20 ที่เที่ยวเชจู ดื่มด่ำธรรมชาติสุดชิล ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

TH Accommodation
30 May 2024 - 5 min read
ที่เที่ยวเชจู

อยากไปเที่ยวต่างประเทศในตอนนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะบินไปไม่ได้ ยิ่งถ้าหากเลือกประเทศที่ฟรีวีซ่าก็ยิ่งบินไปง่าย เช่นเดียวกับเกาะเชจู ที่ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ เพียงแค่กรอก K-ETA ก็สามารถเดินทางไปยังที่เที่ยวเชจูได้เลย ดังนั้น หากใครมีแพลนว่าจะไปเที่ยวเกาหลี เราขอแนะนำให้ลองเลือกไปเกาะเชจูกันดู เพราะทั้งวิวสวย ธรรมชาติดี และบรรยากาศที่ล้อมรอบด้วยทะเล ภูเขา และทุ่งดอกไม้ ให้คุณได้พักผ่อน ใช้วันหยุดไปกับการเดินเที่ยวจุดต่าง ๆ บนเกาะเชจู

เราก็ได้ลิสต์ที่เที่ยวเกาะเชจูมาให้แล้ว สำหรับใครที่กำลังหาว่าเกาะเชจูมีอะไรบ้าง? รับรองว่าคุณต้องฟินกับบรรยากาศแน่นอน หากพร้อมแล้ว กดจองตั๋วเครื่องบินไปเชจูผ่าน Traveloka แล้วเตรียมตัวเก็บกระเป๋าให้พร้อม ออกเดินทางไปยังที่เที่ยวเชจูกันได้เลย!

ที่เที่ยวเชจู เติมพลังด้วยธรรมชาติ พักกายสบายใจ

1. อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลา (Hallasan National Park)

อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลา

เราขอชวนมาเดินป่าขึ้นภูเขาไฟที่ดับแล้วที่ “Hallasan National Park” หรืออุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลา ถือว่าเป็นที่เที่ยวเชจูอันดับท็อปของเกาะเลยทีเดียว เพราะที่นี่เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะเชจู และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เหมาะสำหรับสายเดินป่า ปีนเขา เพราะว่ามีเส้นทางการเดินสำหรับศึกษาธรรมชาติมากถึง 7 สายด้วยกัน นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ และจะได้ชมวิวสวยของภูเขาเป็นฉากหลัง ใครที่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้านเดินเขาก็มาเที่ยวกันได้ เพราะสามารถเดินแบบไปเช้าเย็นกลับ ไม่ต้องค้างคืน

2. ซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong)

ซองซาน อิลชุลบง

มาสัมผัสกับธรรมชาติสวย ๆ บนเกาะเชจูที่ “Seongsan Ilchulbong” ที่เที่ยวเชจูแห่งนี้นับว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากที่สุดของเกาะเลยทีเดียว หลายคนจึงมักจะเดินทางมาที่นี่ในตอนเช้า เพื่อเฝ้ารอคอยชมพระอาทิตย์ขึ้น คุณจะเห็นวิวที่งดงามของท้องทะเลที่มีแสงอาทิตย์สีทองสวยงามระยิบระยับ นอกจากนี้ คุณยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟที่ดับลงแล้วอีกด้วย ที่นี่มีลักษณะเป็นหน้าผาเพราะเป็นปากปล่องภูเขาไฟ และรายล้อมไปด้วยท้องทะเล คุณสามารถชมวิวได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจากที่นี่ได้เลย

3. ถ้ำลาวามันจังกุล (Manjanggul Cave)

ถ้ำลาวามันจังกุล

ที่เกาะเชจูไม่ได้มีแค่ภูเขาไฟและท้องทะเลแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีถ้ำอันสวยงามที่เหมาะแก่การไปเยี่ยมชมอีกด้วย ซึ่งถ้ำนี้มีชื่อว่า “Manjanggul Cave” เป็นถ้ำลาวาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีลักษณะเด่นแตกต่างจากถ้ำอื่นทั่วไป ด้านในจะมีทั้งหินงอก,หินย้อย, หินลาวา และแท่งหินต่าง ๆ รวมถึงมีอุณหภูมิประมาณ 11-21 องศาเซลเซียส ยิ่งถ้าเป็นฤดูหนาวอากาศจะเย็นลงอีกมาก ถ้ำแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและนักธรณีวิทยาที่มาศึกษาภายในถ้ำนี้ด้วย เป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวบนเกาะเชจูที่ควรค่าแก่การมาเช็กอิน

