ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีผู้อ่านทุกๆ ท่านนะครับ วันนี้ผมจะมารีวิวการเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองฉงชิ่ง (重庆) และเมืองอู่หลง (武隆) ซึ่งอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ใกล้ๆ บ้านเรานี่เอง
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องบอกไว้ก่อน ประเทศจีนห้องน้ำไม่ได้สกปรกเหมือนกันทุกที่นะครับ ในสถานที่เที่ยวต่างๆ ห้องน้ำสะอาดมาก มีคนทำความสะอาดตลอดเวลา อย่าได้กลัว ต้องลองมาดู ส่วนเรื่องอาหารก็ไม่ได้แย่ครับ แค่เราไม่ชินเท่านั้นเอง แต่สำหรับผมนั้นอาหารที่เมืองนี้อร่อยครับ ฮ่าๆๆ
จองตั๋วเครื่องบินไปฉงชิ่ง กับ Traveloka
ในทริปนี้ใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน 4 คืน โดยส่วนใหญ่จะอยู่แค่ 2 เมือง (อู่หลง และ ฉงชิ่ง) โดยมีแผนการเดินทางคร่าวๆ ดังนี้
1st Day: 13 กรกฎาคม 61
2nd Day: 14 กรกฎาคม 61
3rd Day: 15 กรกฎาคม 61
4st Day: 16 กรกฎาคม 61
5st Day: 17 กรกฎาคม 61
ผมขอชี้แจงในเบื้องต้นก่อนนะครับ ในทริปนี้มีทั้งหมด 6 คน โดยผมกับพี่สาวอีกคนเป็นนักศึกษาอยู่ที่จีน ส่วนพี่ๆ อีก 4 คนที่เหลือเดินทางมาจากไทยครับ พวกเราก็เลยนัดเจอกันที่เมืองฉงชิ่งเลย ด้วยความอยากเที่ยวให้ได้เยอะๆ หลายๆ ที่ ผมกับพี่สาวเลยล่วงหน้าไปสำรวจพื้นที่ก่อนหนึ่งวัน บอกได้เลยว่าเมืองนี้มีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย หรือหากใครชอบถ่ายแนวสตรีท ก็ขอแนะนำเมืองนี้ไว้ด้วยเลยละกัน
ผมเชื่อว่าในประเทศไทยตอนนี้ “หมาล่า” คงกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และถ้าใครชอบความเผ็ดแบบจัดจ้านจนลิ้นชา ก็ขอแนะนำให้มาฉงชิ่งเช่นกัน เพราะที่นี่คือต้นตำรับเลยล่ะครับ ผมมาทริปนี้กินเกือบทุกวัน ฮ่าๆๆ ก็มันอร่อยนี่หน่า
สมาชิกที่เหลือมาถึงแล้ว เริ่มต้นเดินทางตามแผนที่เราวางไว้ ไปๆๆ
ถึงสถานี ซื้อตั๋ว รอรถ และออกเดินทางสู่เมืองอู่หลง
บรรยากาศสองข้างทางมีแค่นี้ครับ ที่เหลือ ………………. หลับ
Wulong Kaidi Hotel (武隆凯迪酒店) นี่คือที่พักของเราตลอดระยะเวลา 2 วันในเมืองอู่หลงครับผม ส่วนราคานั้นประมาณ 1,000 บาทต่อคืนครับ (2 ท่านรวมอาหารเช้า)
ถ้าจะถามว่าไปโรงแรมยังไง เดินครับ เปิดจีพีเอสใส่ชื่อโรงแรมแล้วก็เดินไปครับ สัก 10-15 นาที ไม่ไกลๆ ส่วนภายในโรงแรมนั้นถือว่าดีเลยครับ สะอาดปลอดภัย แต่อาหารเช้า……….. ก็กินกันหิวได้ครับ
เดินเที่ยวย่านที่พัก และปิดท้ายมื้ออาหารของวันด้วย หม้อไฟหมาล่า อีกเช่นเคย
ก่อนออกเดินทางก็ต้องทานอาหารกันก่อน และนี่คือ “อาหารเช้า” ของโรงแรมครับ อร่อยครับอร่อย อร่อยจริงๆ ฮ่าๆๆ
ก่อนขึ้นภาพนี้ ขอเล่าอะไรให้ฟังหน่อยนะครับ คือตั้งแต่เมื่อวานที่คณะผมลงจากรถไฟ เดินมาโรงแรม หามื้อเย็นกิน จนกลับโรงแรมอีกครั้ง จะมีผู้ชายวัยกลางคนตามพวกเราตลอดทุกย่างก้าว พยายามโน้มน้าวให้เราเหมารถ ตามยังกับนักสืบชู้ สุดท้ายทนไม่ไหวครับ ต้องเข้าไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง คุยไปคุยมาสุดท้ายเราก็เป็นเหยื่อเหมารถเขาเที่ยวครับ ฮ่าๆๆ ที่ตัดสินใจเหมาเพราะว่าทริปนี้เรามากัน 6 คน และเมื่อนำราคาไปเปรียบเทียบกับการเดินทางไปแต่ละที่ด้วยตนเองนั้นมันแพงกว่านิดเดียว แถมยังได้ความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวเข้ามา ไปรับส่งถึงที่ เหมือนได้ไกด์มาคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันสองวัน ผมให้ผ่านครับ บริการดี แต่ขี้ตื้อไปนิด ฮ่าๆๆ ส่วนเรื่องภาษานั้นไม่ต้องกลัวครับ แอพแปลภาษาเขาดี สุดท้ายถ้าใครสนใจจะเอาตาลุงคนนี้ หลังไมค์มาได้ครับ เดี๋ยวให้เบอร์ติดต่อ ขอตั้งชื่อแกว่า “อาตื้อ” ละกัน
และสถานที่แรกที่เราจะไปในวันนี้คือ “อุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (เทียนเซิงซานเฉียว:天生三桥)” เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในจีน เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดเป็นบ่อหลุมขนาดใหญ่ และมีบางส่วนเป็นโพรงทะลุเหมือนกับสะพานทอดข้ามระหว่างภูเขา ซึ่งเมื่อเราเดินเข้าไปเรื่อยๆ จะพบโรงเตี๊ยมเก่าแก่ ซึ่งเดิมเป็นจุดแวะพักของคนเดินทางในสมัยก่อน และยังเป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่ ที่ใครมาก็จะต้องแวะถ่ายรูปเลยล่ะครับ (ค่าตั๋วเข้าอุทยานอยู่ที่ 120 หยวน)
ส่วนการเดินทางไปยังอุทยานหลุมฟ้านั้น เป็นหน้าที่ของอาตื้อที่จะพาเราไปส่งยังอุทยาน เมื่อถึงที่หมายแกก็จะชี้จุดซื้อตั๋วให้เสร็จสรรพ เราก็เข้าไปซื้อตั๋ว และขึ้นรถบัสเข้าไปยังข้างในของอุทยานหลุมฟ้านี้ได้เลยครับ
เมื่อลงจากรถบัสก็จะมีทางให้เราเดินลงไป เดินเข้าไปไม่นานก็ถึงแล้วครับ สัก 10-15 นาที ก็จะเจอเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ยืนตระหง่านอยู่ ถ้าใครเป็นแฟนหนัง Transformer 4 ก็คงจะคุ้นตากันดี
ไงนี่โรงเตี๊ยมเก่าแก่ ที่เป็นจุดไฮไลท์ของที่นี่
ใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็เที่ยวทั่วแล้วครับ
ในส่วนขากลับนั้นเมื่อเราเดินออกมาจะพบว่ามีรถกอล์ฟที่คอยบริการส่งคนไปยังจุดที่เราต้องขึ้นรถบัสของอุทยานกลับไปที่จุดขายตั๋วเมื่อเช้า ค่ารถรู้สึกจะอยู่ที่ 15 หยวน แต่พวกผมเลือกที่จะเดินไปครับ คิดว่าไม่ไกล ฮ่าๆๆ เอาซะหอบเลย ขอแนะนำให้นั่งรถกอล์ฟดีกว่าครับ อย่าเดิน!! และเมื่อเราถึงจุดที่ต้องขึ้นรถบัสกลับ แต่เราไม่กลับครับ เราจะไปที่ น้ำตกหุบผาสวรรค์ กันต่อ ซึ่งสามารถซื้อตั๋วจากตรงนี้ได้เลย ราคาอยู่ที่ 115 หยวน หลังจากนั้นก็ไปขึ้นรถบัสที่จะเข้าไปยัง น้ำตกหุบผาสวรรค์ ได้เลย นั่งต่อไปอีก 20 นาทีก็ถึงแล้ว
น้ำตกหุบผาสวรรค์เป็นน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง ตามรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่แยกออกจากกัน ทำให้กลายเป็นหุบเหวที่ลึกมาก จึงเป็นที่มาของคำว่า “รอยแยกของปฐพี” เส้นทางเดินชม น้ำตกหุบผาสวรรค์และรอยแยกแห่งปฐพี เป็นเส้นทางที่เดินลงแบบขั้นบันไดแล้วปูด้วยคอนกรีต อากาศแบบเย็นสบายเป็นเส้นทางแบบเดินชมธรรมชาติระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร (ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 2-2.30 ชั่วโมง) เมื่อเดินไปจนสุดเส้นทางก็จะเป็นลานจอดรถซึ่งเราจะนั่งรถบัสกลับไปยังจุดขายตั๋วเมื่อเช้านี้ได้ เอาล่ะครับ เราไปชมภาพกันแบบเต็มๆ กันดีกว่า (อาตื้อจะรอรับเราอยู่ที่จุดขายตั๋ว เพื่อพาเรากลับโรงแรมที่อู่หลง)
ขอบคุณข้อมูลจาก: www.panda.co.th
ในส่วนของวันนี้เราก็ยังใชบริการของอาตื้อเช่นเคย เพียงบอกชื่อสถานที่เท่านั้น อาตื้อก็จะพาเราไปยังจุดหมาย หลังจากนั้นเราก็ซื้อตั๋วเข้าถ้ำ ราคาอยู่ที่ 130 หยวน (ราคารวมค่าขึ้นกระเช้าทั้งไปและกลับ)
ช่วงที่ไปเป็นช่วงเข้าหน้าฝนพอดี สวยไปอีกแบบ เห็นแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจเหลือเกิน
ข้างในถ้ำอลังการ และใหญ่มาก แต่รู้สึกว่าเขาเปิดให้เข้าชมแค่ 1 ใน 3 ส่วนของถ้ำเท่านั้น เพราะว่าส่วนที่เหลือยังทำการสำรวจอยู่
ประดับประดาแสงสีได้อย่างงดงาม
ปิดท้ายด้วยภาพขณะนั่งกระเช้าลงมา
ในวันนี้เรามีเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น เพราะว่าได้จองตั๋วรถไฟกลับไปฉงชิ่งในเที่ยวบ่าย ดังนั้นต้องรีบกลับไปเก็บของและเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม อ่อ ลืมบอก ภายในห้องพักเขาคิดเงินทุกอย่างนะครับ ยกตัวอย่างเช่นชาที่วางไว้บนโต๊ะ ถ้าไม่กินก็เอาวางไว้ที่เดิมนั่นล่ะครับ ไม่ต้องติดมือมา เดี๋ยวจะโดนเก็บเพิ่ม
เมื่อมาถึงเมืองฉงชิ่ง เราก็รีบดิ่งไปหาที่พักก่อนเลย ซึ่งที่พักที่เราได้จองไว้คือ Chongqing Travelling With Hotel (Jie Fang Bei) (⽡舍旅⾏酒店) พักที่นี่ทั้ง 2 คืน ห้องพักมีหลายรูปแบบให้เลือก ราคาก็แตกต่างกันไป ย่านที่พักก็มีตลาดกลางคืน ห้าง แหล่งช็อปปิ้ง ผับก็ยังมี ฮ่าๆๆ ส่วนการเดินทางไปก็ง่ายมาก เพียงคุณนั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี เจียวฉางโข่ว (校场口: Jiao Chang Kou) และออกประตูหมายเลข 4 เดินข้ามถนนไป โรงแรมจะอยู่เยื้องไปทางขวา แค่นี้เอง ส่วนนี้เป็นเว็บของโรงแรมนะครับ เข้าไปชมกันได้ https://www.chongqingtravellingwith.com/
โดยสถานที่เที่ยวดังๆ ของเมืองฉงชิ่ง เราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินเที่ยวได้เลยครับ ทั่วถึงกันหมด แต่ในส่วนนี้ผมจะไม่ได้เขียนการเดินทางทั้งหมดลงไป เพราะมันค่อนข้างยิบย่อยเหลือเกิน ฮ่าๆๆ เอาเป็นแนะนำดีว่าเนอะ ไปๆ ดูกัน ว่ามีที่ไหนให้เที่ยวบ้าง
1. ศาลาประชาคม (Chongqing People’s Auditorium : 重庆人民大礼堂 : ต้าหลี่ถัง)
เอาจริงๆ ที่นี่จะสวยตอนกลางคืน ฮ่าๆๆ แต่โดยรวมๆ แล้วที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากครับ ใครอยากมาชม ก็มาได้เลย ผมเฉยๆ นะ
2. ตลาดจีนโบราณ สึชีโข่ว (Ciqikou Ancient Town)นั่งใต้ดินไปลงสถานีCiqikou ทางออก 1 เลยจ้า ง่ายสุด ของกินอร่อยๆ เพียบ
ใครจะซื้อผงหมาล่าหรือเครื่องแกงหมาล่า ก็หาซื้อได้จากที่นี่เลยครับ เอากลับไปทำกินที่ไทยต่อ
ผลไม้หน้าตาประหลาด ผมก็ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร แต่การทำก็เหมือนกับทำแตงโมสี่เหลี่ยมนั่นล่ะครับ เอาบล็อคไปใส่ตอนที่ยังเป็นผลอ่อน พอโตเต็มที่ก็จะได้เป็นรูปอย่างที่เห็น น่ากลัวมากกว่าน่ากินนะผมว่า
3. Chongqing Time square
ถ้าใครมาแล้วพักที่เดียวกับผม คุณสามารถเดินไปได้นะครับ ระยะทางเพียงกิโลเมตรกว่าๆ ฮ่าๆๆ หรือนั่งใต้ดินแค่ป้ายเดียวเอง ไปลงสถานี Linjiangmen ทางออก D จากนั้นก็มองหาหอนาฬิกาให้เจอ เป็นอันถึงแล้วครับ สาวๆ นักช๊อปก็ระวังกระเป๋ารั่วนะครับ ย่านนี้ของแบรนด์เนมทั้งนั้นเลย
ในวันสุดท้ายนี่ผมแทบไม่ได้เที่ยวไหนเลยครับ เก็บของ เช็คเอ้าท์จากโรงแรม แล้วกลับไปที่ย่าน Chongqing Time square อีกครั้ง เพื่อเก็บบรรยากาศยามเช้า เดินข้ามสะพานถ่ายรูป ในตอนเช้านี่ก็สวยเหมือนกันครับ บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ดูเหงาๆ ดี หลังจากดื่มด่ำจนเป็นที่พอใจก็แยกย้ายกับพี่ๆ กับมหาลัย
ขอส่งท้ายด้วยภาพนี้ละกันครับ บ๊าย บาย
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป (รวมค่าเดินทาง +วีซ่า) ทุกๆ คนในทริป หมดไม่เกิน 20,000 บาท ครับ แถมกินอิ่ม นอนอุ่น เที่ยวแบบชิวๆ เลยล่ะ
สุดท้ายนี้ หากท่านผู้อ่านมีข้อสงสัยอื่นๆ ประการใด สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้นะครับ ไม่ดุ ไม่กัด ฉีดยาเรียบร้อยแล้วครับผม ช่องทางการติดต่อตามด้านล่างนี้เลยครับ
Facebook:Sirichai Chaimunkong
Instragram:Sirichai_chmk
Line:ไม่มีครับ อยู่จีนเล่นไม่ค่อยสะดวก
WeChat:Sirichai_1993