เชื่อว่าหลายคนฝันไว้ว่าชีวิตนี้ต้องไปเที่ยวฝรั่งเศสกันให้ได้ซักครั้ง! เพราะนี่คือประเทศที่งดงามสุดๆ ตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงธรรมชาติในชนบทเลยเชียวละ วันนี้เราเลยขอเอาแพลนเที่ยวซึ่งรวมทั้งที่เที่ยวปารีสและที่เที่ยวฝรั่งเศสในเมืองใกล้เคียงมาฝากกัน ที่สำคัญคืออยากชวนให้ลองนั่งเครื่องบินแบบสบายๆ ด้วยการใช้บริการ Business Class ในระหว่างการเดินทางกันดูซักครั้งนะ เดี๋ยวนี้เราเดินทางแบบไฮโซได้ในราคาที่คนทำงานทั่วไปก็เอื้อมถึงกันแล้วจ้า ไม่เชื่อลองไปส่องราคาตั๋วเครื่องบินในแอพ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ดูเลยน้า รับรองว่าราคาดีไม่มีจกตาอย่างแน่นอน!
สำหรับการเดินทางยาวๆ อย่างการไปเที่ยวฝรั่งเศสซึ่งต้องใช้เวลาบินตรงถึงประมาณ 12 ชั่วโมงแบบนี้ บอกเลยว่าถ้าอยากลงเครื่องแล้วเที่ยวกันต่อได้สบายๆ แบบไม่อ่อนเพลียนะ แนะนำให้บิน Business Class กันไปเลยจ้า แม้หลายคนอาจจะรู้สึกว่าราคาสูงซักหน่อยนะ แต่ข้อดีที่มีก็ถือว่าคุ้มค่าเลย ตั้งแต่การมีช่องทางพิเศษให้เช็คอินได้แบบไม่ต้องรอนาน หลายสายการบินยังมีบัตร Fast Track ให้เราเข้าถึงช่อง ตม. ที่ประเทศปลายทางได้เร็วกว่าปกติด้วยเด้อ ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ยังไปนั่งชิลล์ในเล้าจน์ของสายการบินได้ ระหว่างเดินทางก็ยังมีมื้ออาหารหรูหราทั้งคาวหวานสารพัด ซึ่งส่วนใหญ่จะเสิร์ฟกันถึง 3 คอร์สไปเลยจ้า แถมยังเลือกเวลาเสิร์ฟอาหารได้ตามที่เราสะดวกด้วยนะ และที่สำคัญคือที่นั่งซึ่งกว้างขวางสะดวกสบาย ส่วนใหญ่ก็เอนนอนได้แบบชิลล์ๆ 180 องศาไปเลยจ้า จะลุกเข้าห้องน้ำก็แสนจะง่ายไม่ต้องไปรบกวนคนข้างๆ ให้ลำบากใจ กินอิ่มนอนอุ่นเบอร์นี้ เมื่อเครื่องแลนดิ้งถึงจุดหมาย เราจึงไปเที่ยวกันต่อได้แบบไม่เพลียเพราะอดนอนเลยละ ถ้าสนใจ แนะนำให้ลองเข้าไปส่องตั๋วเครื่องบินฝรั่งเศสแบบ Business Class กันได้จากแอพ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ดูนะ เค้ามีโปรราคาดีให้สอยกันอยู่บ่อยๆ เลยจ้า บอกเลยว่าเป็นราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้แบบไม่ไกลเกินฝันด้วยละ แล้วยังมีให้เลือกหลายสายการบินเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น Finnair Business Class / Qatar Airways Business Class หรือ Thai Airways Business Class และอื่นๆ อีกมากมาย ใครเป็น FC สายการบินไหนก็ไปจัดกันได้เลยจ้ะ อ่ะ…พร้อมแล้วก็ไปส่องที่เที่ยวฝรั่งเศสกับแพลนเที่ยวเด็ดๆ ที่เราเอามาฝากกันได้เลย!
เปิดประเดิมวันแรกของแพลนเที่ยวปารีสกันแบบสบายๆ ด้วยการไปเดินชมชิ้นงานล้ำค่ามากมายกันใน Musée du Louvre ซึ่งนับเป็นไฮไลท์ของที่เที่ยวฝรั่งเศส และเป็นแหล่งเช็คอินที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวปารีสเลยจ้า ด้านในนั้นเต็มไปด้วยชิ้นงานศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้มากมาย ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คงต้องยกให้กับรูปภาพโมนาลิซ่านี่ละ เรียกว่าถ้ามาเที่ยวฝรั่งเศสแล้วไม่ได้เห็นรูปนี้ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเลยเด้อ ลูฟวร์นั้นได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยนะ ที่นี่จึงมีชิ้นงานสวยๆ ที่เดินดูกันทั้งวันก็แทบจะไม่ทั่วเชียวละ ทั้งชิลล์ทั้งเพลินมากจ้ะ บอกเลย
ค่าเข้าชม: €17 (บัตรเข้าชมแบบออนไลน์) / €15 (ราคาตั๋วหน้าพิพิธภัณฑ์ อาจมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในบางช่วง)
เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. เฉพาะวันศุกร์ 09.00 - 21.45 น.
หลังจากไปเดินชมงานศิลปะระดับโลกกันแบบจุใจ ลองไปปิดท้ายวันกันแบบสบายๆ ชมไฮไลท์ที่เที่ยวปารีสเด็ดๆ แบบไม่ต้องเมื่อย ด้วยการล่องเรือ Bateaux Mouches รับลมชมวิวแบบชิลล์ๆ กันดีกว่า แม้ในปารีสจะมีเรือนำเที่ยวหลายบริษัทให้เลือกใช้ แต่ Bateaux Mouches นั้นนับเป็นกิจการเรือนำเที่ยวที่เก่าแก่ที่สุดของปารีสเลยนะ จริงๆ แล้วเค้ามีรูปแบบการล่องเรือให้เลือกมากมาย แต่ที่ยอดฮิตก็คือการใช้เวลา 1 ชั่วโมง ล่องเรือชมความสวยจากท่าเรือหอไอเฟลไปยังท่าเรือนอร์เทรอดามพร้อมบริการคำบรรยายถึง 10 ภาษา เป็นการเที่ยวปารีสที่ชิลล์มากนะ อยากให้มาลองดูซักที
ค่าบริการล่องเรือชมวิว : เริ่มต้นที่คนละประมาณ €15
เวลาเปิดให้บริการ: - ช่วง Low Season (ตุลาคม - มีนาคม) ประมาณ 10.00 - 21.00 น. (เรือออกทุกชั่วโมง)
- ช่วง High Season (เมษายน - กันยายน) 10.15 - 23.00 น. (เรือออกทุก 45 นาที และทุก 30 นาที
ตั้งแต่ 15.30 น. เป็นต้นไป)
วันที่สองของทริปเที่ยวฝรั่งเศส ขอชวนออกเดินทางไปเช็คอินอีกหนึ่งพิกัดเด็ดใกล้ๆ ปารีสอย่างเมือง Rouen กันดูจ้า รูอ็องนั้นอยู่ห่างจากปารีสราวๆ 136 กิโลเมตร และสามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์และรถไฟเลยนะ และเพราะในอดีต ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้น Normandy ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามอลังการ นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของจิตรกรผู้โด่งดัง Claud Monet ด้วยจ้ะ ไฮไลท์ที่เที่ยวฝรั่งเศสของเมืองนี้จะมีอะไรบ้างน่ะ ไปดูกัน
เริ่มจาก Rouen Cathedral ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิหารที่มีความสูงที่สุดของฝรั่งเศส และยังเคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดของโลกในช่วงปี ค.ศ.1876 - 1880 เลยนะ มหาวิหารสไตล์กอธิกแห่งนี้มีความสูงถึง 151 เมตร และใช้เวลาสร้างหลายร้อยปี ด้านในเป็นสถานที่เก็บร่างบุคคลสำคัญมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือหลุมที่ฝัง ‘หัวใจ’ ของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ อดีตกษัตริย์อังกฤษผู้โด่งดังนั่นเองจ้ะ เป็นหนึ่งแลนด์มาร์คที่สายประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวฝรั่งเศสกัน
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการโดยประมาณ: วันจันทร์ 14.00 - 18.00 น. อังคาร - อาทิตย์ 9.00 - 12.00 น. และ 14.00 - 18.00 น.
พิกัดต่อไปได้แก่ Le Gros Horloge Astronomical Clock หอนาฬิกาโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 เป็นหอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่สร้างคร่อมถนน Place du Vieux Marche เอาไว้ ตัวหอนาฬิกางดงามด้วยศิลปกรรมสไตล์กอธิกผสานเรอเนสซองส์ นับเป็นแลนด์มาร์คที่หากมาเที่ยวฝรั่งเศสในเมืองรูอ็องแล้วต้องแวะเช็คอินให้ได้เชียว
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: 24 ชั่วโมง
เมืองรูอ็องนั้นมีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์หลากหลายมุม และหนึ่งในนั้นก็คือการเป็นเมืองซึ่งเป็นที่ประหารชีวิต โจน ออฟ อาร์ค ซึ่งเป็นวีรสตรีของฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกนั่นเองจ้า หลังจากเป็นผู้นำทหารฝรั่งเศสในการออกรบจนสามารถขับไล่ทหารอังกฤษซึ่งเข้ามารุกรานออกไปได้ เธอกลับถูกตัดสินว่าเป็นพวกนอกศาสนาจนโดนเผาทั้งเป็น ซึ่งบริเวณที่เธอถูกเผานี่ละ ได้กลายเป็นที่ตั้งของ Church of St.Joan of Arc ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1979 ด้วยสถาปัตยกรรมแปลกตาที่แลดูคล้ายหมวกเหล็กของทหารโบราณ นี่คืออีกหนึ่งพิกัดสำคัญของแพลนเที่ยวเมืองนี้ที่ไม่ควรพลาดเลย
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: วันจันทร์ - เสาร์ 9.30 - 17.00 น. วันอาทิตย์ 10.00 - 13.00 น. และ 14.00 - 18.00 น.
เมื่อมาถึงเมืองนี้ พิกัดหนึ่งซึ่งต้องลงไว้ในแพลนเที่ยวแบบพลาดไม่ได้ก็คงเป็น Place du Vieux Marche ย่านศูนย์กลางเมืองซึ่งรายล้อมไปด้วยอาคารน่ารักๆ ในสถาปัตยกรรมยุคกลางที่งดงามเหมือนเดินอยู่ในเมืองนิทานเลยละ ทุกวันนี้ย่านนี้กลายเป็นสถานที่รวมร้านอาหาร ร้านค้า คาเฟ่ และอื่นๆ อีกมากมายเลยน้า อย่าลืมเผื่อเวลามาเดินเที่ยวกันเด้อ
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: ประมาณ 11.00 - 23.00 น.
ชมความน่ารักของเมือง Rouen กันเสร็จสรรพ ก็ขอชวนมุ่งหน้าไปเที่ยวฝรั่งเศสกันต่อที่เมือง Deauville เมืองสุดชิลล์ชายทะเลที่อยู่ห่างออกไปประมาณเกือบสองชั่วโมง เผื่อเวลาไปให้ทันเดินเล่นชมบรรยากาศโรแมนติกของพระอาทิตย์ตกริมทะเลกันด้วยนะ รับรองว่าจะฟิน!
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: 24 ชั่วโมง
เมือง Deauville นั้นเป็นหนึ่งในที่เที่ยวฝรั่งเศสซึ่งโด่งดังในฐานะเมืองตากอากาศบรรยากาศสบายๆ อาคารบ้านเรือนก็น่ารักเหมือนเมืองในนิทานที่ตั้งอยู่ริมทะเล ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองนี้จึงเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบาย ร้านอาหารและที่พักส่วนใหญ่ก็เปิดให้บริการกันเกือบตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ เมืองนี้จึงเหมาะกับการมาเดินเล่นหรือหาแบ็คกราวนด์ถ่ายรูปเก๋ๆ รวมถึงแวะกินซีฟู้ดสดๆ ริมทะเลซักมื้อก็ไม่เลวเชียวละ ใส่ลงแพลนเที่ยวเอาไว้ได้เลยจ้า เชื่อว่าหลายคนติดใจแน่นอน
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: 24 ชั่วโมง
จากบรรยากาศสุดชิลล์ของเมืองริมทะเล ก็ได้เวลาเดินทางไปเช็คอินพิกัดต่อไปในแพลนเที่ยวของเรา นั่นก็คือ Mont Saint Michel ซึ่งนับเป็นหนึ่งในที่เที่ยวฝรั่งเศสซึ่งพลาดไม่ได้เลยละ ด้วยรูปแบบเหมือนปราสาทในเทพนิยายบวกกับทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่บนเกาะกลางทะเล ทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทั้งทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมจากองค์การยูเนสโก้ และยังได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกตะวันตกอีกด้วยนะ มาเที่ยวฝรั่งเศสเมื่อไหร่ห้ามพลาดเชียวละ ไม่งั้นรับรองว่าต้องเสียดาย!
ค่าเข้าชม: €11
เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 10.00 - 18.00 น.
เมือง Nantes คือพิกัดเที่ยวฝรั่งเศสจุดต่อไปที่อยู่ห่างจาก Mont Saint Michel มาประมาณสองชั่วโมง ด้วยความน่ารักของบรรยากาศและสถาปัตยกรรมโบราณที่น่าสนใจ ทำให้นิตยสารไทม์ยกให้เมืองนี้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในยุโรปประจำปี 2004 เลยจ้า ไปดูดีกว่าว่าเมืองนี้มีดีอะไร!
ออกสตาร์ทแพลนเที่ยวเมือง Nantes กันที่ Château of The Dukes of Brittany ที่นี่เป็นปราสาทเก่าแก่ซึ่งเคยถูกใช้งานมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 13 - 16 ซึ่งใช้เวลาฟื้นฟูปรับปรุงนานถึง 15 ปี ก่อนจะมีการเปิดให้เข้าชมกันได้ ด้านในเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีข้าวของโบราณ ซึ่งจัดแสดงผ่านการนำเสนอที่ทันสมัย สายพิพิธภัณฑ์ต้องเดินเพลินเชียวละ ใส่ลงแพลนเที่ยวไว้ได้เลย
ค่าเข้าชม: บริเวณสวนและป้อมปราการเข้าชมฟรี ส่วนพิพิธภัณฑ์มีค่าบริการคนละ €8
เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 17.00 น. พิพิธภัณฑ์เปิด 10.00 - 18.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Les machines de l'ile หรือ The Machines of the Isle of Nantes เป็นที่เที่ยวฝรั่งเศสที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงเมืองนี้เลยนะ ที่นี่เป็นพิกัดสุดเจ๋งซึ่งเหมือนการรวมเอาสวนสนุก เทคโนโลยี และชิ้นงานศิลปะมาไว้รวมกัน ด้วยการจัดแสดงเหล่าหุ่นยนต์ซึ่งมีรูปร่างคล้ายสัตว์ขนาดยักษ์สารพัดชนิด ไม่ว่าจะเป็นช้างสูง 12 เมตร หรือนกยักษ์ซึ่งบินไปมาได้ นอกจากนั้นยังมีม้าหมุน Marine Worlds สูงเกือบ 25 เมตร ซึ่งด้านในมีหุ่นยนต์สัตว์ทะเลสารพัดรูปแบบให้ชมกัน หุ่นยนต์ส่วนใหญ่นั้นเปิดให้เราเข้าไปนั่ง ชม หรือสัมผัสกันได้อย่างใกล้ชิดเลยนะ นับเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และต้องใส่ลงแพลนเที่ยวเอาไว้อีกเช่นกัน!
ค่าเข้าชม: เริ่มต้นที่ €8.50
เวลาเปิดให้บริการ: แต่ละเดือนจะมีการให้บริการในวันและเวลาที่ต่างกันไป สามารถเช็คได้ก่อนเข้าชมที่ https://www.lesmachines-nantes.fr/en/practical/opening-hours/
จาก Nantes เรามุ่งหน้ากลับมานอนที่ปารีสกันหนึ่งคืน เพื่อตื่นเช้ามาเดินชิลล์เที่ยวปารีสกันสบายๆ ซักวันเป็นการพักผ่อนแบบไม่ต้องเดินทางไกล เริ่มจากการไปชมงานศิลปะสวยๆ ใน Musee D’orsay อดีตสถานีรถไฟโบราณอันงดงามซึ่งกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะกว่า 2,000 ชิ้น ทั้งภาพวาด งานแกะสลัก และชิ้นงานประติมากรรมมากมาย เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่มาเที่ยวปารีสเมื่อไหร่ก็ควรต้องลงแพลนเที่ยวเอาไว้เลย
ค่าเข้าชม: บัตรเข้าชมแบบออนไลน์ €16 (รอคิวเข้าชมไม่เกิน 30 นาที) หรือ €14 เมื่อซื้อบัตรเข้าชมหน้าพิพิธภัณฑ์
เวลาเปิดให้บริการ: วันอังคาร - อาทิตย์ 9.30 - 18.00 น. วันพฤหัสบดีเปิดถึง 21.45 น. (ปิดวันจันทร์)
ออกจากการเดินเสพงานศิลป์ในพิพิธภัณฑ์ ก็ได้เวลาไปเช็คอินไฮไลท์ยืนหนึ่งของพิกัดเที่ยวปารีสและที่เที่ยวฝรั่งเศสอย่าง Eiffel Tower กันต่อเลยจ้า เมื่อเอ่ยถึงการมาเที่ยวฝรั่งเศสทั้งที ไม่มีที่นี่ลงแพลนเที่ยวไว้ถือว่าผิดเชียวละ หอไอเฟลไม่ได้เป็นแค่แลนด์มาร์คสำคัญเท่านั้นนะ แต่ถือว่าเป็นโลโก้ของฝรั่งเศสก็ว่าได้ จะมาเช็คอินตอนไหน ไม่ว่าจะเป็นเช้า สาย บ่าย เย็น หรือค่ำ ก็จะได้สัมผัสความงดงามในบรรยากาศที่ต่างกันไป ไปเที่ยวฝรั่งเศสเมื่อไหร่ ต้องแวะให้ได้เชียว
ค่าเข้าชม: ฟรี หากต้องการขึ้นไปชมด้านบนหอไอเฟล ค่าบริการเริ่มต้นที่ €17.10
เวลาเปิดให้บริการ: ด้านบนหอไอเฟล เปิดให้บริการตั้งแต่ 9.30 - 22.45 น.
ช่วงบ่าย ขอชวนไปเดินเล่นกันในย่าน Montmartre ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งย่านสุดชิคที่มาเที่ยวปารีสแล้วต้องมาเช็คอินกัน ย่านนี้เป็นแหล่งรวมของบรรดาศิลปินมากมาย รวมถึงยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่เก๋ๆ แบบแน่นๆ เลยนะ ช่วงกลางคืนย่านนี้ยังเต็มไปด้วยไนท์คลับ ผับ บาร์ อีกมากมาย หนึ่งพิกัดที่น่าแวะไปก็คือการไปชมโชว์แบบปารีสขนานแท้กันที่ Moulin Rouge จ้า เรียกว่าเป็นย่านที่มาเดินเล่นกันได้ยาวๆ ตั้งแต่กลางวันยันดึกกันเชียวละ ถ้าอยากสัมผัสกลิ่นอายแบบปารีสอย่างเต็มที่ก็ห้ามพลาดย่านนี้เลยน้า ปักหมุดลงแพลนเที่ยวไว้เลยจ้า เชื่อว่าใครมาก็เพลิน
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: 24 ชั่วโมง
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่เที่ยวปารีสของย่านมงมาร์ต ก็คือ The Basilica of Sacre-Coeur ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองปารีสกันเลยละ มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 129 เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1875 และใช้เวลาสร้างเกือบ 40 ปีเชียวนะ นอกจากจะเป็นศาสนสถานแล้ว ที่นี่ยังเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงบรรดาทหารฝรั่งเศสซึ่งพลีชีพในสงครามกับเยอรมนีในช่วงปี ค.ศ.1870 - 1871 ด้วยจ้ะ ด้านในงดงามอลังการเลยละ เดินชมเสร็จแล้วอย่าลืมมาชิลล์กับวิวพระอาทิตย์ตกของเมืองปารีสที่ด้านหน้ามหาวิหารด้วยนะ บอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ เลย
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 6.00 - 22.30 น.
หลังจากพักเที่ยวปารีสชิลล์ๆ กันไปหนึ่งวัน ก็ขอชวนไปเพลินกันแบบจุกๆ ในแคว้น Alsace โดยเริ่มที่ Strasbourg เมืองมรดกโลกสุดน่ารักซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยเหมือนเมืองในนิทานจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และนับเป็นหนึ่งในพิกัดเที่ยวฝรั่งเศสอันโด่งดังเชียวละ ยิ่งใครมาช่วงหน้าหนาวยิ่งได้อารมณ์เหมือนอยู่ในเทพนิยาย เพราะบ้านเรือนย้อนยุคสุดน่ารักจะปกคลุมไปด้วยสีขาวของหิมะ ที่นี่ยังมีตลาดนัดคริสต์มาสให้ช้อปปิ้งข้าวของกันได้อย่างจุใจด้วยนะ ใครมาช่วงนั้นแนะนำให้นอนค้างกันซักคืนจ้า รับรองว่าฟินแน่นอน
เดินทางต่อมาอีกประมาณ 76 กิโลเมตร ก็จะมาถึงอีกพิกัดเด็ดที่มาเที่ยวฝรั่งเศสแล้วควรต้องมา เมือง Colmar คืออีกเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาคารสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่ยังค่อนข้างสมบูรณ์มาก นอกจากจะเต็มไปด้วยบรรยากาศเหมือนเมืองในนิทานอันแสนน่ารักแล้วนะ รอบๆ เมืองกอลมาร์ยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมอีกด้วยจ้า และเพราะมีลำคลองมากมาย การเที่ยวชมเมืองนี้จึงทำได้ทั้งการเดินและล่องเรือเลยน้า ใครตามหาที่เที่ยวฝรั่งเศสที่ทั้งชิลล์ทั้งโรแมนติกสุดๆ อยู่น่ะ ต้องปักหมุดที่นี่เอาไว้เลย
ห่างออกไปอีกไม่ถึง 15 กิโลเมตร คืออีกหนึ่งที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวฝรั่งเศสซึ่งอยากให้แวะมา นั่นคือเมือง Riquewihr ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านสีสันสดใสในรูปแบบโบราณ มีถนนปูหินสุดคลาสสิกให้เดินชมเมืองหรือแวะช้อปแวะนั่งชิมอาหารกันในบรรยากาศแสนสบาย แถมยังมีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปกันได้แบบจุกๆ ไปเลยจ้า ลงแพลนเที่ยวเอาไว้ได้เลยน้า นี่เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่เชื่อว่าใครได้มาก็ต้องติดใจ
ถ้ายังพอมีเวลา อยากให้ลองลงแพลนเที่ยวเมือง Ribeauville เอาไว้ด้วยนะ เพราะเมืองนี้อยู่ห่างจาก Riquewihr ไปแค่ประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้นเองจ้ะ ถ้าใครหลงใหลการได้เดินชมเมืองเก่าที่น่ารักเหมือนอยู่ในนิทาน รอบด้านเต็มไปด้วยอาคารสไตล์ Timber Framing ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากทางเยอรมันคล้ายๆ กันกับอีกหลายเมืองในละแวกนี้ แล้วอยากมีเวลาชื่นชมให้เต็มที่นะ ลองวางแพลนเที่ยวเผื่อเวลาเอาไว้ซัก 2 - 3 วันเพื่อเที่ยวโซนนี้โดยเฉพาะก็เริ่ดจ้า รับรองว่าจะเป็นทริปเที่ยวฝรั่งเศสที่ได้แฮปปี้กันแบบเต็มตาเต็มอารมณ์อย่างแน่นอน
หลังจากไปตะลุยนอกเมืองกันมาแบบจุใจ ก็ได้เวลากลับมาเช็คอินไฮไลท์ที่เที่ยวปารีสกันต่อเป็นการส่งท้าย เริ่มวันด้วยการมุ่งหน้าไปเยือน Versailles Palace ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพิกัดเด็ดที่มาเที่ยวฝรั่งเศสแล้วต้องแวะไปให้ได้เชียวละ ที่นี่คือที่ประทับหลักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นสวนด้านนอก ตัวพระราชวัง หรือการตกแต่งด้านในของที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่ยิ่งใหญ่ งดงาม ตระการตา ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็หรูหราล้ำค่าไปหมดเชียวละ นี่คือหนึ่งในที่เที่ยวฝรั่งเศสซึ่งต้องมาเช็คอินกันให้ได้เชียวนะ ใส่แพลนเที่ยวเอาไว้เลยจ้า บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ
ค่าเข้าชม: ราคาเริมต้นที่ €19.50
เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 9.00 - 18.30 น.
ปิดท้ายวันกันด้วยบรรยากาศแสนสบาย กับการไปเดินเล่นแถวสะพาน Pont Alexandres อีกหนึ่งที่เที่ยวปารีสที่โรแมนติกสุดๆ ในช่วงยามเย็น ว่ากันว่านี่เป็นสะพานที่สวยที่สุดของกรุงปารีสเลยเชียวละ กลางวันก็ว่าสวยแล้ว แต่กลางคืนที่มีการเปิดไฟถนนประดับประดา ยิ่งตื่นตาตื่นใจและโรแมนติกสุุดๆ ไปเลยนะ แวะมาเดินเล่นกันได้แบบสุดชิลล์เลยจ้า อย่าลืมลงแพลนเที่ยวปารีสเอาไว้ด้วยเลย
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: 24 ชั่วโมง
Arc de Triomphe หรือประตูชัยฝรั่งเศส เป็นอีกหนึ่งพิกัดเด็ดซึ่งนอกจากจะเป็นที่เที่ยวปารีสแล้วนะ ยังเปรียบเสมือนอีกหนึ่งโลโก้ของฝรั่งเศสเค้าเลยจ้า ที่เก๋ก็คือตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของถนนถึง 12 สายในปารีสเลยด้วยนะ โดยสร้างขึ้นเพื่อสดุดีและระลึกถึงเหล่าทหารฝรั่งเศสที่เสียชีวิตในหลายสมรภูมิสงครามจ้ะ มาเที่ยวฝรั่งเศสเมื่อไหร่ต้องแวะมาเช็คอินกันให้ได้เชียวละ ไม่งั้นก็เหมือนยังมาไม่ถึงประเทศนี้เด้อ
ค่าเข้าชม: €13 (ค่าเข้าชมด้านใน) เปิดให้เข้าชมได้ฟรีทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - มีนาคม
เวลาเปิดให้บริการ: สามารถชมด้านนอกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านในประตูชัยเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 10.00 - 23.00 น.
ปิดท้ายทริปเที่ยวฝรั่งเศสกันด้วยการไปเดินเล่นในย่านถนน Champs Elysees ซึ่งเป็นแหล่งรวมห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และสารพัดช็อปสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังทั้งหลาย จะมาเดินเพลินๆ ก็ได้ หรือจะมาช้อปกระจายรายได้ให้จุใจก็เชิญเลยจ้า จะกลับบ้านแล้วนี่นะ จัดเต็มไปเลย!
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาเปิดให้บริการ: ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 10.00 - 20.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/VABu4PtQpw9Mio918
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นที่เที่ยวในดวงใจของนักเดินทางจากทั่วโลกเสมอมา ที่เที่ยวฝรั่งเศสส่วนใหญ่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่งดงามโรแมนติกแบบไม่แพ้ใครเลยนะ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องปักหมุดมาเที่ยวฝรั่งเศสกันให้ได้จริงๆ จ้า อยากมาถึงแบบแสนจะสบาย อย่าลืมหาประสบการณ์เดินทางดีๆ จากการจองตั๋วเครื่องบินฝรั่งเศสแบบ Business Class กับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ดูนะ เค้ามีทั้งส่วนลดและโปรเด็ดๆ มาให้ใช้กันรัวๆ เลยจ้า เดี๋ยวนี้การบิน Business Class นั้นเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไปแล้วนะ บินสบาย ไปถึงแล้วเที่ยวต่อได้แบบไม่เพลียด้วยละ บอกเลยว่ามันดีกว่าจริงๆ!