สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เราใจเต้นตึกตักได้เสมอ ทั้งความยิ่งใหญ่ของผืนน้ำ วิถีชีวิตของผู้คนสถาปัตยกรรมน้อยใหญ่ริมฝั่ง ทำให้ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังได้รอยยิ้มกลับไปทุกที หลายคนอาจจะเคยนั่งเรือธงส้มเดินทางไปไหนมาไหนอยู่บ่อยๆ หรือบางคนก็ยังไม่เคยได้ลองเพราะสับสนกับสีธงมาจนถึงทุกวันนี้ ทราเวลในฐานะคนพื้นที่เมืองเก่า จึงอยากชวนทุกคนไปลองนั่งเรือด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นกันไปเลย
ท่าเทเวศร์
เริ่มต้นยามเช้าอันสดใสด้วยการเดินตลาดริมคลองผดุงกรุงเกษม เดินออกจากท่าเทเวศร์มาไม่ไกลก็ถึงแล้ว
ตลาดเทวราช
ตลาดเทวราชหรือที่คนในย่านนี้เรียกกันว่า ‘ตลาดเทเวศร์’ คือแหล่งรวมพืชผักอาหารสดที่คึกคักตั้งแต่เช้ามืด แผงผักสด เนื้อหมูเรียงรายเป็นทางยาวตลอดแนวคลอง เดินไปถึงช่วงท้ายๆ จะเป็นแผงขายปลานานาชนิดสำหรับนำไปปล่อยแม้ตลาดต้นไม้ริมคลองจะหายไปแล้วจนทำให้เงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ยามเช้าของตลาดแห่งนี้ไม่เคยร้างผู้คน ยังคงเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้า และผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของสดกันอย่างเนืองแน่น
ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เชิงสะพานพระราม 8 ใกล้กันกับวังบางขุนพรหม วังแสนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่งมีศูนย์การเรียนรู้เปิดใหม่ที่ใครต่อใครต่างกล่าวขวัญถึงอย่าง ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย อดีตโรงพิมพ์ธนบัตรที่ได้รับการปรับปรุงอย่างประณีต คิดมาครบเพื่อตอบความต้องการของคนเมือง มีทั้งห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ Co-working Space ร้านกาแฟ และห้องประชุมใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง นั่งสบาย แถมยังออกแบบมาเป็นอย่างดีทั้งในแง่การอนุรักษ์โครงสร้างเก่าไว้ให้เห็นร่องรอยของอดีต เช่น ผนังและเสาประดับกระเบื้องชิ้นเล็กจิ๋วสีขาวที่เรียงรายอยู่ทั่วอาคาร ฝั่งที่ติดกับแม่น้ำเปิดโล่งให้เห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยายามพักสายตาจากตัวหนังสือ
ตัวพิพิธภัณฑ์จัดแสดงในพื้นที่ 4 ชั้น ที่เดิมเป็นห้องมั่นคง หรือห้องที่ใช้เก็บธนบัตรและทองคำ ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งเรียนรู้สุดล้ำ เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและการเงินตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยความรู้สนุกๆ แล้วยังมีวัตถุโบราณ เหรียญ ธนบัตรล้ำค่าทั้งของจริงและแบบจำลอง มาให้เราได้ชม และลูบคลำสัมผัสจริงๆ กันอีกด้วย
ห้องสุดท้ายเป็นนิทรรศการแสดงบทบาทหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ช่วยรักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเงินของชาติ ที่เราชอบมากเป็นพิเศษคือหุ่น 3 มิติขนาดเล็ก จำลองท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งแต่คนแรกจนถึงคนปัจจุบัน มาตั้งวางเรียงรายอยู่รอบห้อง โดยพิพิธภัณฑ์ได้นำตัวเลข GDP ของประเทศไทยในแต่ละปีแปรค่าออกมาเป็นพื้นที่แผ่นสีขาวโค้งที่ลดหลั่นกันไปตามความเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ทำให้เราเปิดใจกล้ามองตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ชวนตาลาย มองเห็นภาพรวมได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ปิดท้ายด้วยเกมสนุกๆ ที่ทำให้เราได้เรียนรู้คุณค่าของการออมเงินที่สอดคล้องกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ติดต่อสอบถามที่ 02-283-5286 หรือ 02 283-6153 หรือจองเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ที่ www.botlc.or.th
เปิดให้บริการเวลา 9.30-20.00 น. ทุกวันอังคาร-อาทิตย์
วัดนรนาถสุนทริการาม
หากมองหาทางเข้าวัดแห่งนี้บนถนนสามเสน เราขอเตือนว่าถ้าเดินเร็วเกินไปอาจจะเดินเลยไปถึงสะพานเทวศร์นฤมิตได้โดยไม่ทันรู้ตัว เพราะทางเข้าวัดนี้ซ่อนอยู่ระหว่างซอกตึกสีพาสเทลเก่าแก่ แม้จะเป็นตรอกเล็กๆ ไม่แคบมากนัก แต่ขณะเดินเข้าไปก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกำลังเดินย้อนกลับไปในอดีตที่สงบร่มรื่น ตัววัดมีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่โตโอ่โถงแต่เรียบง่าย อบอุ่น เพราะเป็นวัดประจำตระกูลของพระยาโชฎึกเศรษฐี ในอุโบสถจะมีภาพของคนในตระกูลติดอยู่ตามฝาผนัง ไม่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบวัดอื่นๆ ใครไปวัดนี้อย่าลืมชำเลืองมองกุฏิเรือนไม้สีสวยข้างๆ วัดด้วยล่ะ
ท่าพระอาทิตย์
ท่าเรือนี้คึกคักตลอดทั้งวัน เพราะอยู่ใกล้แหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่อย่างตรอกไก่แจ้ ตรอกเขียนนิวาสน์ ไม่ไกลจากแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนอย่างถนนข้าวสาร และแหล่งบันเทิงกระเพาะอาหารริมถนนพระสุเมรุ มาที่นี่รับรองว่ามีกิจกรรมให้ทำ มีของอร่อยให้เลือกชิมกันทั้งวัน
สมทรงโภชนา
