ฮานอย คือเมืองหลวงของเวียดนามซึ่งเดินทางง่ายและเที่ยวได้สนุกไม่แพ้เมืองไหนเลยนะ จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครต่อใครต่างก็มีแพลนไปเที่ยวฮานอยกันตลอดเวลา ถ้าไม่เชื่อก็แค่ลองพิมพ์หาว่า ‘เที่ยวฮานอย 3 วัน 2 คืน pantip’ ดูได้เลยจ้ะ รับรองว่ามีให้เลือกอ่านกันแบบสะใจ วันนี้เราเลยขออาสามานำเสนอแพลนเที่ยวฮานอยในสไตล์ประหยัดแต่เที่ยวได้แบบจัดหนักครบทุกไฮไลท์กันดูบ้าง ถ้าสนใจ ลองจองตั๋วเครื่องบินฮานอยกับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ที่มีโปรสุดปังให้เลือกมากมาย แล้วไปเที่ยวฮานอยชิลล์ๆ แบบงบไม่บานปลายกันได้เลย
แพลนเที่ยวฮานอย 3 วัน 2 คืน แบบประหยัด
วันที่ 1
ออกสตาร์ทวันแรกกับพิกัดที่ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ไปเที่ยวฮานอยแล้วห้ามพลาด นั่นก็คือพื้นที่เมืองเก่าอายุกว่า 600 ปี อย่าง Hanoi Old Quarter ซึ่งถือเป็นโซนหลักที่มีทุกสิ่งให้นักท่องเที่ยวเลือกสรร ที่สำคัญก็คือย่าน Pho Phuong หรือย่านถนน 36 สาย ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีข้าวของเครื่องใช้สารพัดสารพันให้เลือกซื้อหาติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอย่างจุใจ อยากได้ของฝากของที่ระลึกแบบไหนก็มาช้อปกันได้ตรงนี้เลยจ้า หรือจะมาเล็งร้านและราคาไว้ก่อนก็ได้ เปิดทริปเที่ยวฮานอยด้วยการไปช้อปปิ้งนี่ละ หลังจากนี้จะได้เที่ยวกันแบบเต็มที่ เพราะยังไงก็มีของฝากคนทางบ้านครบแล้วไง!
ย่านเมืองเก่าของฮานอยนั้น นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านรวงให้ช้อปปิ้งกันแบบจุใจแล้ว และแวกนี้ยังเต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านสตรีทฟู้ดสารพัดรูปแบบให้แวะไปชิมไปชิลล์กันได้ นี่จึงเป็นย่านที่เหมาะจะไปหาของอร่อยกินกันแบบจัดหนักเลยละ ใครมาเที่ยวฮานอยคนเดียวก็อาจจะเซ็งหน่อยนะ เพราะน่าจะได้ชิมของอร่อยน้อยกว่าการมีเพื่อนมาแชร์เมนูเด็ดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารว่าง อาหารหลัก ของหวาน เครื่องดื่ม ก็มีให้จัดหนักกันได้แบบจุกๆ เลยจ้า ใครเป็นสายกินต้องปักหมุดมาโดนให้ได้เลย
อิ่มท้องกันแล้ว ก็ขอชวนแวะมาเช็คอินหนึ่งไฮไลท์เด็ดของที่เที่ยวฮานอยอย่างวัด Ngoc Son วัดเล็กๆ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม วัดนี้สร้างขึ้นในช่วงราวศตวรรษที่ 18 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์จีนสวยงาม ด้านในมีวิหารและแท่นบูชาเทพเจ้าให้เราได้กราบไหว้ขอพรกัน นอกจากนั้นยังมีห้องแสดงตะพาบยักษ์ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในทะเลสาบฮว่านเกี๋ยมที่ถูกสตัฟฟ์เอาไว้ให้เราแวะชมกันได้ด้วยละ วัดนี้มีสัญลักษณ์เป็นสะพาน The Huc หรือสะพานแสงอาทิตย์สีแดงสดทอดตัวเชื่อมระหว่างเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดและริมฝั่งทะเลสาบเอาไว้ให้ได้ถ่ายรูปเช็คอินกันด้วยนะ มาแล้วอย่าพลาดเลย
ทะเลสาบ Hoan Kiem นั้น นับว่าเป็นซิกเนเจอร์ของที่เที่ยวฮานอยเลยก็ว่าได้ เพราะถ้ามาถึงฮานอยแล้วไม่ได้แวะเช็คอินที่นี่ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเมืองนี้กันเลยละ ทะเลสาบนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าทะเลสาบคืนดาบ ซึ่งมาจากตำนานการปกป้องเมืองฮานอยซึ่งมีตะพาบน้ำเป็นตัวเดินเรื่องสำคัญ รอบๆ ทะเลสาบเป็นสวนสาธารณะร่มรื่นเดินสบาย ยิ่งมาในช่วงเย็นที่แดดอ่อนๆ ไปจนถึงตอนค่ำ ก็จะได้ดูวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ และแสงไฟที่ประดับประดาแปลกตาไปอีกแบบต่างจากช่วงกลางวันเลยละ ชิลล์เบอร์นี้ จะมาเที่ยวฮานอยคนเดียว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นหมู่คณะก็เพลินทั้งนั้นจ้า แวะมาเช็คอินได้เลย
ขอปิดท้ายวันแรกกันด้วยการชวนไปดูโชว์หุ่นกระบอกน้ำที่ Thang Long Water Puppet Theater ซึ่งเป็นโชว์ที่บอกเลยว่ามาฮานอยแล้วพลาดไม่ได้เลยนะ โรงละครหุ่นกระบอกน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1969 จ้า ในยุคก่อนนั้นเค้าจะทำการแสดงกันในแม่น้ำแดงที่ไหลผ่านเมืองฮานอยเลยละ ในปัจจุบันนี้มีโรงละครหุ่นกระบอกน้ำเหลือทำการแสดงให้เห็นอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นแล้วน้า บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มาเที่ยวฮานอยแล้วต้องได้เห็นจ้ะ ถ้าพลาดรับรองเลยว่าจะเสียดาย!