4. น้ำตกชอนเจยอน (Cheonjeyeon Waterfalls)

น้ำตกชอนเจยอน

นอกเหนือจากทะเล ภูเขาไฟ และถ้ำแล้ว ยังมีน้ำตก “Cheonjeyeon Waterfalls” ที่น่าสนใจอีกด้วย ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในที่เที่ยวเชจูยอดนิยม เพราะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการ ที่นี่เป็นน้ำตกขนาด 3 ชั้น มีความสูงประมาณ 22 เมตรด้วยกัน บริเวณน้ำตกมีการประดับประดาด้วยนางไม้ทั้งเจ็ด เพราะมีตำนานเล่าขานว่าตอนกลางคืนนางไม้ทั้งเจ็ดนี้จะลงมาเล่นน้ำที่น้ำตกแห่งนี้นั่นเอง และยังมีความเชื่อที่ว่า ถ้าได้มายืนอยู่ที่น้ำตกในวันที่ 15 เดือน 7 จะช่วยทำการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปได้ นับว่าเป็นที่เที่ยวเกาะเชจูที่ทั้งสวยงาม และมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจทีเดียว

5. ชายหาดฮัมด็อกซออูบง (Hamdeok Seoubong Beach)

ชายหาดฮัมด็อกซออูบง

ปล่อยใจไปกับการพักผ่อนริมทะเลที่ “Hamdeok Seoubong Beach” กันดีกว่า ที่เที่ยวเชจูแห่งนี้เป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดฮิตที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง หากใครต้องการไปเที่ยวชายหาดแห่งนี้จะต้องเดินทางไปทางทิศตะวันออกของเกาะเชจู ด้วยความที่หาดบริเวณนี้เป็นชายหาดน้ำตื้น จึงทำให้สามารถลงเล่นน้ำได้ และเหมาะกับการทำกิจกรรมริมชายหาด ไม่ว่าจะมานอนอาบแดด นั่งอ่านหนังสือ หรือว่าชิลล์ยามเย็นก็ได้ เห็นวิวสวยในรูปแบบนี้ ของจริงสวยกว่านี้อีกมากเลยทีเดียว อยากให้คนที่มาเยือนเชจูได้ไปเที่ยวกัน

6. น้ำตกจองบัง (Jeongbang Waterfall)

น้ำตกจองบัง

น้ำตกส่วนใหญ่จะตกจากหน้าผาลงไปยังแม่น้ำหรือว่าผืนน้ำเบื้องล่าง แต่ว่าที่เที่ยวเชจูแห่งนี้ “Jeongbang Waterfall” เป็นน้ำตกแห่งเดียวในเอเชียที่ตกลงสู่ทะเล ซึ่งมีความสูงมากถึง 23 เมตร หากได้ชมจะเป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง ใครที่มาเที่ยวเชจูแล้วต้องมาเยือนน้ำตกแห่งนี้เลย รับรองว่าจะไม่ผิดหวังในเรื่องของทัศนียภาพที่น่าประทับใจ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งน้ำตกสวย ๆ ติดอันดับต้นของเกาหลี และเป็นน้ำตกชื่อดังของเกาะเชจู สำหรับน้ำตกแห่งนี้ต้องเสียค่าเข้า โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น.