ร้านอาหารเก่าแก่ที่ขายมากว่า 40 ปี มีสารพัดเมนูให้เลือกทั้งข้าวราดแกง ขนมจีนซาวน้ำ ข้าวคลุกกะปิ ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ตบท้ายด้วยขนมหวานเฉพาะที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละวันมีทั้งข้าวฟ่างน้ำกะทิ ขนมไทยหากินยากรสหวานๆ เค็มๆ ทับทิมกรอบ เคี้ยวเพลิน น่ารักตรงที่แยกน้ำแข็งมาให้เราตักเองจะได้ไม่ละลายระหว่างกินอาหาร
ส่วนขนมอินทนิลมีเฉพาะวันจันทร์เท่านั้น แนะนำว่ามาช่วงเช้าอย่างเราจะปลอดภัยได้กินทุกอย่างที่หวังไว้แน่นอน เพราะหลังเที่ยงร้านจะแน่นไปด้วยคนย่านนี้ที่มาฝากท้องกันอย่างคึกคัก ความพิเศษของร้านนี้คือมีเมนูใหม่ๆ มาให้เราได้ลุ้นทุกวันว่าจะได้ชิมอะไรบ้าง
ร้านเปิดทุกวันเวลา 09.30 - 16.00 น.ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2281 0971, 0 2282 0972 หรือ https://www.facebook.com/Somsongpochana
สวนสันติชัยปราการ
สวนสาธารณะอันแสนร่มรื่นบนถนนพระอาทิตย์ มีผู้คนแวะเวียนมานั่งเล่น นอนหลับ พักผ่อนหย่อนใจทั่วบริเวณสวนแห่งนี้ตลอดทั้งวัน สวนแห่งนี้ตั้งติดอยู่กับป้อมพระสุเมรุสูงตระหง่าน รอบสวนมีเกสต์เฮาส์เล็กๆ ริมคลองบางลำพูที่บรรยากาศดีเสียจนเราอยากจะขอหย่อนตัวลงนอนบนเปลหน้าบ้านเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะนอกจากอากาศจะเย็นสบายใต้ร่มไม้แล้วยังเพลิดเพลินไปกับเสียงน้ำสาดกระเซ็นชวนให้ผ่อนคลายสุดๆ จนเราต่างยกให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่แห่งความชิลล์อย่างแท้จริง นั่งนานกว่านี้อาจจะเคลิ้มหลับไปได้ไม่รู้ตัว
ท่าเตียน
ร้านกาแฟเล็กๆ ที่แฝงตัวอยู่อย่างกลมกลืนกับร้านขายสินค้าส่งข้างๆ ต้องตั้งใจสังเกตดีๆ ไม่อย่างนั้นอาจจะเดินผ่านไปได้ ในร้านค่อนข้างมืด แต่มีโต๊ะนั่งด้านนอกให้นั่งรับลม มองผู้คนผ่านไปมา มีลูกค้าประจำเป็นคนแถวนั้นแวะเวียนมาซื้ออยู่ตลอดทั้งวัน โดยเมนูที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนลองก็คือ ชามะนาว รสกลมกล่อมหวานอมเปรี้ยวกำลังดี ได้รสมะนาวแท้ทุกจิบที่ดื่ม ให้ความสดชื่นยามบ่าย เป็นเครื่องดื่มขึ้นชื่อที่ใครมาชิมก็หลงรัก
สนนราคาเพียงแก้วละ 20 บาทเท่านั้น ส่วนใครไม่ชอบรสเปรี้ยว ขอแนะนำชานมเย็นเข้มข้นหวานหอม ที่เห็นในแก้วเป็นสีน้ำตาลอ่อนจากสีของใบชาแท้ๆ นอกจากนี้ยังมี ขนมปังปิ้งทาเนย ที่ไม่เหมือนใครทำมาจากขนมปังแผ่นใหญ่บรรจงผ่าครึ่งแล้วทาเนยกลางแผ่นจนชุ่มฉ่ำ ก่อนจะนำมาประกบกันแล้วทาเนยซ้ำ ราดนมข้นหวาน อร่อยกรอบนอกนุ่มในแบบนี้ยังไงก็ยอมอ้วน!
‘ต.แสงทอง’ ตั้งอยู่ในซอยธนาคารกรุงไทยใกล้กับท่าเตียน ฝั่งตรงข้ามกับวัดโพธิ์ เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07:00-18:00 น.
ตลาดท่าเตียน
ตลาดเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ เคยเป็นท่าที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในพระนคร กาลเวลาผ่านไปแม้จะเงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ที่นี่ก็ยังคงเป็นฐานที่มั่นของอาหารทะเลแห้งซึ่งมั่นใจได้ว่าราคาถูก สะอาด และคุณภาพไม่เป็นรองใคร เมื่อเดินเข้ามาในตัวตลาด จะได้เห็นปลาอินทรีตัวใหญ่เบ้อเริ่ม กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้งตั้งวางเรียงกันเป็นตับให้เราเลือกซื้อหาตลอดทั้งวัน
จุดชมวิวพระปรางวัดอรุณฯ
ว่ากันว่านี่คือจุดที่สวยที่สุดจุดหนึ่งสำหรับการชมพระปรางค์วัดอรุณ มุมนี้ทำให้ดูเหมือนเห็นพระปรางค์เสียดยอด พุ่งขึ้นมาเหนือบ้านเรือนริมฝั่งของชาวท่าเตียน ในตอนกลางวันแม้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ก็ยังมีมุมสงบจิตใจให้เราได้ดื่มด่ำอยู่ด้วยเหมือนกัน
ท่าสะพานพุทธ
ไปรษณียาคาร
อาคารทรงยุโรปอยู่ใกล้กับสะพานพุทธแห่งนี้ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่หลายร้อยปี แต่แท้จริงแล้วเป็นอาคารสร้างที่จำลองมาจาก ‘ไปรสะนียาคาร’ ที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของไทย ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2414 เดิมเป็นบ้านของพระปรีชากลการ (สำอางค์ อมาตยกุล) อดีตเจ้าเมืองปราจีนบุรี ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นที่ทำการ ถูกลดความสำคัญลงเมื่อย้ายที่ทำการใหญ่ไปอยู่ไปรษณีย์กลาง ย่านบางรัก อาคารเดิมจึงถูกรื้อถอนไปเมื่อมีการก่อสร้างสะพานพระปกเกล้า ในปี พ.ศ.2525 ในวาระสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โชคดีที่เรายังได้มีโอกาสเห็นอาคารจำลองอยู่ทำให้พอต่อเติมจินตนาการออกได้ไม่ยากว่าความงามของอาคารแห่งนี้พอจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
วัดเลียบ
วัดเลียบ ถือเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เพราะสร้างขึ้นตามธรรมเนียมโบราณที่ว่าในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำเมือง 3 วัด ได้แก่ วัดมหาธาตุ วัดราชประดิษฐ์ และวัดราชบุรณะ วัดเลียบถูกระเบิดพังเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่เป็นทรงจตุรมุขสูงใหญ่ นับเป็นศิลปะในรัชกาลที่ 9 ออกแบบและทำลวดลายปูนปั้นโดย สง่า มยุระ จิตรกรคนสำคัญของไทยผู้เป็นต้นกำเนิดพู่กันที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง
พระปรางค์องค์ใหญ่ประดับกระเบื้องสีสันสดใส สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 สามารถขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกลับแม่น้ำเจ้าพระยาได้สวยอย่าบอกใคร เสียดายที่วันนี้เรามาเร็วไปนิดจึงยังไม่ได้เห็นท้องฟ้าสวยๆ ยามตะวันลับฟ้าจากมุมนี้
วัดเลียบตั้งอยู่เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ระหว่างถนนจักรเพชรกับถนนตรีเพชร เข้าไปชมความสวยงามภายในพระอุโบสถได้ทุกวันตั้งแต่ 17.30-18.00 น.
Floral Cafe at Napasorn
หลบร้อน พักเหนื่อยในคาเฟ่แสนสวยในบรรยากาศสุดคึกคักของปากคลองตลาดที่ไม่เคยหลับใหล หย่อนใจนั่งลงบนชั้น 2 ของร้านท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่จัดแต่งอย่างประณีตบรรจง
