เที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดี เป็นคำถามที่หลายคนอาจกำลังคิดเมื่ออยากวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นสักทริป เพราะแต่ละช่วงเวลาก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป มีเทศกาล ประเพณี และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แตกต่างกันด้วย เพราะญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แถมยังวางแผนไปเที่ยวเองได้ไม่ยากอีกด้วย Traveloka เลยขอมาแนะนำว่าแต่ละเดือนของญี่ปุ่นจะมีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
Sat, 24 May 2025
Air Japan
กรุงเทพ (BKK) ไป โตเกียว (NRT)
เริ่มจาก THB 4,548.90
Tue, 3 Jun 2025
Thai Lion Air
กรุงเทพ (DMK) ไป โตเกียว (NRT)
เริ่มจาก THB 4,467.55
Sun, 18 May 2025
Air Japan
เชียงใหม่ (CNX) ไป โตเกียว (NRT)
เริ่มจาก THB 5,447.99
แม้จะหนาวกายแต่ไม่หนาวใจ เพราะไม่ว่าจะหนาวแค่ไหนก็ยังมีที่เที่ยวสวยๆ ให้ได้ไปเยี่ยมชม จัดเต็มกับแฟชั่นหน้าหนาวแล้วไปตะลุยหิมะถ่ายรูปชิคๆ ที่ญี่ปุ่นกันดีกว่า
1. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
หมู่บ้านที่มีความสวยงามแปลกตาและโดดเด่นมีเอกลักษณ์ นอกจากจะสวยงามในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและใบไม้ผลิแล้ว ที่นี่ยังสวยงามเป็นพิเศษเมื่อถึงฤดูหนาว เพราะบ้านโบราณแต่ละหลังจะถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน เห็นแล้วรับรองว่าจะต้องประทับใจจนอยากกลับไปอีกครั้งอย่างแน่นอน
2. กำแพงหิมะทาเทยาม่า (Tateyama)
เห็นแล้วรับรองว่าต้องตะลึง เพราะมีแต่เมืองหนาวเท่านั้นที่จะมีกำแพงหิมะขนาดใหญ่แบบนี้ได้ นอกจากจะสูงกว่าสามเมตรแล้ว ยังหนามากๆ อีกด้วย ทาเทยาม่าได้ชื่อว่าเป็นแอลป์ของญี่ปุ่นด้วยแนวเขาและระดับความสูง นอกจากนี้ก้ยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม ใครอยากลองไปสัมผัสหิมะหนาๆ ต้องลองไปที่นี่
3. สกีรีสอร์ท
แน่นอนว่าพอเข้าสู่ฤดุหนาว กิจกรรมที่ห้ามพลาดก็คือการเล่นสกีหิมะ ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 4 เดือนเท่านั้นตั้งแต่ธันวาคมจนถึงเดือนมีนาคม ที่เป็นช่วงที่มีหิมะสะสมมากที่สุด เล่นสกีได้สนุกสุดเหวี่ยง ใครเล่นสกีไม่เป็นก็ยังมีสไลเดอร์ให้เลือกวึ่งก็สนุกไม่แพ้กันเลย
4. สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Yaen Park)
ด้วยวามหนาวเหน็บถึงขั้นติดลบกับหิมะที่โปรยปรายจึงทำให้บรรดาลิงน้อยใหญ่ในสวนจิโกคุดานิพากันลงไปแช่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ จนเป็นที่น่าอิจฉาแก่ผู้พบเห็น นอกจากจะอุ่นสลายแล้วยังถือเป็นการสมาคมของเหล่าลิงต่างๆ ด้วย เห็นแล้วน่าเอ็นดูเชียวล่ะ
5. ชินจูกุ
ไม่ใช่แค่ช็อปปิ้งช่วง winter sales แต่ที่ย่านชินจูกุในช่วงฤดูหนาวประมาณคริสต์มาสและปีใหม่จะมีการประดับประดาไฟตามท้องถนนและต้นไม้ สวยงามตระการตา ให้ความรู้สึกรื่นเริงเพราะกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลสังสรรค์ได้เป็นอย่างดี ใครชอบเดินดูไฟแบบโรแมนติก ชวนคนรู้ใจมาเดินเล่นแถวนี้ได้นะ
นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมซากุระ และยังมีเทศกาลฮานามิ ซึ่งเป็นเทศกาลชมดอกไม้ของคนญี่ปุ่นอีกด้วยนะ มองไปทางไหนก็สดชื่นสบายตาด้วยสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์
6. สวนอุเอโนะ (Ueno Park)
สวนใหญ่ที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ นิทรรศกาลศิลปะตะวันตก รวมไปถึงวัด ศาลเจ้า และสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุด ที่สวนอุเอโนะแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ชมความงามของดอกซากุระที่สวยที่สุดในโตเกียว ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่ต่างมาปูเสื่อนั่งชมวามงามของดอกไม้และสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวอย่างสนุกสนาน
7. ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่ ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm)
ฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่นนอกจากซากุระแล้วก็ยังมีทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดนี่แหละที่ห้ามพลาด และนอกจากดอกลาเวนเดอร์แล้วก็ยังมีดอกไม้สีอื่นๆ ตัดกันไปมา อาทิ สีชมพู สีเหลือง ให้ความรู้สึกสดชื่นสดใส ถ่ายมุมไหนก็สวยรับรอง
8. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
การถ่ายดอกซากุระสวยๆ โดยมีฉากหลังเป็นปราสาทญี่ปุ่นโบราณถือเป็น the must และมีความเป็นญี่ปุ่นสุด นอกจากตัวปราสาทที่สวยและขลังมากๆ แล้วก็ยังมีดอกไม้ไปแต่งแต้มสีสันเข้ากันมากๆ
9. สวนโยโยงิ (Yoyogi Park)
เป็นความงามแบบที่ต้องยอมรับว่าสวยทุกที่จริงๆ กับช่วงซากุระเบ่งบานในญี่ปุ่น เพราะสวนสาธารณะทุกแห่งก็จะต้องมีต้นซากุระมากบ้างน้อยบ้างตามแต่พื้นที่ อย่างที่สวนโยโยงิแห่งนี้ที่มีซากุระกว่า 600 ต้น ให้สีชมพูอ่อนละมุนดูน่าทะนุถนอม
10. แม่น้ำเมงุโระ (Meguro River)
ปิดท้ายกับฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยสีสันสวยหวานของซากุระกันที่แม่น้ำเมงุโระที่พิเศษด้วยต้นซากุระที่อยู่ด้านข้างแต่โน้มกิ่งลงมาตามทางแม่น้ำ เกิดเป็นซุ้มโค้งสวยงาม กลีบดอกซากุระที่ร่วงโรยลงผืนน้ำก็ยังงดงามจับตา ยิ่งช่วงเวลากลางคืนที่มีการประดับไฟด้วยแล้ว ยิ่งโรแมนติกสุดๆ ไปเลย
แม้จะร้อนแค่ไหน แต่ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสทองที่เราจะได้เห็นญี่ปุ่นมุมใหม่ๆ เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ราคาที่พักและตั๋วเครื่องบินก็จะถูกกว่าช่วงอื่นๆ เสื้อผ้าก็ไม่ต้องขนมาเต็มกระเป๋า แถมยังมีเทศกาลงานรื่นเริงต่างๆ อีกเพียบ
11. เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes)
ใครว่าญี่ปุ่นไม่มีทะเลทราย อาจจะต้องแปลกใจเพราะที่ทตโตริมีเนินทรายสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ให้เราเดินเล่นแล้วถ่ายรูปชิคๆ ให้เพื่อทายว่าอยู่ที่ไหน เดินเล่นไปเรื่อยก็จะเจอชายหาดน้ำใสๆ น่าเล่น หรือใครเหนื่อยก็ยังมีน้องอูฐให้เลือกใช้บริการกันด้วยนะ
12. เทศกาลพลุริมแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River)
มีเทศกาลดอกไม้สดแล้วก็ยังมีเทศกาลดอกไม้ไฟ กับงานพลุริมแม่น้ำสุมิดะ ที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านโตเกียว มีแลนด์มาร์กฉากหลังเป็นโตเกียวสกายทรีสวยๆ อลังการงานสร้างและตื่นตาตื่นใจไปกับพลุสวยๆ นับร้อยลูก
13. ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji)
หลายคนอาจจะชอบดูฟูจิใส่หมวก แต่ช่วงหน้าร้อนพิเศษกว่าตรงที่เราสามารถเดินเขาปีนฟูจิซังได้ โดยจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้เดิน ซึ่งการเดินขึ้นฟูจินี้เปิดเป็นบางช่วงเท่านั้น ใครรักการผจญภัยชอบสัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติต้องลองมาปีนภูเขาไฟฟจิดูสักครั้งค่ะ
14. ทุ่งดอกทานตะวัน (Sunflower Festival)
ไม่ได้มีแต่ซากุระ แต่ที่ญี่ปุ่นในฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้สีสันสดใส นอกจากลาเวนเดอร์เจ้าดังแล้ว ก็ต้องลองมาที่ทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองสะใจกันบ้างกับทุ่งกว้างๆ ที่เต็มไปด้วยทานตะวันหันหน้าสู้แดดสุดฤทธิ์ ใครสดใสกว่าทานตะวันมาประชันความงามกันได้เลย
15. เทศกาลชมหิ่งห้อย สวนสาธารณะ Tatsuno-cho
แม้จะเป็นหิ่งห้อยแต่อย่าเพิ่งเศร้าไปไม่ว่าจะอินกับการ์ตูนขนาดไหนก็ตาม เพราะหิ่งห้อยที่นี่สวยงามและสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ โดยที่สวนแห่งนี้ว่ากันว่ามีหิ่งห้อยอยู่รวมกันมากถึงหนึ่งล้านตัวเลยทีเดียว และนอกจากทัวร์ชมหิ่งห้อยแล้วก็ยังมีงานออกร้านจำหน่ายอารและของที่ระลึกต่างๆ อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่ให้บรรยากาศโรแมนติกเบาๆ
กลับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นกับฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี ที่จะมีทั้งแดง ส้ม เหลือง ตัดกันไปมา ยิ่งบริเวณไหนมีต้นไม้เยอะๆ ยิ่งสวยงามไม่แพ้ช่วงซากุระเบ่งบานเลยทีเดียว
16. สวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล (Tokyo Imperial East Garden)
นอกจากจะมีพระราชวังอิมพีเรียลให้ได้ชมความงดงามแล้วที่นี่ยังมีสวนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่จะพากันผลัดใบเปลี่ยนสีกันในช่วงนี้ โดยเฉพาะฝั่งสวนตะวันออก ใครเคยไปหน้าซากุระแล้วต้องลองไปหน้าใบไม้เปลี่ยนสีด้วย เพราะตัดกับสีขาวของตัวปราสาทได้อย่างน่าดูชม
17. ศาลเจ้าเมจิ จิงกู (Meiji-jingu Shrine)
ศาลเจ้าสำคัญของชาวโตเกียว ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้มากมายนับแสนต้น จนเหมือนมีป่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางเมือง แน่นอนว่าพอถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะยิ่งเพิ่มความสวยงามให้กับศาลเจ้าแห่งนี้มากยิ่งขึ้น นอกจากจะมีเส้นทางเดินชมความงามธรรมชาติแล้ว ยังมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติให้ได้ชมอีกด้วย
18. หุบเขาอิยะ (Iya Valley)
หุบเขาที่ได้ชื่อว่ายังคงความงดงามและความสมบูรณ์ตามธรรมชาติไว้ได้เป็นอย่างมาก โดยยังมีพื้นที่อีกหลายส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่แค่บริเวณเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ แม่น้ำอิยะ และสะพานแขวนข้ามแม่น้ำ แค่นี้ก็สวยจับใจ อยากจะนั่งเล่นเพลินๆ ไปนานๆ แล้วล่ะ
19. สวนชินจูกุเงียวเอน (Shinjuku Gyoen)
ไม่ได้มีแค่ย่านช็อปปิ้งและแฟชั่น แต่ที่ชินจูกุยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้นับแสน ที่จะพร้อมใจกันเปลี่ยนสัในฤดูใบไม้ร่วงให้ได้ชมความงดงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ขึ้นโดยที่มนุษย์อย่างเราไม่สามารถทำได้ จะมองไปทางไหนก็สวยจดอยากจะถ่ายรูปรัวๆ
20. ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)
ปิดท้ายกันด้วยภูเขาทาคาโอะที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ มีเส้นทางเดินกันให้พอเหนื่อย แล้วยังมีจุดแวะพักนั่งแช่น้ำ รวมถึงร้านอาหาร และคาเฟ่ให้ได้จิบน้ำแก้เหนื่อยกันด้วย นั่งชมใบไม้แดงเพราะสังสรรค์กับเพื่อนสนิท เพลิดเพลินไปกับความงดงามของธรรมชาติ เป็นทริปที่จะสร้างความประทับให้แก่ทุกคนได้อย่างแน่นอน
1. ดิสนีย์แลนด์ ญี่ปุ่น (tokyo disneyland)
หากคุณคิดถึงความสนุกและความมหัศจรรย์ของโลกดิสนีย์ tokyo disneyland คือคำตอบที่ไม่ต้องคิดเยอะ! นี่คือที่ที่ความฝันกลายเป็นจริงได้ในทุกๆ มุมของสวนสนุกแห่งนี้ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปใน disneyland tokyo คุณจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของการ์ตูนดิสนีย์! ทางเดินเต็มไปด้วยตัวละครจากดิสนีย์ที่ทุกคนรัก! สัมผัสกับการตกแต่งที่เน้นความแฟนตาซี มีทั้งปราสาทของเจ้าหญิงและโลกแห่งความสุขที่จะทำให้คุณหลงรักตั้งแต่ก้าวแรก ใครจะพลาดการถ่ายรูปกับ มิคกี้ เมาส์ หรือ มินนี่ เมาส์ กันล่ะ? ที่ disneyland tokyo คุณจะได้พบกับตัวละครสุดคิวท์จากดิสนีย์มากมาย ทั้งเจ้าหญิง เอลซ่า, อัลลาดิน, และ ซินเดอเรลลา พร้อมทั้งมีขบวนพาเหรดที่จัดเต็มอย่างอลังการ
Japan
บัตรเข้าสวนสนุก Tokyo Disney Resort
8.9/10
Tokyo Disney Resort
THB 2,546.26
นอกจากจะเป็นประเทศที่เที่ยวได้ไม่ยากแล้ว ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู ฉะนั้นถ้าถามว่า จะเที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดี ก็คงต้องตอบว่าเที่ยวเดือนไหนก็ดี เพราะมีของเด็ดทุกเดือนเลยนั่นเองง อย่าลืมจะเที่ยวที่ไหนเพื่อความอุ่นใจ จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก พร้อมบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ให้เรียบร้อย ทริปไม่พัง ปังทุกงาน ต้องจองผ่าน Traveloka นะจ๊ะ