเยี่ยมชมงานหัตถกรรม และลิ้มลองขนมอร่อย ๆ ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด
หนึ่งในหัตถกรรมขึ้นชื่อของจังหวัดอ่างทองคือ เครื่องจักสาน ซึ่งสะท้อนถึงความประณีตและภูมิปัญญาของช่างฝีมือท้องถิ่น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมการสาธิตและเรียนรู้กระบวนการทำเครื่องจักสานแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมีโอกาสเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากช่างฝีมือท้องถิ่น ซึ่งนอกจากจะได้ของใช้ที่มีคุณภาพแล้ว ยังเป็นการอุดหนุนและสืบสานงานหัตถกรรมอันทรงคุณค่านี้ให้คงอยู่ต่อไปด้วย
เมื่อมาเยือนอ่างทองแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ที่พลาดไม่ได้คือการลิ้มลองขนมพื้นเมืองสูตรโบราณ โดยเฉพาะ "ขนมเกสรลำเจียก" ขนมพื้นบ้านขึ้นชื่อที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิ สอดไส้มะพร้าวหอมหวาน นอกจากนี้ยังมี "ขนมสัมปันนี" ขนมมงคลที่มีประวัติย้อนไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รวมถึงขนมยอดนิยมอย่าง "ขนมไข่ปลา" และ "ขนมบ้าบิ่น" ที่โดดเด่นด้วยรสชาติหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งการได้ลิ้มลองขนมโบราณเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสรสชาติดั้งเดิมที่หาทานได้ยากแล้ว แต่ยังเป็นการเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรมด้านอาหารของชาวอ่างทองที่สืบทอดกันมาอีกด้วย
สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด นอกจากที่เที่ยวจังหวัดอ่างทองและของดีท้องถิ่นแล้ว หากต้องการสัมผัสวิถีชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ควรพลาดงานประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีอันได้แก่
หนึ่งในเทศกาลสำคัญที่จัดขึ้นปีละ 2 ครั้งในเดือนมีนาคมและพฤศจิกายน เพื่อนมัสการและสมโภช "พระมหาพุทธพิมพ์" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานว่า "หลวงพ่อโต" พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้น ซึ่งโดดเด่นด้วยพระพักตร์ที่งดงามเป็นธรรมชาติ โดยภายในงานไม่เพียงมีพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง รวมถึงกิจกรรมสนุกสนานทั้งการแข่งขันเรือยาวและมหรสพสมโภชที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างความครึกครื้นตลอดงาน
ในขณะเดียวกัน อีกหนึ่งประเพณีที่สะท้อนวิถีชีวิตริมน้ำของชาวอ่างทองก็คือ งานประเพณีแข่งเรือยาวที่จัดขึ้น ณ วัดป่าโมกวรวิหารในสองช่วงเวลาสำคัญ โดยเริ่มต้นในเดือนมีนาคมด้วยงานนมัสการและสมโภชพระพุทธไสยาสน์และพระพุทธบาท 4 รอย จากนั้นจะตามมาด้วยไฮไลต์สำคัญในเดือนตุลาคม ที่จะเป็นการแข่งขันเรือยาวประเพณีอันยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดทีมฝีพายจากทั่วประเทศให้มาร่วมประชันฝีมือเท่านั้น แต่ยังสร้างสีสันและความประทับใจให้ผู้มาเยือนได้ตลอดทั้งงานอีกด้วย
สำหรับคนที่สนใจมาเที่ยวอ่างทอง เรามีวิธีการเดินทางมาแนะนำ ด้านล่างนี้เลย
สำหรับคนที่ขับรถมาเอง ให้ใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าสู่รังสิต จากนั้นเข้าสู่ถนนสายเอเชียมุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านบางปะหัน โดยสังเกตปั๊มเติมก๊าซอ่างทองที่จะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงแยกเข้าเมือง เมื่อเลี้ยวซ้ายตรงแยกนี้ อีกเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึงตัวเมืองอ่างทอง
อีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกคือรถตู้โดยสาร ซึ่งให้บริการจากหลายจุดในกรุงเทพฯ ทั้งบริเวณอนุสาวรีย์ชัยและฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยปลายทางจะอยู่ในจุดสำคัญของตัวเมืองที่สะดวกต่อการต่อรถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ
จากสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำทั้งหมด จะเห็นได้ว่าจังหวัดอ่างทองนั้นเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามอันศักดิ์สิทธิ์ แหล่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ชวนให้หลงใหล
สำหรับใครที่อยากเที่ยวอ่างทองแบบสะดวกสบายและคุ้มค่า Traveloka พร้อมเป็นผู้ช่วยวางแผนการเดินทางของคุณ ด้วยบริการจองที่พักราคาดีที่มีให้เลือกหลากหลาย แพลนทริปได้ครบจบในที่เดียว ดาวน์โหลดแล้วเริ่มต้นใช้งานได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android