7. โขดหินจูซังจอลรี (Daepo Jusangjeolli Cliff)

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://english.visitkorea.or.kr/

โขดหินจูซังจอลรี

มาชมความมหัศจรรย์ของ “Daepo Jusangjeolli Cliff” กันดีกว่า ซึ่งที่เที่ยวเชจูนี้เป็นที่แปลกตาของเกาะเลยทีเดียว เพราะมีลักษณะเป็นหินผาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮัลลา ถูกกัดเซาะจากน้ำทะเล และลมจากธรรมชาติ ทำให้โขดหินนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากหน้าผาอื่น เหมาะสำหรับคนที่อยากชมวิวสวย ๆ ของหน้าผาและทะเล ถ้าแพลนเที่ยวเชจูของคุณยังว่างอยู่ แล้วมองหาสถานที่บนเกาะเชจูที่เน้นชมวิวและถ่ายรูปเป็นหลัก การเดินทางมาที่โขดหินจูซังจอลรีนี้ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว

8. สวนฮัลลิม (Hallim Park)

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://www.waug.com/

สวนฮัลลิม

มาถึงอีกหนึ่งสวนธรรมชาติบนเกาะเชจู “Hallim Park” เป็นหนึ่งในที่เที่ยวทางธรรมชาติที่เราแนะนำเป็นอย่างมาก เพราะทั้งสวยและบรรยากาศดี ด้วยความที่อากาศดีและเหมาะกับการเที่ยวทุกฤดู นักท่องเที่ยวจึงสามารถแวะมาเยือนสวนฮัลลิมกันได้ตลอด เมื่อเดินเข้าไปด้านในคุณจะเห็นธรรมชาติที่รายล้อม เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และสัตว์นานาชนิด นอกจากนี้ ภายในสวนฮัลลิมยังมีถ้ำให้ได้สำรวจอีกด้วย ใครอยากเน้นที่เที่ยวเชจูที่มีบรรยากาศดี มาที่นี่จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ที่สวนฮัลลิมยังมีการจัดงานเทศกาลที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเดือน แนะนำให้เช็กปฎิทินการจัดงานก่อนมาเยือนด้วยนะ

9. อ่าวซอพจิโคจิ (Seopjikoji)

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://english.visitkorea.or.kr/

อ่าวซอพจิโคจิ

“Seopjikoji” เป็นอ่าวที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเชจู ตอนแรกนั้นเป็นอ่าวธรรมดา แต่ได้มีการสร้างประภาคารหรือว่าสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม เพราะใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ จึงทำให้มีจุดเด่นเอาไว้ถ่ายรูป อีกทั้งยังสามารถเดินชมวิวรอบ ๆ ได้อีกด้วย เนินเขาที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเล โดยรอบจะเป็นทุ่งหญ้าที่มีความเขียวขจี ตัดกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าอย่างดี ไฮไลต์ของที่เที่ยวเชจูนี้คือถ้าหากคุณมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเห็นทุ่งดอกคาโนล่าสีเหลือง สวยงามเป็นอย่างมาก ถ้าคุณมีโอกาสได้มาเที่ยวที่เกาะเชจู ห้ามพลาดเลย!

10. พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อค (O'Sulloc Tea Museum)

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://blog.mykoreatrip.com/

พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อค

หนึ่งความพิเศษของการมาเที่ยวเกาะเชจู ไม่ใช่แค่ธรรมชาติที่สวยงามแต่เพียงเท่านั้น แต่เกาะเชจูยังเป็นแหล่งปลูกชาชั้นยอด เป็นไฮไลต์ที่คุณไม่ควรพลาด “O’Sulloc Tea Museum” เมื่อคุณมาเยือนจะสามารถมองเห็นได้ถึงวิวของไร่ชาแบบสุดลูกหูลูกตา โดยแบรนด์โอซุลล็อคถือว่าเป็นแบรนด์ดังของเกาหลี มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับชาให้เลือกอย่างมากมาย มีร้านค้า และร้านขนมที่ทำจากชา เหมาะกับการซื้อกลับไปเป็นของฝาก รวมถึงไม่ใช่แค่ความงดงามของไร่ชาแต่เพียงเท่านั้น ทว่าพิพิธภัณฑ์นี้ยังทำให้คุณได้ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับชาเขียว มาที่เที่ยวเชจูนี้แล้วอย่าลืมซื้อของติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะ

11. หาดฮยอพแจ (Hyeopjae Beach)

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://english.visitkorea.or.kr/

หาดฮยอพแจ

“Hyeopjae Beach” เป็นหาดหนึ่งที่มีความสวยงามอย่างมาก มีความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร ถือว่าเป็นที่เที่ยวเชจูที่ได้รับความนิยมเพราะมีวิวชายหาดสวยงาม ด้านหน้าจะสามารถมองเห็นเกาะบียางโด (Biyangdo Island) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลเลย ที่นี่ได้รับการขนานนามว่ามีน้ำทะเลที่ใสและชายหาดที่ขาวสะอาดที่สุดของเกาะเชจู ถ้าคุณต้องการถ่ายรูปกับวิวทะเลเบื้องหลังสวย ๆ แนะนำว่าปักหมุดที่นี่ไว้รอได้เลย ทั้งสวยโดนใจ บรรยากาศดี และไม่ว่าจะหมุนกล้องไปทางไหนก็สวยทุกมุมแน่นอน

12. Jeju Teddy Bear Museum

Jeju Teddy Bear Museum

สถานที่ที่เปรียบเสมือนจุดแลนด์มาร์คของเกาะเชจู “Jeju Teddy Bear Museum” เป็นพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหมีที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปีค.ศ. 2001 ด้านในแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนประวัติศาสตร์เกาหลี, ประวัติศาสตร์โลก, ศิลปะ และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีโซนจัดแสดงโชว์จากตุ๊กตาหมีน่ารัก ๆ ที่ขยับไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ แถมที่เที่ยวเชจูแห่งนี้ยังเปิดให้คุณได้ซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปฝากคนที่คุณรักอีกด้วย

พิกัด :

13. สวนสนุกอีโคแลนด์ (Ecoland)

ที่เที่ยวเชจูแห่งนี้ต่างกับสวนสนุกที่อื่น ๆ “Ecoland” เป็นสวนสนุกที่จะพาคุณไปดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างแท้จริง ด้วยเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ทำให้คุณสามารถชมบรรยากาศโดยรอบได้แบบจุใจ ภายในสวนแห่งนี้จะเชื่อมต่อกันด้วยรถราง ทำให้คุณไม่ต้องเดินให้เมื่อยขา เก็บแรงไปถ่ายรูปทุกดอกไม้สวย ๆ รวมถึงวิวรอบข้างกันดีกว่า มาเชจูแล้วต้องปักหมุดมาที่นี่เลย!

14. หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (Seongeup Folk Village)

หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ

หมู่บ้านวัฒนธรรมซงอึบ หรือ “Seongeup Folk Village” เป็นหมู่บ้านโบราณอายุกว่า 500 ปี ตัวอาคารต่าง ๆ สร้างด้วยหินลาวาจากภูเขาไฟและหลังคาที่มุงจากหญ้าแฝก มีลักษณะเป็นอาคารบ้านทรงต่ำ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่อยู่อาศัยของชาวเชจูในสมัยก่อน หากใครมาเที่ยวเชจูคนเดียวแล้วกลัวไม่มีอะไรทำ เราสามารถพักค้างคืนที่หมู่บ้านเพื่อศึกษาวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้อีกด้วย นับเป็นที่เที่ยวเชจูสุดคุ้มค่าหากได้ใช้เวลาที่นี่

15. เส้นทางเดินป่าเชจูอลเล (Jeju Olle Trail)

เส้นทางเดินป่าเชจูอลเล

สายเทรคกิ้งห้ามพลาดกับ “Jeju Olle Trail” เส้นทางเดินชมธรรมชาติรอบตัวเกาะเชจู โดยเส้นทางนี้มีทั้งหมด 21 เส้น โดยแต่ละเส้นมีความสำคัญแตกต่างกันออกไป เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นวิวภูเขา, ดอกไม้, ทุ่งหญ้า หรือทะเลอันกว้างใหญ่ โดยมีเส้นทางที่ชาวบ้านบนเกาะใช้ทั่วไปด้วยเช่นกัน นับเป็นที่เที่ยวเชจูที่ให้ความโลคอลร่วมด้วย

