เชื่อว่าหลายคนที่เพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นหนแรกๆ มักจะต้องใช้โตเกียวเป็นฐานทัพในการออกสตาร์ท เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในแดนปลาดิบกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะโตเกียวเป็นเมืองในญี่ปุ่นที่เที่ยวง่าย เดินทางง่าย สะดวกสบาย และยังมีที่เที่ยวหลากหลายอารมณ์ให้เลือกทั้งในตัวเมืองและรอบๆ ด้าน และเมื่อฤดูใบไม้เปลี่ยนสีใกล้เข้ามา หลายคนอาจจะคิดว่าโตเกียวไม่น่าใช่ตัวเลือกที่ดีในการชมธรรมชาติของฤดูกาลนี้ แต่เดี๋ยวจ้า อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะโตเกียวและจังหวัดรอบๆ ในภูมิภาคคันโตนี่ยังมีพื้นที่เด็ดๆ ในการชมสารพัดสีสันของต้นไม้ใบไม้ในฤดูนี้อีกเพียบ รับรองว่าอ่านจบแพลนเที่ยวญี่ปุ่นของทุกคนจะเปลี่ยนไป
แถมทั้งหมดยังคุ้มค่าเพราะว่าแค่คุณมี Tokyo Wide Pass ใบเดียวก็เที่ยวได้แล้วจ้า อาจจะต้องเสียค่ารถในการเดินทางเข้าไปยังที่ต่างๆ อีกเล็กน้อย แต่บอกเลยว่ายังไงก็คุ้มแน่นอน รีบมองหาโปรเด็ดๆ ของตั๋วเครื่องบินราคาโดนๆ จาก Traveloka แล้วมุ่งหน้าวางแพลนเที่ยวตามที่เราเอามาฝากกันได้เลย!
จองตั๋วเครื่องบินราคาดีๆ ไปญี่ปุ่น
หนึ่งในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่ในย่านชานกรุงโตเกียว เดินทางจากชินจูกุด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ด้วยความที่สวนแห่งนี้มีขนาดใหญ่ จึงมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเดินเล่น เช่าจักรยานขี่ชิลล์ๆ ชมวิวในสวน พายเรือ หรือพื้นที่สำหรับปิกนิกและบาร์บีคิวเค้าก็มีให้บริการนะ ไฮไลท์ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่คือแนวต้นแปะก้วยเกือบร้อยต้น ที่เรียงรายตลอดเส้นทางความยาวราวๆ 300 เมตร นอกจากนั้น ยังมีต้นเมเปิ้ลอีกกว่า 300 ต้น และต้นไม้ดอกไม้ที่หลากหลาย สวยได้ ชิลล์ได้ เดินทางง่ายด้วยนะ ดีงามจริงๆ
สวนสวยในย่านชานกรุงโตเกียวอีกหนึ่งแห่ง ที่อาจจะทำให้คุณลืมไปเลยว่ากำลังเดินอยู่ในเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นี่เป็นสวนเก่าแก่ซึ่งมีรูปแบบไม่เหมือนใคร ด้วยการผสมผสานระหว่างสวนแบบญี่ปุ่นโบราณ และสวนสวยคลาสสิกในแบบตะวันตกเข้าไว้ด้วยกัน ทุกพื้นที่ร่มรื่นสดชื่นตาไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์ แถมยังมีป่าไผ่และบ่อปลาคาร์พที่ให้บรรยากาศแสนสงบ ความสวยของที่นี่ยังโดดเด่นสะดุดตาจนได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมจากรัฐบาลญี่ปุ่นกันเลยด้วยนะ ไม่ต้องออกไปไหนไกลๆ ก็มั่นใจว่าใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะทำให้คุณว้าวได้ไม่แพ้ที่ไหนอย่างแน่นอน
สวนแห่งนี้นับเป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางกรุงโตเกียวอย่างฮาราจูกุ และขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมใบไม้แดงกลางเมืองที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของโตเกียวอีกด้วย ด้วยพื้นที่กว้างซึ่งหนาแน่นไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้แลนด์สเคปของที่นี่สวยสบาย ไม่อึดอัด และเพราะตั้งอยู่ในย่านกลางเมือง กิจกรรมของสวนนี้ที่คุณอาจจะได้พบ นอกจากการเดินเล่นชิลล์ๆ ชมวิวทิวทัศน์แล้ว คุณอาจจะได้ชมการแสดงดนตรีเปิดหมวก หรือตลาดขายของมือสองแบบคูลๆ อีกด้วยนะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีงาม เดินทางง่าย และให้ความคูลแบบครบครัน
จากกลางเมืองโตเกียวมาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยรถไฟ คุณจะได้มาสัมผัสธรรมชาติในบรรยากาศชานเมืองกันแบบเต็มๆ ที่นี่ โดยภูเขาทาคาโอะแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตของการมาเดินขึ้นเขาชมใบไม้แดงกันแบบสบายๆ จากสถานีรถไฟ คุณจะได้เดินเล่นชมเมืองซึ่งแวดล้อมไปด้วยภูเขาแบบชิลล์ๆ เดินไปชิมไปกับร้านรวงสารพัดที่อยู่รายทาง ก็จะพบกับกระเช้าไฟฟ้าที่จะพาคุณขึ้นสู่ด้านบนของภูเขา ที่นี่มีให้คุณชมทั้งธรรมชาติ วัดเก่าสไตล์ขรึมขลัง ร้านแผงลอยขายของที่ระลึก และจุดชมวิวแจ่มๆ ที่อยู่ด้านบนสุด เดินกันไปเลยเพลินๆ สบายๆ เที่ยวกันได้ทั้งวันไม่มีเซ็ง!
เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโตเกียว ด้านในแบ่งเป็นสวนสวยสามสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสวนแบบญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส แถมยังมีบริเวณเรือนกระจกสำหรับใช้ปลูกพืชเมืองร้อนได้อีกด้วย ด้วยความที่ตั้งอยู่ในย่านกลางกรุงโตเกียวอย่างชินจูกุ ที่นี่จึงมีหลายมุมซึ่งให้ความรู้สึกแปลกตา บางมุมก็ร่มรื่นจนเหมือนกับว่าคุณกำลังยืนอยู่ในป่านอกเมือง ในขณะที่บางมุมจะเห็นตึกสูงเสียดฟ้าซ้อนเป็นเลเยอร์อยู่ด้านหลังหมู่ต้นไม้ใหญ่นานาสีสัน เป็นบรรยากาศที่แปลกตาและควรค่าแก่การมาเยือนซักครั้งจริงๆ
คุซัทสึเป็นเมืองออนเซ็นที่มีบรรยากาศสบายๆ และปกคลุมไปด้วยควันบางๆ จากความร้อนของน้ำแร่ตามธรรมชาติอยู่เกือบตลอดทั้งปี แม้จุดเด่นกลางเมืองนี้จะอยู่ที่บริเวณ Yubatake ซึ่งเป็นบ่อน้ำแร่ขนาดใหญ่ แวดล้อมไปด้วยร้านรวงน่ารักสบายๆ ไม่ได้เป็นต้นไม้หนาแน่นหลากสีสันเหมือนในย่านอื่น แต่ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1,200 เมตร และแวดล้อมด้วยขุนเขา ทำให้เมืองนี้มีอากาศเย็นสบาย ยิ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีถือว่าเป็นฤดูที่เหมาะจะเดินชิลล์ที่นี่มาก อากาศเย็นๆ ให้คุณเดินเล่นสบายๆ เมื่อยเมื่อไหร่ก็แวะแช่เท้าในบ่อออนเซ็นที่มีให้บริการฟรีเป็นระยะๆ ได้เลย แฮปปี้จริงๆ
น้ำตกขนาดใหญ่เจ้าของฉายาไนแองการ่าของญี่ปุ่นแห่งนี้ เป็นน้ำตกที่มีรูปร่างแปลกตาแตกต่างจากที่อื่น เพราะเป็นสายน้ำกว้างถึง 30 เมตร ที่ไหลบ่าลงไปตามรอยแตกของหินความสูง 7 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมได้อย่างใกล้ชิด แถมน้ำตกสายนี้ยังไหลผ่านกลางขุนเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งจะเปลี่ยนสีสันแข่งกันละลานตาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี สวยเพอร์เฟ็คท์ด้วยฝีมือการจัดสรรของธรรมชาติขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่าในแต่ละปี ที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมุ่งหน้ามาเยือนกันมากกว่า 1 ล้านคน!
ไฮไลท์ของที่นี่คือการที่คุณจะได้ชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีไปพร้อมกับการชมดอกซากุระ!!! ใช่ ไม่ได้พิมพ์ผิดแต่อย่างใด เพราะที่นี่มีซากุระพันธุ์พิเศษที่จะเริ่มบานในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีไปจนถึงฤดูหนาวให้คุณดูได้จริงๆ โดยเจ้าซากุระพันธุ์นี้มีชื่อว่า Fuyu-zakura ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธุ์หายากที่มีให้ดูน้อยมากในญี่ปุ่น แต่ที่สวนนี้กลับมีให้คุณดูแบบแน่นๆ กว่า 7,000 ต้นกันเลยทีเดียว! ดูใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ที่นี่ก็ถือว่าคุ้มแล้ว แต่นี่มีซากุระสีขาวและชมพูกระจายตัวอยู่ท่ามกลางสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีไปอีก ขอบอกว่าเป็นความพีคในพีคที่ไม่ได้มีทุกที่ และไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เห็นกัน!
เป็นเมืองออนเซ็นท่ามกลางขุนเขา โดยมีออนเซ็นให้เลือกชมเลือกใช้กันได้หลากหลายรูปแบบ และมีออนเซ็นเก่าแก่สวยงามที่เป็นต้นแบบฉากหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังของสตูดิโอ จิบลิ เรื่อง Spirited Away อีกด้วย ด้วยความที่มีภูเขาล้อมรอบเอาไว้ ทำให้ที่นี่มีหลายมุมซึ่งคุณสามารถไปนั่งชิลล์แช่ออนเซ็นชมวิวใบไม้แดงกันได้แบบสุดจะเพลิน แถมยังมีหลายจุดที่เค้ามีบริการน้ำแร่ให้ดื่มกันได้ด้วยนะ ว่ากันว่าน้ำแร่ที่นี่มีคุณสมบัติแร่ธาตุแบบแน่นๆ ที่สามารถบำบัดรักษาอาการของโรคได้กว่า 4 หมื่นชนิด!! จริงไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่าสวย วิวดี และแฮปปี้แน่ๆ ถ้าได้ไป
เทือกเขาแห่งนี้สูงกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ถึง 1,977 เมตร เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในบริเวณใกล้โตเกียว และด้วยความสวยงามของธรรมชาติในบริเวณนี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งช้อยส์ยอดฮิตในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสี และเป็นสถานที่ยอดนิยมในการมาเทรกกิ้งของคนที่ชอบเดินเขา แต่ถ้าคุณเป็นสายขี้เกียจอย่างเราก็อย่าเพิ่งส่ายหน้าหนี เพราะที่นี่มีกระเช้าให้นั่งขึ้นไปชมความสวยของด้านบนภูเขาแบบสบายๆ เดินทางง่าย ใกล้โตเกียวเพียงแค่ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น แต่มันดี และเป็นอีกที่ที่ควรต้องมา!
หมู่บ้านเล็กๆ ในบรรยากาศเก่าแก่ ซึ่งเป็นหนึ่งจุดไฮไลท์ในการมาเยือนเมือง Minakami แห่งนี้ เป็นเมืองไม่ใหญ่แต่มีเสน่ห์ตรงที่แวดล้อมไปด้วยภูเขาและต้นไม้ ทำให้การดูใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ทำได้หลากหลายรูปแบบและมีหลายอารมณ์ให้เลือกชมกันเพลินๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งในหมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวบรวมงานฝีมืออันหลากหลายแห่งนี้ ซึ่งคุณจะมีโอกาสเดินเล่น ทำเวิร์คช็อป นั่งกินอาหาร เก็บผลไม้ ปั่นจักรยาน และบอกให้คุณมั่นใจไว้เลยว่า ที่นี่ชิลล์มากจ้าในทุกมุม!
เป็นอีกหนึ่งเส้นทางรถไฟในบรรยากาศสุดโรแมนติกที่อยู่ใกล้โตเกียวเพียงแค่เดินทางชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น และมั่นใจว่าหลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่ามี จริงๆ แล้วรถไฟเส้นนี้เที่ยวได้ในทุกฤดู เพราะมีสภาพภูมิประเทศที่สวยแน่นไปด้วยธรรมชาติหลากหลาย และแน่นอนว่าช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องดีงามไม่แพ้ใคร โดยรถไฟเส้นนี้เป็นขบวนสั้นๆ ที่เชื่อมต่อผ่านกันระหว่างเมืองคิริว จังหวัดกุนมะ และเมืองนิกโก้ จังหวัดโทชิกิ แนะนำเลยว่าใครเป็นสายรถไฟ อยากนั่งเพลินๆ ในบรรยากาศดีๆ ที่ไม่ไกลนักจากโตเกียว ควรต้องมา!
เรียกว่าถ้าเอ่ยชื่อจังหวัดนี้ ที่นี่ต้องติดโผมาแบบไม่มีพลิกความคาดหมาย เพราะมั่นใจว่าหลายคนคงเคยได้ไปหรือเคยได้ผ่านหูผ่านตากันมากับภาพทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนความสวยกันไปในทุกฤดูกาล และแน่นอนว่าหนึ่งในภาพจำอันติดตา ก็ต้องมีภาพทุ่งโคเชียกอกลมๆ สีแดง เขียว ส้ม แปลกตา ของที่นี่ติดมาด้วยอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งทิวทัศน์ที่หาดูได้จากไม่กี่ที่ และถ้ามีโอกาส เราก็ไม่อยากให้คุณพลาดที่นี่ไปจริงๆ
ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามติด 1 ใน 3 อันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น มีความสูงถึง 120 เมตร และกว้าง 37 เมตร ตัวน้ำตกแบ่งออกเป็น 4 ชั้นใหญ่ๆ ทำให้เกิดสายน้ำที่ไหลซ้อนกันลงมาเป็นชั้นๆ สวยอลังการแบบสุดๆ ไปเลยละ และขอบอกเลยว่าจริงๆ ที่นี่เที่ยวได้ตลอดทั้ง 4 ฤดู อย่างในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสายน้ำตกสีขาวแห่งนี้จะมีสีเหลือง แดง ส้ม เขียว รายล้อมกันชนิดละลานตา และในหน้าหนาวจะเปลี่ยนมาเป็นสายน้ำแข็งสีขาวใสที่มักมีผู้คนนิยมไปปีนป่ายกัน ใครชอบเห็นความสวยมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ไม่ควรพลาดที่นี่ด้วยประการทั้งปวง
ได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนคนเดินที่ยาวที่สุดในเกาะฮอนชู โดยสร้างพาดผ่านอยู่เหนือเขื่อนริวจิน ด้วยความยาว 375 เมตร สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เบียดกันอุดมสมบูรณ์ชนิดหนาแน่น ตัวสะพานสร้างสูงจากผืนน้ำเหนือเขื่อน 100 เมตร และเปิดให้ใครที่เป็นสายแอดเวนเจอร์ไปกระโดดบันจี้ จั๊มพ์ กันได้จากสะพานนี้ด้วยนะ และถือว่านี่คือจุดกระโดดบันจี้ที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย ที่นี่สวยแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล แต่ถ้าใครอยากเห็นวิวแน่นๆ ที่เต็มไปด้วยสีสัน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้นที่เป็นคำตอบของคุณ!
รูปจาก https://web.facebook.com/motherfarm.th/
หากคุณกำลังมองหาสถานที่บรรยากาศสบายๆ อยู่ไม่ไกลโตเกียว ในฟีลใกล้ชิดกับธรรมชาติและเหล่าสรรพสัตว์สุดน่ารักในรูปแบบของฟาร์มสุดชิลล์ ขอบอกว่านี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ และควรเก็บลงลิสต์ในแพลนเดินทางของคุณเอาไว้ได้เลย ที่นี่มีทุ่งหญ้ากว้างสลับกับต้นไม้ใหญ่ มีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ให้ได้เล่นกันเพลินๆ มีเวิร์คช็อปต่างๆ มากมาย มีทุ่งดอกไม้ให้ชมเกือบทั้งปี มีเมนูเด็ดๆ ให้ชิมกันเพียบ ทิวทัศน์ดีๆ ในอากาศเย็นสบายปลายปี ถ้าไม่มีเวลาไปเยือนฮอกไกโดในหน้าร้อนก็มาที่นี่ได้เลย รับรองว่าชิลล์ อ้อ … ช่วงปลายปีเค้ามีจัดงานแสดงไฟด้วยนะ โรแมนติกมากกก ควรไป
แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ในการชมใบไม้เปลี่ยนสี แต่ทิวทัศน์ของที่นี่ก็ยังถือว่าดึงดูดใจ ด้วยป่าไม้แน่นขนัด ที่ด้านหน้าเป็นท้องทะเลกว้างๆ ของอ่าวโตเกียว แถมในวันที่อากาศเป็นใจ คุณยังเห็นภูเขาไฟฟูจิและโตเกียวสกายทรีได้จากที่นี่อีกด้วยนะ ว่ากันว่าถ้าโชคดี คุณจะได้เห็นฟูจิถูกย้อมด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นเป็นสีชมพูอมส้ม จะไปยืนชมด้านบนแบบชิลล์ๆ หรือจะชมวิวจากบน Rope way ก็ถือว่าโรแมนติกได้โล่ห์ โอเคทั้งคู่จ้า เลือกเอาเลย
เมืองเก่าในจังหวัดชิบะแห่งนี้ อาจจะไม่ได้มีธรรมชาติที่ใหญ่โตหวือหวา แต่ถือว่าเป็นเมืองไซส์กะทัดรัดที่ยังคงความน่ารักในรูปแบบดั้งเดิมของเอโดะเอาไว้ เรียกว่าใครอยากได้ฟีลเดินชิลล์เรื่อยๆ สบายๆ เหมือนได้ย้อนเวลาไปในยุคอดีตของญี่ปุ่นน่ะ ที่นี่ถือว่าตอบโจทย์ที่คุณอยากได้ จะเลือกเดินเล่น หรือจะล่องเรือในคลองชมทิวทัศน์แบบสบายๆ ก็ถือว่าน่าสนใจทั้งนั้น รอบๆ เมืองยังมีเนินเขาเล็กๆ ให้คุณได้ชิลล์ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีกันแบบเบาๆ หากคุณมองหาแหล่งเดินเล่นสบายๆ ในวันอากาศดีๆ ที่ใกล้โตเกียว ปักหมุดเอาไว้เลย
รูปจาก http://www.overlander.co.jp/en/theme/20160717134952.html
เป็นหนึ่งเส้นทางรถไฟในบรรยากาศสุดมุ้งมิ้งที่คนรัก Moomin ต้องมีกรี๊ด เพราะนอกจากความสวยงามของทิวทัศน์สองข้างทางที่คุณจะได้ชมกันไปแบบเพลินๆ แล้ว เส้นทางนี้ยังมีบริการขบวนรถไฟสายมูมิน ที่ตกแต่งทั้งขบวนด้วยความน่ารักของเจ้ามูมินและเหล่าผองเพื่อนทั้งหลาย แม้ว่าความพีคในเส้นทางนี้จะมีคนยกให้ทิวทัศน์ของดอกไม้แสนสวยในช่วงฤดูใบไม้ผลิมาแบบยืนหนึ่ง แต่ด้วยความแน่นของต้นไม้และเนินเขาที่มีอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเส้นทางนั้น ก็ทำให้เราเชื่อว่า ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็น่าสนใจไม่แพ้กันแน่นอน
ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของ Chichibu Tama Kai National Park ที่กินพื้นที่ถึง 4 จังหวัด ได้แก่ Yamanashi, Saitama, Nagano และ Tokyo ด้วยความสวยของที่นี่ทำให้กลายเป็นหนึ่งเส้นทางเดินเขายอดนิยม ซึ่งคุณจะได้ชมทั้งความงามของธรรมชาติป่าไม้ไปบนเส้นทางเดินที่เลาะเลียบริมแม่น้ำ และนักเดินทางยังจะได้ชมความงามของน้ำตก Sengataki ที่อยู่ด้านบนอีกด้วย สวยขนาดนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะถือว่าเป็นช่วงเวลาสุดพีค ใครเป็นสายธรรมชาติ แนะนำว่าพลาดที่นี่ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงจริงๆ
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่นถือว่าเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เต็มไปด้วยสถานที่สวยตรึงตาและน่าประทับใจ หวังว่าเหล่าบรรดาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียวซึ่งเราเอามาฝากกันจะทำให้คุณแฮปปี้ เพราะแม้จะอยู่ใกล้กับความสะดวกสบายอันแสนคึกคักของเมืองหลวงแห่งนี้ คุณก็ยังคงมีโอกาสได้ชมความสวยงามของธรรมชาติในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบสบายๆ เดินทางง่าย และไม่ไกลจากโตเกียวเลย ลองเคลียร์ตารางหาวันว่างซักวันสองวัน ไปเดินชิลล์ชมความงามที่จะมีให้ได้เห็นกันเพียงหนึ่งครั้งในหนึ่งปี แล้วทริปเดินทางครั้งนี้ของคุณจะครบรสและเต็มตาไปกับสีสันมหัศจรรย์ของธรรมชาติมากกว่าที่คาดไว้ เชื่อเรา!