คราวนี้จะขอชิมไอศกรีมโฮมเมดรสดอกไม้ให้ชุ่มใจ วันนี้เราเลือกราสป์เบอร์รี่ โรส (Raspberry Rose) รสเปรี้ยวๆ หวานๆ แถมยังมีผลราสป์เบอร์รี่อบแห้งเคี้ยวเพลิน ชวนให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับบรรดาดอกไม้และของตกแต่งกระจุกกระจิกรอบข้าง เปลี่ยนบ่ายแดดร้อนให้กลายเป็นบ่ายเย็นใจได้ในพริบตา
กินขนม ของหวานหมดแล้วอย่าลืมขึ้นไปดูของสะสมสวยๆ บนชั้น 3 ที่บอกเลยว่าสาววินเทจอย่างพวกเรากรี๊ดสลบชวนกันดูของชิ้นนั้นชิ้นนี้จนเกือบลืมไปเลยว่ายังเหลืออีกท่าที่เราต้องไปต่อ
ร้าน Floral Cafe at Napasorn เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 10:00-22:00 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ 0 2222 6895, 0 2221 2039, 06 1852 8866
ท่าราชวงศ์
ขนมจีบนายเหลียง
ร้านนี้สืบทอดมายาวนานเกือบ 70 ปี เป็นขนมจีบสูตรแต้จิ๋วลูกกำลังพอเหมาะ ไส้ข้างในเป็นหมูสับผสมมันแกว ไข่ ต้นหอม ให้รสออกหวานนิดๆ ราดด้วยจิ๊กโฉ่ น้ำส้มพริกตำ และโรยกระเทียมเจียวตบท้าย แม้ตอนนี้จะเปลี่ยนภาชนะจากกระทงใบตองแห้งเป็นถุงพลาสติกแล้ว แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งราคาอันย่อมเยา ขนมจีบหมูลูกละ 3 บาท ขนมจีบกุ้งลูกละ 5 บาทเท่านั้น เหมาะเป็นของกินเล่นยามบ่ายก่อนต่อด้วยอาหารเย็นเต็มสูบต่อที่เยาวราช
ร้านขนมจีบอาเหลียง เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 14:00–22:00 น. ร้านอยู่ใกล้กับท่าน้ำราชวงศ์ ตั้งอยู่หน้าเซเว่น อีเลฟเว่น
ชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่บนถนนทรงวาด
เดินออกจากท่าราชวงศ์มาไม่กี่สิบก้าว ก็จะเจอตึกหัวมุมแสนสวยบนถนนทรงวาด เป็นการเรียกน้ำย่อย เพราะกว่าจะเดินไปจนสุดถนนสายนี้ก็จะได้พบห้องแถวเก่า บ้านเก่าสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกปนจีนเรียงรายอยู่ตลอดแนวสองข้างทาง อย่าลืมแหงนมองลวดลายปูนปั้นบนตัวอาคาร กรอบหน้าต่างสวยประณีตที่กาลเวลายิ่งขับให้มันสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก
แต่อย่ามัวมองตึกจนเพลิน ต้องคอยระวังรถขนส่งเมล็ดพันธ์ุผัก เครื่องเทศต่างๆ ที่ลำเลียงขึ้นลงรถบรรทุกกันตลอดทั้งวัน เพราะที่นี่เป็นท่าสำคัญของพระนครสำหรับการติดต่อค้าขายในอดีต พืชผลทางการเกษตรจากภาคต่างๆ จะถูกส่งมาทางเรือขนถ่ายลงที่นี่เพื่อส่งต่อไปขายต่างประเทศต่อไป ตึกแถวริมฝั่งน้ำหลายหลังจึงยังเห็นได้ชัดว่าออกแบบไว้อย่างกว้างขวางให้มีพื้นที่เก็บสินค้าเพียงพอ
จบวันอย่างสวยงามด้วยการลงเรือนั้น ขึ้นท่านี้กันตลอดทั้งวัน เราได้พบว่าเมื่อมองเข้ามาจากฝั่งน้ำ ก็ทำให้เราได้เห็นกรุงเทพฯ ในอีกมุมที่ไม่เคยมองมาก่อน จึงอยากให้ทุกคนลองหาวันว่างๆ มาลองนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ธงส้ม ในราคา 14 บาทล่องชมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วเลือกเลยว่าจะแวะท่าไหนตามที่ใจชอบ ; )
สำหรับใครที่อยากจะเก็บเกี่ยวบรรยากาศของเมืองกรุงให้ครบ ในย่านเมืองเก่า ก็สามารถจองที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือในย่านเมืองเก่าได้กับ Traveloka ที่มั่นใจได้ว่าคุณจะจองที่พักได้ในราคาประหยัดอย่างแน่นอน
จองที่พักกรุงเทพฯ กับ Traveloka
ติดตามต่อได้ที่เพจ FB:https://www.facebook.com/Trawellthailand/