16. วัดยักชอนซา (Yakcheonsa Temple)

วัดยักชอนซา

หากเที่ยวทะเล ภูเขา และน้ำตกจนพอใจแล้ว สามารถแวะเข้ามาชมความสวยงามของ “Yakcheonsa Temple” วัดพุทธที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางสมาธิที่สูง 5 เมตร ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าในช่วงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทั้งหมด 3 องค์ประดิษฐานอีกด้วยนั่นเอง ถือเป็นที่เที่ยวเชจูที่ได้ทั้งมูเตลูและมีบรรยากาศดี เดินเล่นได้ชิล ๆ

17. สวนพฤกษศาสตร์ฮัลลา (Halla Arboretum)

ที่เที่ยวเชจู “Halla Arboretum” เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะเชจู ที่นี่มีการรวบรวมพืชเขตร้อนมากกว่า 900 ชนิด และยังมีพันธุ์ไม้หายากจากสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ทำให้ที่นี่มีพืชพรรณหลากหลาย สามารถเข้าชมได้ทุก ๆ ฤดูไม่มีเบื่อ แถมยังมีสัตว์น้อยใหญ่อยู่ในบริเวณสวนพฤกษศาสตร์ฮัลลานี้อีกด้วย ถือว่าได้ชมธรรมชาติผ่านสถานที่เที่ยวอย่างแท้จริง

18. Tangerines Black Pork Barbeque

Tangerines Black Pork Barbeque

เปิดประเดิมด้วยอาหารขึ้นชื่อของเกาะเจชู นั่นก็คือหมูดำบาร์บีคิว! โดยเกาะเจชูเขาจะนิยมเลี้ยงหมูดำและกินหมูดำกัน รสชาติของหมูดำจะให้ความกรุบกรอบ เนื้อติดกระดูกมากกว่าหมูธรรมดาทั่วไปที่เราทานกัน ที่สำคัญเลยคือมีความหอมมากกว่า ใครมาที่เที่ยวเชจูยังไงก็ห้ามพลาดเนื้อหมูดำย่าง และร้านที่ขายหมูดำย่างนั้นก็มีทั่วเกาะเลย แต่เราขอแนะนำร้าน “Tangerines Black Pork Barbeque” นี้เพราะวิวดีมาก! เป็นหนึ่งร้านที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว

19. Bada Janchi Restaurant

Bada Janchi Restaurant

อีกหนึ่งพิกัดที่หากมาที่เที่ยวเชจูแล้วไม่ควรพลาดนั่นก็คือ “Bada Janchi Restaurant” ร้านอาหารเกาหลีที่เป็นร้านต้องแวะของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ไม่ใช่แค่เพราะอาหารอร่อยถูกปาก แต่ยังอยู่ใกล้สนามบินเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือหอยเป๋าฮื้อเกาหลีที่สดมาก ๆ รวมถึงปลาชนิดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาแมกเคอเรล, ปลากัลชิ, ปลาอ๊กดม และปลาขึ้นชื่อของเกาะเชจู ที่จับกันสด ๆ ตรงนั้นเลยล่ะ

20. Umu

Umu

ใครชอบพุดดิ้งหรือของหวานห้ามพลาดร้านนี้เลย “Umu” เป็นร้านขนมหวานบนเกาะเชจู เน้นเสิร์ฟพุดดิ้งเนื้อนุ่มนิ่ม โดยร้านทำพุดดิ้งเองแบบสดใหม่ทุกวัน และนอกจากจะมีพุดดิ้งสุดอร่อยแล้ว จุดเด่นของร้านนี้ยังมีตัวตุ๊กตา Umu ที่เป็นเหมือนโลโก้ของร้านเป็น Accessories ให้ผู้คนที่มาต่างเลือกซื้อกลับบ้านอีกด้วย ต้องลองไปที่เที่ยวเชจูนี้กันให้ได้เลยนะ

มาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเชจู

ก่อนการเดินทางไปยังที่เที่ยวเชจู เราต้องทำการลงทะเบียน K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ก่อนเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการสมัคร K-ETA มีดังต่อไปนี้