วันที่ 2
เริ่มต้นวันกันด้วยการไปเช็คอินที่ Temple of Literature Van Mieu Pagoda ซึ่งจะเรียกว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในเวียดนามก็ว่าได้ ที่นี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1613 ซึ่งแรกเริ่มนั้นถูกใช้เป็นสถานที่ศึกษาของเหล่าบรรดาขุนนางทั้งหลาย ก่อนจะกลายมาเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศในภายหลัง จากนั้นจึงปิดตัวลงในช่วงศตวรรษที่18 ปัจจุบันนี้มีการบูรณะซ่อมแซมและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรม ซึ่งรวบรวมชิ้นงานศิลปะจากยุคอดีตจนถึงปัจจุบันให้คนที่ไปเที่ยวฮานอยเข้าชมกันจ้า เชื่อกันว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากหากมาขอพรเรื่องการเรียนนะ จะเป็นสายอาร์ตหรือไม่ ก็บอกได้ว่าเดินเพลิน!
พิกัดต่อมาคือ One Pillar Pagoda หรือที่หลายคนเรียกว่าวัดเจดีย์เสาเดียว วัดเก่าแก่ทางพุทธศาสนาซึ่งมีอายุเกือบพันปี ที่นี่สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1049 นะ โดยเชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นโดยองค์จักรพรรดิซึ่งทรงฝันว่าเจ้าแม่กวนอิมได้เสด็จมายังสระบัวแห่งนี้ ก่อนจะประทานพระโอรสให้ หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงมีพระโอรสจริงๆ สมกับที่รอคอยมาเนิ่นนาน จักรพรรดิจึงทรงสร้างเจดีย์ซึ่งมีเสาเดียวแห่งนี้ขึ้นมากลางสระบัวเพื่อเป็นการสักการะแด่องค์เจ้าแม่กวนอิมนั่นเองจ้า ด้านในมีรูปจำลองของเจ้าแม่กวนอิมให้ไหว้ขอพรกันได้ด้วยน้า นี่คืออีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของฮานอยที่ไม่มาไม่ได้เลย
ไม่ไกลกันมากนักจากวัดเจดีย์เสาเดียว คือที่ตั้งของ Ho Chi Minh Mausoleum อันเป็นสถานที่เก็บรักษาร่างของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของเวียดนามที่มีส่วนในการปลดแอกประเทศให้มีเอกราช โดยสุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่จตุรัสซึ่งเป็นสถานที่อ่านคำประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ.1945 ที่นี่จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวฮานอยซึ่งมีความสำคัญและพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลยเชียวละ จะให้ดีควรเช็คก่อนวางแพลนไปชมกันหน่อยนะ เพราะในแต่ละปีจะมีช่วงที่ร่างของลุงโฮถูกส่งไปรักษาสภาพที่รัสเซียประมาณสองเดือนจ้า แพลนให้ดีน้า จะได้ไม่ต้องมาเสียเที่ยวไง
ห่างออกมาไม่เท่าไหร่ ก็คือ Quan Thanh Temple ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพิกัดที่น่าสนใจในฮานอยเลยละ แม้หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่วัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของฮานอยเลยน้า แถมยังได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 4 วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของฮานอยด้วยจ้ะ ด้านในวัดมีงานแกะสลักที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจให้ชมกันหลายจุดเลยนะ หนึ่งในไฮไลท์ก็คือการไปชมและขอพรจากรูปปั้นเทพเจ้า Tran Vu ซึ่งเป็นรูปปั้นทองแดงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเวียดนามน้า เชื่อกันว่านี่คือเทพที่จะช่วยปกป้องเราจากสิ่งไม่ดีและปัดเป่าภัยอันตรายทั้งหลายให้หลุดพ้นออกไปได้ด้วยละ มาเที่ยวฮานอยแล้วลองมามูกันเด้อ
บอกลาเย็นวันที่สองของการเที่ยวฮานอย ด้วยการไปชมฟ้าสวยๆ ในยามพระอาทิตย์ตกกันที่ Tran Quoc Pagoda ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วง ค.ศ.6 โน่นเลยนะ แถมยังมีความเก๋กว่าที่อื่นตรงการเป็นวัดที่สร้างยื่นลงไปในทะเลสาบกว้าง ให้อารมณ์คล้ายกับเป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางเกาะเลยจ้า โดดเด่นสุดๆ ของวัดนี้ก็คือเจดีย์สูง 15 เมตร ซึ่งมีทั้งหมด 11 ชั้น ที่ช่องหน้าต่างของเจดีย์จะมีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ จะให้ดีควรเผื่อเวลามาเดินชมในวัดกันด้วยนะ ชมวัดเสร็จก็มาดูวิวพระอาทิตย์ตกเด็ดๆ กันต่อได้เลยจ้ะ รับรองว่าฟินแน่นอน
วันที่ 3
ออกสตาร์ทเช้าวันสุดท้ายกันด้วยการแวะไปชมความสวยของ St. Joseph Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์ในสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฮานอยเลยจ้า ที่นี่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1886 โดยมีต้นแบบเป็นมหาวิหารนอเทรอดามในกรุงปารีสนะ สวยขนาดนี้ ที่นี่จึงติดอยู่ในลิสต์สถานที่ซึ่งคนมาเที่ยวฮานอยนิยมมาถ่ายรูปเลยละ ถ้าอยากได้แสงสวยๆ แนะนำให้มาช่วงเช้าหน่อยน้า อากาศก็สบาย แถมยังมีไลฟ์สไตล์ของผู้คนในท้องถิ่นให้เราได้ชมกันเพลินๆ ด้วยจ้ะ มาเที่ยวฮานอยคนเดียวก็หาคนถ่ายรูปให้ได้แบบสบายๆ เลยละ รับรองว่าได้รูปเช็คอินแจ่มๆ กลับไปแน่นอน
พิกัดถัดมา คือการไปสัมผัสกับบรรยากาศสวยแปลกตาใจกลางเมืองฮานอยกัน นั่นคือการไปนั่งชิลล์จิบเครื่องดื่มริมรางรถไฟของ Hanoi Street Train ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟที่ตัดผ่านอาคารบ้านเรือนใจกลางฮานอยกันในระยะประชิดเชียวละ ให้อารมณ์คล้ายๆ ตลาดร่มหุบบ้านเรานั่นละจ้ะ เพียงแต่ว่าวิวที่นี่จะคลาสสิกกว่าด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ท้องถิ่น ถ้ามาทันช่วงรถไฟแล่นผ่านนะ รับประกันว่าได้รูปเจ๋งๆ กลับบ้านแน่นอนจ้า ไม่เจอรถไฟ แค่มานั่งชิลล์ในคาเฟ่ที่ให้บรรยากาศเก๋ๆ ไม่เหมือนใครริมทางรถไฟก็เพลินแล้วนะ มาเที่ยวฮานอยเมื่อไหร่ปักหมุดเอาไว้เลย
ปิดท้ายทริปเที่ยวฮานอยในคราวนี้กันที่ Imperial Citadel of Thang Long พระราชวังโบราณที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1379 และปัจจุบันนี้ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศเวียดนามกันไปแล้วจ้า ป้อมปราการของที่นี่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณราวๆ ยุคศตวรรษที่ 7 เลยนะ จุดเด่นของที่นี่ก็คือการใช้หินเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างนี่ละ ที่เริ่ดก็คือพระราชวังนี้เป็นพระราชวังหินที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยจ้า เป็นอีกพิกัดเด็ดที่ควรลงแพลนเที่ยวฮานอยเอาไว้เลยน้า เผื่อได้กลับมาเขียนรีวิวเที่ยวฮานอย 3 วัน 2 คืน ใน pantip ฉบับตัวเองดูบ้าง บอกเลยว่าพิกัดนี้ปังแน่นอน
และนี่คือพิกัดเด็ดๆ ที่ควรลงแพลนไว้ในทริปเที่ยวฮานอยน้า เชื่อว่าจะได้เช็คอินพิกัดสำคัญๆ ของเวียดนามกันแบบจุใจเลยเชียวละ ข้อดีของการไปเที่ยวฮานอยหรือเมืองอื่นๆ ในเวียดนาม ก็คือการเป็นประเทศที่ค่าครองชีพไม่แพงนัก การมาเที่ยวฮานอยจึงไม่ต้องใช้สตางค์มากมายจนเกินไป แถมถ้าจองตั๋วเครื่องบินฮานอยกับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ยังมีโปรราคาดีๆ ให้สอยกันเพียบเลยด้วยจ้ะ นี่คือพิกัดสุดชิลล์ที่เที่ยวได้แบบสบายกระเป๋าเลยน้า เริ่ดขนาดนี้ รีบแพ็คกระเป๋ามาเที่ยวฮานอยกันให้ไวเลยเด้อ