ดอยมณฑา จังหวัดตาก ทริปเดินป่าสุดมันส์ ไป-กลับเกือบ 20 กิโลเมตร

Traveloka TH
23 Jul 2019 - 12 min read

ดอยมณฑา จังหวัดตาก

จริงๆแล้วเราก็เดินป่ามาหลายที่มาก

แต่ยังไม่มีที่ไหน ที่มีระหว่างทางเดินสวยได้ขนาดนี้ : ))

อยากพาทุกคนไปเดินป่าขึ้นดอยมณฑาให้เห็นกับตา ทริปเดินป่าสุดแสนไกล แต่ระหว่างทางคือโคตรประทับใจ ที่เดินไปกลับรวมๆแล้ว 20 กม.ได้ (ไป 12.5 กม. กลับ 8 กม.) ถ้าทุกคนพร้อมแล้ววววว ไปเดินป่ากัน ^^

--- 01 เริ่มต้นการเดินทาง ---

จริงๆการเดินทางมาเที่ยวจังหวัดตากมีหลายวิธีมาก ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับทางรถซะมากกว่า ซึ่งรอบนี้เราเดินทางด้วยรถตู้ รวมตัวกันให้ได้ 10 คน และเหมากันไป แต่ก็ใช้เวลาที่แบบ นานแสนนาน เราเลยขอแนะนำการเดินทางมา จ.ตาก แบบหนีโค้งและหนีการเดินทางนานๆ

เพราะตอนนี้ตากมีบินตรง กรุงเทพฯ-แม่สอดแล้ว จากที่เราต้องใช้เวลา 7-8 ชม. ในการเดินทาง แต่เครื่องบินใช้เวลาแค่ 1 ชม. 15 นาทีเอ๊งงงงง

หากเพื่อนๆยังไม่แน่ใจว่าสายการบินไหนเปิดให้บริการบินลงไปแม่สอดบ้าง เราแนะนำให้เพื่อนใช้ Traveloka ในการช่วยค้นหา รอบขึ้นให้เพียบเลย ไวและสะดวกมากกกก

จองตั๋วเครื่องบินไปตาก กับTraveloka

จุดหมายปลายทางของเราคือ อช.ตากสินมหาราช ซึ่งห่างจากสนามบินแม่สอด แค่ 1 ชม.เอง

ส่วนตัวพวกเรานั้นก็เริ่มเดินทางจาก กรุงเทพฯ ตรงดิ่งมาที่ อช.เลย ใช้เวลาเกือบ 6 ชม. ในการเดินทาง

--- 02 ช่องทางการติดต่อดอยมณฑา ---

สามารถติดต่อ เบอร์อุทยาน 064-925-3024 คนนำทางพี่พงษ์ 055-511429

แนะนำให้โทรหา อช. ก่อนค่ะ

ซึ่งดอยมณฑาจะเปิดให้ขึ้นช่วงฤดูหนาว คือ พ.ย.-ธ.ค. เท่านั้นค่ะ หรือสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อความชัวร์ก่อนได้เลย

--- 03 ดอยมณฑา ฉันจะเดินไปหาเธอ ---

หลังจากมาถึง พวกเราใช้เวลาจัดเตรียมของ เสบียงต่างๆ เพื่อใช้สำหรับแคมป์ข้างบน หลังจากจัดแจงเตรียมเรียบร้อย ก็มีรถอิแต๊กมารอรับพวกเราไปที่จุดเริ่มเดินกัน

ซึ่งรถอิแต๊ก 1 คัน สามารถนั่งได้ 5 คน พวกเรามีกัน 10 คน เลยแบ่งกันเป็น 2 คัน จากจุดที่เราเตรียมเสบียงมาที่จุดเริ่มเดิน นั่งรถใช้เวลาประมาณ 15 นาที ทางมันส์ใช้ได้ ลงหลุมลงบ่อ ลุยน้ำมันเลยยย 5555

พอเราเห็นฝูงน้องวัว ทำให้รู้ว่า นี่แหละ เป็นจุดเริ่มเดินเท้าของพวกเรา

จุดเริ่มเดินในช่วงแรก จะเป็นทางราบ ชิลๆ เดินลุยทางน้ำไปเรื่อยๆ อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนจนเกินไป

เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักกัน พวกเราอาจจะเหนื่อยไม่เท่ากับพี่ลูกหาบแน่นอนน

ป่าไม้ที่นี่อุดมสมบูรณ์มากๆ

หลังจากชิลกับทางราบไม่นาน เราต้องปีนป่ายเดินขึ้นกันแล้ว หลังแบกเป้ 1 ใบ ค่อยๆเดินขึ้นเรื่อยๆ กับทางที่ไม่รู้ว่า เราจะเจอทางราบเมื่อไหร่ TT