หนังสือเดินทางหรือ Passport ที่เหลือหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า และยังมีอายุคงเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
รูปถ่ายหน้าตรง และควรใช้รูปที่ใกล้เคียงกับรูปที่ใช้ในพาสปอร์ตมากที่สุด
เอกสารสำรองที่พักล่วงหน้า

วิธีการสมัคร K-ETA

1.
เข้าเว็บไซต์www.k-eta.go.kr หรือแอปพลิเคชัน K-ETA
2.
เลือก Apply of K-ETA
3.
เลือก Select Continent และไปยังหัวข้อ Asia Pacific ส่วน Select Your National ให้เลือก Thailand
4.
กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ในการเดินทาง
5.
ชำระค่าธรรมเนียม 10,000 วอน (ประมาณ 300 บาท)
6.
รอการอนุมัติ ซึ่งผลจะแจ้งมายังอีเมลที่ได้ลงทะเบียนไว้
7.
กรณีที่ยื่น K-ETA ไม่ผ่าน ให้ขอวีซ่าเข้าประเทศเกาหลีใต้ตามปกติ

K-ETA อาจใช้เวลาพิจารณาผลเกิน 72 ชั่วโมง โดยจะขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ลงทะเบียนและสถานการณ์ของผู้ลงทะเบียน เมื่อได้แล้วจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2 ปีนับจากวันที่สมัคร สามารถเดินทางเข้าเกาหลีใต้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยพักได้ครั้งละไม่เกิน 90 วัน สามารถสมัครให้ตัวเองและคนอื่น ๆ พร้อมกันได้ในครั้งเดียว

ข้อมูลที่น่าสนใจเมื่อต้องการไปเที่ยวเชจู

หากเราต้องการเดินทางไปยังที่เที่ยวเชจูแบบสะดวกสบายมากขึ้น เราควรทำความรู้จักกับข้อมูลเบื้องต้นของที่นี่กันก่อน ดังนั้น Traveloka จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในเชจู และข้อควรรู้เบื้องต้นมาไว้แล้ว ดังนี้

ข้อมูลเกาะเชจูในเบื้องต้น

เกาะเชจู เป็นเกาที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ มีพื้นที่อยู่ประมาณ 1,833.2 ตารางกิโลเมตร โดยมีประชากรอยู่ที่ 670,000 คน จึงนักเป็นเกาะที่มีประชากรเยอะที่สุดในประเทศเช่นกัน และเกาะเชจูนับเป็นจังหวัดปกครองตัวเองพิเศษ ไม่ขึ้นอยู่กับจังหวัดอื่น ๆ มีพื้นที่ล้อมรอบด้วยทะเลของคาบสมุทรเกาหลี เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลประมาณ 2 ล้านปีที่แล้วนั่นเอง

การเดินทางไปท่องเที่ยวเชจู

เราสามารถเดินทางไปยังที่เที่ยวเชจูโดยการต่อเครื่องได้ ซึ่งการเดินทางไปเชจูที่นิยมที่สุดคือบินไปยังโซลและต่อเครื่องไปเชจู โดยสายการบินที่ให้บริการ อาทิ Thai Airways, Asiana Airlines, T’way Air และ Korean Air เป็นต้น ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง 25 นาที หรือเลือกเดินทางโดยเรือไปยังเกาะเชจูได้เช่นกัน

การเดินทางภายในประเทศไปยังที่เที่ยวเชจู

การเดินทางไปยังที่เที่ยวเชจูต่าง ๆ นั้นมีหลากหลายช่องทางด้วยกัน โดยเราสามารถเดินทางด้วยการเดินเท้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ หรือจะใช้รถประจำทางเพื่อการเดินทางก็ง่ายดายเช่นกัน รวมถึงยังมีเรือส่วนตัวเพื่อใช้ในการออกไปท่องเที่ยวบริเวณทะเลก็ตื่นตาไปอีกแบบ

ภาษาที่ใช้ในที่เที่ยวเชจู

บริเวณที่เที่ยวเชจูจะใช้ ‘ภาษาเกาหลี’ ในการสื่อสารเป็นหลัก ซึ่งภาษาเกาหลีของเชจูจะมีสำเนียงแบบพื้นถิ่นของคนในภูมิภาคร่วมด้วย แต่นักท่องเที่ยวสามารถเน้นการอ่านป้ายแนะนำที่มีระบุเป็นภาษาอังกฤษก็ย่อมได้

เงินตราสำหรับใช้จ่ายในที่เที่ยวเชจู

ภายในเกาะเชจูจะใช้สกุลเงินวอน (KRW) โดยอัตราแลกเปลี่ยนเงินวอนกับเงินบาทจะอยู่ที่ 1 วอนเกาหลีใต้ เท่ากับ 0.027 บาท ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 ทั้งนี้อัตราการแลกขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่แลกเงินร่วมด้วย แลกเงินให้เพียงพอก่อนไปที่เที่ยวเชจูกัน!

ข้อมูลเวลาสำหรับท่องเที่ยวเชจู

ที่เที่ยวเชจูตั้งอยู่ในประเทศเกาหลี ทำให้มีเวลามาตรฐานคือ GMT+9 เขตเวลา Asia/Seoul ชื่อโซนเวลา Korea Time (KT) GMT+9 เวลาของเชจูจึงเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 2 ชั่วโมงนั่นเอง

ข้อมูลฤดูกาลสำหรับการท่องเที่ยวเชจู

แม้ว่าเชจูจะเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ แต่กลับมีอุณหภูมิและฤดูที่ค่อนข้างแตกต่างกัน โดยมีทั้งหมด 4 ฤดูด้วยกัน ได้แก่ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน), ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน), ฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน-เดือนมีนาคม) และฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม) นั่นเอง

ในบทความนี้

• ที่เที่ยวเชจู เติมพลังด้วยธรรมชาติ พักกายสบายใจ
• 1. อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลา (Hallasan National Park)
• 2. ซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong)
• 3. ถ้ำลาวามันจังกุล (Manjanggul Cave)
• 4. น้ำตกชอนเจยอน (Cheonjeyeon Waterfalls)
• 5. ชายหาดฮัมด็อกซออูบง (Hamdeok Seoubong Beach)
• 6. น้ำตกจองบัง (Jeongbang Waterfall)
• 7. โขดหินจูซังจอลรี (Daepo Jusangjeolli Cliff)
• 8. สวนฮัลลิม (Hallim Park)
• 9. อ่าวซอพจิโคจิ (Seopjikoji)
• 10. พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อค (O'Sulloc Tea Museum)
• 11. หาดฮยอพแจ (Hyeopjae Beach)
• 12. Jeju Teddy Bear Museum
• 13. สวนสนุกอีโคแลนด์ (Ecoland)
• 14. หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (Seongeup Folk Village)
• 15. เส้นทางเดินป่าเชจูอลเล (Jeju Olle Trail)
• 16. วัดยักชอนซา (Yakcheonsa Temple)
• 17. สวนพฤกษศาสตร์ฮัลลา (Halla Arboretum)
• 18. Tangerines Black Pork Barbeque
• 19. Bada Janchi Restaurant
• 20. Umu
• มาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเชจู
• ข้อมูลที่น่าสนใจเมื่อต้องการไปเที่ยวเชจู
• ข้อมูลเกาะเชจูในเบื้องต้น
• การเดินทางไปท่องเที่ยวเชจู
• การเดินทางภายในประเทศไปยังที่เที่ยวเชจู
• ภาษาที่ใช้ในที่เที่ยวเชจู
• เงินตราสำหรับใช้จ่ายในที่เที่ยวเชจู
• ข้อมูลเวลาสำหรับท่องเที่ยวเชจู
• ข้อมูลฤดูกาลสำหรับการท่องเที่ยวเชจู

สำรวจสิ่งที่ดีที่สุดของ เกาหลีใต้

โซล

South Korea

ปูซาน

South Korea

เกาหลีใต้

เกาะเชจู

South Korea
จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร