คนรักสัตว์ต้องไม่พลาดกับที่เที่ยวอันดับต้น ๆ ของฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับ “สวนสัตว์สิงคโปร์” (Singapore Zoo) แหล่งเรียนรู้สัตว์โลก และธรรมชาติมากมายที่ถูกออกแบบให้ใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยจริงมากที่สุด โดยที่เที่ยวแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์โลกหลากหลายชนิด ทั้งสายพันธุ์หายากและใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งถูกจัดแบ่งโซนให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาแวะชมถึง 12 โซนด้วยกัน อีกทั้งยังมีกิจกรรมสนุก ๆ และโชว์การแสดงสุดน่าทึ่งให้คุณได้มีส่วนร่วมแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว
หากไม่อยากพลาดโอกาสเที่ยวสวนสัตว์ดี ๆ แบบนี้ ก็ต้องรีบกดจองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์จากแอป Traveloka ที่รวบรวมโปรโมชันดี ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนชอบเที่ยวอิสระ พร้อมให้คุณแพ็กกระเป๋าเดินทางไปสำรวจสัตว์โลกกันแบบจุใจได้เลยวันนี้
เที่ยวสวนสัตว์ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะสวนสัตว์สิงคโปร์แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์โลกแสนน่ารักให้คุณเข้าไปแวะชมกันแบบไม่มีพัก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกิจกรรมสนุก ๆ ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นยอดสำหรับเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียว สำหรับใครที่กังวลว่าจะเที่ยวไม่ครบทุกโซนก็สบายใจได้ เพราะบริเวณรอบที่เที่ยวแห่งนี้มีโรงแรมสิงคโปร์ตั้งอยู่มากมาย ให้คุณได้ใช้เวลาเดินเที่ยวชมสัตว์แต่ละโซนแบบเพลิน ๆ ก่อนกลับที่พักได้เลย
สวนสัตว์สิงคโปร์ (Singapore Zoo) เป็นสวนสัตว์ป่าดิบชื้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมครั้งแรกในปี ค.ศ. 1973 ภายในถูกสร้างขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อม และที่อยู่อาศัยเสมือนจริงแบบไร้กรง กล่าวคือ เป็นสวนสัตว์ระบบเปิดนั่นเอง โดยที่เที่ยวแห่งนี้ประกอบไปด้วยสัตว์มากกว่า 3,000 ตัวจาก 300 สายพันธุ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 12 โซนหลักด้วยกัน ถือเป็นสวนสัตว์ยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของประเทศสิงคโปร์เลยทีเดียว
สวนสัตว์สิงคโปร์แห่งนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะสิงคโปร์บนถนนมันไดเลก (Mandai Lake Rd) ซึ่งเป็นบริเวณทางตอนเหนือของประเทศที่มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ กับพื้นที่ขนาด 69 เอเคอร์ หรือประมาณ 170 ไร่ มีนักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างน้อย 1.7 ล้านคนต่อปี ภายในมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมสัตว์ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
สวนสัตว์สิงคโปร์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตลอดปี โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันคือ เดือนกุมภาพันธ์-เดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีสภาพอากาศอบอุ่นชื้น คุณสามารถแต่งตัวสบาย ๆ เพื่อมาเยี่ยมชมสัตว์โลกได้แบบเพลิน ๆ ซึ่ง Singapore Zoo มีราคาค่าเข้าชมอยู่ที่ 760 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 560 บาทสำหรับเด็ก สามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ 8.30-18.00 น.
ทั้งนี้ หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรือซื้อบัตรออนไลน์สามารกดดูที่เว็บไซต์หลักได้ที่นี่ https://www.traveloka.com/th-th/activities/singapore/product/singapore-zoo-tickets-8382168721460
Singapore Zoo มีวิธีเดินทางที่สะดวกสบาย โดยคุณสามารถเลือกเดินทางด้วยรถสาธารณะในเมืองได้ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดินและรถบัส ซึ่งแต่ละรูปแบบมีวิธีการเดินทางตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลย
คุณสามารถไปเที่ยวสวนสัตว์สิงคโปร์ด้วยรถไฟใต้ดิน (Mass Rapid Transit) โดยรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้ที่เที่ยวมากที่สุด ได้แก่
คุณสามารถเดินทางด้วยรถบัสประจำทางที่เปิดให้บริการในตัวเมือง โดยรถบัสสายหลักที่สามารถเดินทางไปสวนสัตว์สิงคโปร์ ได้แก่ สาย 927 และสาย 138 สถานี S'Pore Zoo มีราคาค่าโดยสารเริ่มต้นอยู่ที่ 0.95 SGD หรือประมาณ 25 บาทนอกจากนี้ คุณสามารถขึ้นจากท่ารถ Ang Mo Kio Bus Interchange และ ท่ารถ Choa Chu Kang Bus Interchange สาย 397 และ สาย 138 ได้เช่นกัน
สวนสัตว์สิงคโปร์มีทั้งหมด 12 โซนด้วยกัน ซึ่งภายในแต่ละโซนนั้นมีความพิเศษแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์สัตว์ การแสดง และการตกแต่งที่ทำให้คุณต้องสะดุดตา ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าจะมีโซนน่าสนใจอะไรบ้าง!
เริ่มกันที่โซนแรกในสวนสัตว์สิงคโปร์กับ “Australasia” เป็นโซนสัตว์ในทวีปออสเตรเลียนั่นเอง ภายในโซนถูกตกแต่งแบบป่าร้อนชื้นเหมือนยกออสเตรเลียมาไว้ที่นี่เลยทีเดียว แน่นอนว่าหากคุณเดินมาโซนนี้จะได้เจอกับจิงโจ้และวอลลาบีที่มีถิ่นกำเนิดจากออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีนกคาสโซวารี นกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกให้เราแวะชมกันอีกด้วย
ตื่นตาตื่นใจไปกับช้างตัวใหญ่จากโซน “Elephants of Asia” ที่จัดแสดงช้างด้วยพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ได้รับความสำคัญทางวิถีชีวิตของคนในทวีปเอเชียตั้งแต่ 4,000 ปีก่อน ภายในโซนของสวนสัตว์สิงคโปร์แห่งนี้มีแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของช้างในศาสนาฮินดูกับศาสนาพุทธ ตลอดจนจัดโชว์การแสดงวิถีชีวิตระหว่างคนและช้างให้นักท่องเที่ยวได้รับชมกัน
โซนถัดมาของสวนสัตว์สิงคโปร์ “Fragile Forest” ประกอบไปด้วยไบโอโดมขนาดใหญ่ถึง 20,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นพื้นที่จำลองสภาพแวดล้อมของป่าดิบชื้น ภายในคุณจะได้พบกับพืชพรรณแปลกตากับสัตว์หลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ตามขอนไม้และต้นไม้สูงใหญ่ เช่น ลิงซากิ สลอธ เขียดตะปาด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่การเรียนรู้จาก ‘Discovery Outpost’ ให้คุณได้สำรวจสัตว์ตัวน้อยผ่านกระจกใสแบบใกล้ ๆ เลยทีเดียว
“Great Rift Valley of Ethiopia” เป็นหนึ่งในโซนที่น่าตื่นเต้นของสวนสัตว์สิงคโปร์ เพราะจัดธีมแบบแอฟริกาที่สัตว์เล็กใหญ่ซุกซ่อนอยู่ตามหน้าผาและซอกหิน ไม่ว่าจะเป็นแพะภูเขา, ลิงบาบูน, เมียร์แคท, สุนัขจิ้งจอกหลังดำ พร้อมกับการสัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าที่จำลองมาจากหมู่บ้าน Konso และ Amharic
พบกับอาณาจักรของลิงที่ขึ้นชื่อว่ามีขนาดใหญ่เท่ามนุษย์ในสวนสัตว์สิงคโปร์กับโซน “Orangutan Island & Boardwalk” บริเวณโซนนี้คุณจะได้มองเห็นฝูงลิงอูรังอูตัง และเรียนรู้พฤติกรรมของพวกมันจากบนต้นไม้ผ่านทางเดินอันสวยงาม ความพิเศษของลิงชนิดนี้คือ สามารถพบเห็นได้ในแถบป่าฝนบนเกาะบอร์เนียและเกาะสุมาตรานั่นเอง
“Primate Kingdom” เป็นโซนที่สวนสัตว์สิงคโปร์ต้องการนำเสนอถึงลิงในสายพันธุ์ที่แตกต่างกันซึ่งถูกจัดมาให้อยู่ในเกาะส่วนตัวด้วยกัน บนเกาะเองมีทั้งต้นไม้สูงใหญ่สำหรับปีนป่าย และสะพานน้ำให้ลิงแช่น้ำคลายร้อนกันอีกด้วย นับเป็นสถานที่ที่ให้นักท่องเที่ยวจะได้สังเกตและเรียนรู้พฤติกรรมของอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว
เดินทางมาสู่ “KidzWorld” เป็นโซนที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เด็ก ๆ ปล่อยใจไปกับพื้นที่เที่ยวเล่นในธีมสัตว์โลก ซึ่งมีกิจกรรมสำหรับเสริมสร้างทักษะมากมายไม่ว่าจะเป็น ทางเดินไต่เชือก, ขี่ม้าแคระ, เขาวงกตน้ำ หรือบ้านต้นไม้ ให้เหล่านักสำรวจตัวน้อยสนุกไปกับการผจญภัย และได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ๆ อย่างสัตว์โลกแบบใกล้ชิดนั่นเอง ใครอยากมาเล่นน้ำที่สวนสัตว์สิงคโปร์ก็อย่าลืมพกชุดกับอุปกรณ์ว่ายน้ำกันมาด้วยนะ
สวนสัตว์สิงคโปร์มีโซนสำหรับสัตว์เลื้อยคลานเช่นกัน ซึ่งคุณสามารถมาดูได้ที่ “Reptile Garden” มีจัดแสดงสัตว์ประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำหลากหลายชนิดในสวนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยโซนจัดแสดงสัตว์มากมาย ไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ มังกรโคโมโด, งูเหลือม, เต่ายักษ์ และอิกัวน่าหลากสายพันธุ์ โดยมีการแสดงสาธิตจากผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ตลอดจนกิจกรรมที่ให้เด็ก ๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
“Reptopia” เป็นหนึ่งในโซนของสวนสัตว์สิงคโปร์ที่อยู่ในส่วนของ Reptile Garden เช่นกัน โดยมีการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกว่า 60 สายพันธุ์ ที่คุณอาจไม่เคยพบเห็นจากที่ไหนมาก่อนจากสี่โซนทางภูมิภาคเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้คุณได้เข้ามามีส่วนร่วมสัมผัสกับเจ้าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กพร้อมกับผู้ดูแลใกล้ ๆ จากโซนน่าตื่นเต้นอย่าง snake-tacular อีกด้วย
พบกับพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติกับโซน “Tortoise Shell-ter” สถานที่สำหรับผสมพันธุ์ และดูแลเต่าหลากสายพันธุ์หายาก ภายใต้การจำลองที่อยู่อาศัยทางธรรมชาติของสัตว์ที่มีการควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นให้มีระดับเหมาะสมอยู่เสมอ ทำให้สวนสัตว์สิงคโปร์แห่งนี้มีความพิเศษกว่าสวนสัตว์อื่น ๆ เลยทีเดียว
“Treetops Trail” ถือเป็นโซนที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าของสวนสัตว์สิงคโปร์ ความพิเศษของโซนนี้คุณจะได้ยินเสียงเรียกของเหล่าชะนีเซียมังขนดำ (Siamang) ตั้งแต่หน้าทางเข้าแน่นอน นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าดิบชื้นให้เราได้แวะชมมากมายทั้งสัตว์เลื้อยคลานอย่างจระเข้กับตะโขง และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างวงศ์กระจง (Mouse-deer)
มาถึงโซนสุดท้ายของสวนสัตว์สิงคโปร์กับ “Wild Africa” เป็นโซนที่รวบรวมสัตว์ที่ขึ้นชื่อในแถบแอฟริกาที่โดดเด่นเรื่องความรวดเร็ว ขนาดที่ใหญ่กว่าชนิดอื่น ๆ และวิธีล่าอาหารอันชาญฉลาด ได้แก่ สิงโต, เสือดาว, เสือชีต้า, ม้าลาย และยีราฟ พร้อมกับกิจกรรมพิเศษให้คุณได้ลองให้อาหารสัตว์ด้วยตัวเองท่ามกลางทุ่งหญ้าสะวันนาและทะเลทรายนั่นเอง
นอกเหนือจากการเยี่ยมชมสัตว์หลากหลายพันธุ์แล้ว สวนสัตว์สิงคโปร์ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้มาร่วมสนุกกันอีกด้วย รับรองว่าได้ประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ กลับไปอย่างแน่นอน ซึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดของที่เที่ยวแห่งนี้มีดังต่อไปนี้
เริ่มที่กิจกรรมแรกอย่าง “Zoo Adventure Tour” ทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมองเห็นสัตว์แบบใกล้ชิด ตลอดระยะเวลา 90 นาที ซึ่งมีเพียง 7 คนต่อรอบเท่านั้น โดยคุณจะได้ขึ้นรถบักกี้ส่วนตัวไปพร้อมกับไกด์ประจำสวนสัตว์สิงคโปร์ที่วางแผนการเยี่ยมชมสัตว์ตามที่คุณต้องการ พร้อมพาชมจุดที่น่าสนใจเป็นพิเศษ รับรองว่าได้ทั้งความรู้ และประสบการณ์น่าตื่นเต้นที่หาจากที่ไหนไม่ได้เชียว
อีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตที่เด็ก ๆ ชื่นชอบก็คือการให้อาหารสัตว์นั่นเอง โดยสวนสัตว์สิงคโปร์แห่งนี้มีโซนให้อาหารสัตว์มากมายให้คุณป้อนอาหารด้วยตัวเองแบบใกล้ ๆ เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นช้าง, ยีราฟ, ม้าลาย หรือเต่า เป็นต้น โดยสัตว์แต่ละชนิดมีรอบเวลาให้อาหารที่แตกต่างกัน ใครที่สนใจก็อย่าลืมดูช่วงเวลากันดี ๆ
หนึ่งในการแสดงที่หาดูได้ยากแต่ที่สวนสัตว์สิงคโปร์มีให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นประจำนั่นก็คือ โชว์การแสดงของฝูงสิงโตทะเลสายพันธุ์แคลิฟอร์เนีย ที่แสดงให้เห็นถึงทักษะไหวพริบ ความพร้อมเพรียง และความสามารถพิเศษอย่างเลี้ยงลูกบอลไว้บนจมูกหรือกระโดดน้ำตีลังกาได้ สามารถเข้าชมได้ตามรอบที่เปิดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
มาสัมผัสวิถีชีวิตของนักดูแลสวนสัตว์ด้วยการเข้าค่าย Zoo keeper อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมของสวนสัตว์สิงคโปร์ ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาทั้งวันไปกับการเรียนรู้ประวัติ และขั้นตอนการดูแลสัตว์ต่าง ๆ จากทีมดูแลสวนสัตว์โดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้มองเห็นสัตว์ที่ตนเองชื่นชอบแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว หากคุณกำลังมองหาแหล่งเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาทักษะให้กับเด็ก ๆ กิจกรรมนี้ตอบโจทย์อย่างแน่นอน