เดินมาเหนื่อยๆ ก็หาจุดพัก ดื่มน้ำบ้างกินขนมกันบ้าง

เดินกันไปสักพัก เราก็เจอจุดที่เป็นทางแยก จุดตรงนี้เราจะแยกกับลูกหาบบางกลุ่ม เพราะทางที่เราไปจะเห็นวิวภูเขา แต่ทางที่พี่เค้าไป เป็นทางป่าที่ตรงดิ่งขึ้นไปแคมป์เลย ถ้าแนะนำควรมาทางที่เห็นวิว รับรองคุ้มมากแน่นอน

--- 04 ดอยมณฑา วิวระหว่างทางเดิน ที่ทุกคนจะต้องหลงรัก ---

อย่างที่บอกเลยว่า ที่นี่คือที่แรกที่เรารู้สึกว่าวิวระหว่างทางสวยมาก เดินไปทางไหนก็สวย ภูเขาสีทองอร่ามกับแสงอาทิตย์กระทบกัน คือฟินสุดๆ แดดร้อนๆ ลืมเหนื่อยไปเลย พูดมาขนาดนี้ ป๊ะเพื่อนๆ เดินกันต่อดีกว่า

ที่เราเดินมาเรื่อยๆ เราก็มองเห็นสันเขาที่ต้องเดินไปแล้ว แค่เห็นก็แอบหอบไป 3 รอบแล้ววว

ทางราบเริ่มหาไม่ได้อีกต่อไป เราเดินขึ้นกันรัวๆ เลย

เดินไต่ขึ้นแล้ว ก็เดินไต่ขึ้นไปอีก จนพบว่า ....

ต้องไต่ขึ้นขนาดนี้เลยเหวยยยยย พวกเราตั้งสติสักพัก และลุยกันต่อ แอบคิดถึงตอนเริ่มเดินเนอะ 5555

คิดหรอ ... ว่าความชันจะหมดไปง่ายๆ หึ ที่อื่นอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่กับดอยมณฑาจ้า

จากจุดที่เราเดินขึ้นมา ยิ่งอยู่สูง ถ้ามองกลับไป ก็พบว่า โอะ สวยอะไรได้ขนาดนี้ ไม่เสียงแรงที่เดินขึ้นรัวๆมาขนาดนี้

สาบานเลย นี่ไม่ใช่วิวปลายทางนะ นี่คือวิวระหว่างทางจริงๆ สวยจนแบบ รู้สึกคุ้มแล้ววว

มองกลับไป แอบคิดว่า นี่เรามาสูงขนาดนี้เชียวรึ

หลังจากขึ้นรัวๆ เราก็เริ่มเดินทางราบ เลาะป่าไปเรื่อยๆอีกครั้ง

ระหว่างทางก็ยังคงสวยเหมือนเดิม

เพิ่มเติมคือทางเดินที่แคบขึ้น และแสงอาทิตย์กระทบกับภูเขา ทำให้ภาพตรงหน้าเป็นสีเขียวทองอร่ามแบบนี้

ถ้านึกภาพไม่ออกว่าแคบแค่ไหน อยากให้ซูมไปที่ 2 ภาพนี้ ถึงความแคบของทางเดิน

เดินเลาะกันไปสักพัก เราก็เจอจุดที่มองกลับไปแล้วสวยจนต้องแวะถ่ายรูปกันนานเลย

เพราะจริงๆ เราเชื่ออย่างนึงว่า อย่ารอคำว่าเดี๋ยวก่อน เพราะอีกวัน หรือ อีกช่วงเวลา

ภาพตรงหน้าอาจจะไม่สวยเหมือนตอนนี้ก็ได้

--- 05 ตั้งแคมป์ รอพระอาทิตย์ตกดอยมณฑา ---

ถ้าจะบอกว่าใช้เวลาไม่นานก็มาถึงแคมป์ ก็อาจจะดูโกหก 5555

คงต้องบอกว่าหลังจากเราปีนป่าย ลัดเลาะมาร่วม 12 กม. เราก็ถึงแคมป์สะที !!!

พี่ลูกหาบที่แยกมาอีกทางมาถึงก่อน และตักน้ำใช้เตรียมให้พวกเราเรียบร้อย

พวกพี่ลูกหาบคนนำทาง เริ่มก่อไฟ เพื่อให้พวกเราได้ทำอาหารกันแล้ว

พวกเราเริ่มลงมือสำหรับมื้อนี้ นอกจากทำสำหรับเรา 10 คนแล้ว พวกเราต้องทำอาหารเผื่อ จนท อีก 4 ท่าน (คนนำทาง 1 , ลูกหาบ 2 , จนท 1)

นี่คือเมนูประจำ และเมนูเด็ดทุกครั้งที่เข้าป่า เอาจริงๆ ขาดไม่ได้เลย หมูย่างร้อนๆ กับฟิลกลางป่าแบบนี้

เพลิดเพลินกับการทำอาหาร ก็ถึงเวลามาดูแสงเย็นแล้วว

จริงๆ แสงเย็นที่อยู่ตรงหน้า คืออยู่หน้าเตนท์เลย เราชอบฟิลแบบนี้มากๆ เดินมาไกลให้สุด ตั้งแคมป์ จุดชมวิวไม่ต้องเดิน คืออยู่ตรงหน้า ชอบบบบ

มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ

ที่ชอบคือ ขนาดแสงหมดแล้ว ยังถ่ายออกมาได้สวยเลย

คือพวกเรานั่งคุยเล่นเป็น ชม. ได้เลย บรรยากาศแบบนี้เข้าใจแล้วว่า อยากนั่งชมวิวโง่ๆ เป็นยังไง

เป็นอย่างงี้นี่เอง : ))

จุดตั้งแคมป์พวกเรา มีกันแค่ 3 กลุ่ม กลุ่มละแค่ 10 คนรวมจนท รวมๆแล้ว ไม่เกิน 50 คน

ไม่ต้องแย่งถ่ายรูป ไม่ต้องแย่งกันเดิน ชอบฟิลนี้สุดๆ ปล. เค้าลิมิตให้ขึ้นครั้งละ 30 คน (ไม่รวม จนท)

อีกข้อแนะนำเลย ตรงแคมป์ไม่ต้องเดินอะไรแล้ว สามารถเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะได้เลย

วันการเดินมาราธอนของวันแรกก็จบลง พวกเรามีแคมป์กันนิดหน่อย และแยกย้ายกันไปนอน เพื่อรอลุ้นหมอกพรุ่งนี้เช้ากัน

-- 06 : บรรยากาศตอนเช้าที่ดอยมณฑา ---

สวัสดีตอนเช้า ที่สามารถตื่นเช้าได้เองโดยไม่งองแง

พอตื่นมาถึงกับร้องว๊าว เพราะหน้าที่พักเรามีหมอกละมุนอยู่ไกลๆ ไม่มาใกล้ๆ แต่แค่นี้ก็ฟินแล้ววว

จากแคมป์ เราจะขึ้นไปบนยอดนั้น เพื่อดูวิวอีกฝั่งนึงกัน ซึ่งสวยไม่แพ้กันเลย

ภูเขาฝั่งด้านซ้าย เป็นแนวภูเขาสลับซับซ้อนกัน ไม่มีหมอก แต่แสงตอนเช้ากระทบกับภูเขาคือสวยมาก

เราเดินออกมาจากจุดแรก และไปจุดทางเดินทางขวามือ และพบว่าสวยไม่แพ้กันเลย

และที่พิเศษคือ ทางด้านขวามีหมอกให้เห็นอยู่ไกลๆ ได้แต่คิดว่า ทริปนี้คุ้มแบบคุ้มจริงๆ

หลังจากชมวิวเสร็จ เราก็ใช้เวลาไม่นานเตรียมตัวกับไปด้านล่าง ทางเดินกลับจะอีกทางนึง ซึ่งเป็นทางที่พี่ลูกหาบอีกกลุ่มขึ้นมา ซึ่งจะไม่เห็นวิวแบบที่มา ส่วนระยะทางก็ ... ไกลเหมือนเดิม 5555 ปลายทางยังคงลุยน้ำเหมือนเดิม และเจอฝูงวัวเหมือนเดิม

หลังจากเดินถึงเราก็นั่งอิแต๊กไปที่รถ อาบน้ำ เก็บของ และกลับกรุงเทพฯ กัน : )) เวลา 2 วัน ผ่านไปไวจังเนอะว่าไหม

--- 07 : ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2 วัน 1 คืน ---

– ค่ารถไป-กลับ คิด 3 วัน 2 คืน (5,400 บาท / 10 คน) 540 บาท

– ค่าน้ำมัน (3,000 บาท / 10 คน) 300 บาท

– ค่าเจ้าหน้าที่อุทยาน (1,000 บาท / 10 คน) 100 บาท

– ค่าลูกหาบ 2 คน (คนละ 1,000 บาท ไป-กลับ แบกได้ 20 โล ใช้ 2 คน) 200 บาท

- ค่าคนนำทาง 1 คน (1,200 บาท ไป-กลับ) 120 บาท

- ค่ารถนำทางถึงจุดเริ่มเดินคันละ 200 บาท (ไป-กลับ ใช้ 2 คัน) 40 บาท

- ค่าเข้าอุทยาน 80 บาท

- ค่าบำรุงหมู่บ้าน (1,000 บาท / 10 คน) 100 บาท

- ค่าอาหารต่อคน 500 บาท

รวมแล้วประมาณ 1,980 บาท หรือ 2,000 บาทมีทอน

สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราเพิ่มเติมได้ที่

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร