หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหากคุณได้มาเที่ยวเกียวโตนั่นก็คือ “ปราสาทนิโจ” (Nijo Castle) ที่ได้รับการจดขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ที่เที่ยวแห่งนี้ประกอบไปด้วยสถานที่น่าดึงดูดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังใหญ่โต และสวนภูมิทัศน์แบบญี่ปุ่นที่ถูกห้อมล้อมด้วยป้อมปราการ ให้คุณได้ซึมซับบรรยากาศแห่งความสวยงามจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น พร้อมกับศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นกันแบบเพลิน ๆ เลยทีเดียว
หากไม่อยากพลาดหนึ่งในสถานที่มรดกโลกอันน่าจดจำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ก็ต้องรีบเก็บกระเป๋าแล้วกดจองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นในราคาสุดพิเศษ และโปรโมชั่นดี ๆ มากมายบนแอป Traveloka ตลอดจนค้นหาที่พักใกล้ปราสาทนิโจเพื่อให้คุณดื่มด่ำไปกับที่เที่ยวแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่กันเลย!
ปราสาทนิโจ (Nijo Castle)ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามสะดุดตา เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของกลุ่มโชกุนสมัยก่อน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการแกะสลักไม้อันประณีตตามผนังกำแพง การตกแต่งที่หรูหราเน้นสีทองอร่าม จึงไม่แปลกใจที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปี เรียกได้ว่าไม่ว่าจะพักผ่อนในที่พักญี่ปุ่นส่วนไหนของเกียวโต ก็ต้องเดินทางมาเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ให้ได้สักครั้ง
ปราสาทนิโจมีประวัติมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ระหว่างปี ค.ศ. 1603-1867 เริ่มแรกถูกสร้างขึ้นจากคำสั่งของโชกุนอิเอยาซุเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของโชกุนตระกูลโทคุกาวะ นอกจากนี้ ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับแสดงอำนาจเหนือกลุ่มจักรพรรดิอีกด้วย หลังจากการล่มสลายของตระกูลโทคุกาวะ ปราสาทนิโจก็ถูกใช้เป็นพระราชวังของราชวงศ์ใหม่ในยุคถัดมา จนกระทั่งปัจจุบันถูกมอบเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ให้แก่เมืองเกียวโต
ปราสาทนิโจตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นในเมืองเกียวโตของภูมิภาคคันไซ (Kansai) ซึ่งมีภูมิประเทศแบบที่ราบสลับหุบเขา ปราสาทถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยบริเวณรอบ ๆ ปราสาทนิโจประกอบไปด้วยป้อมปราการหินที่มีคูน้ำล้อมรอบจำนวน 2 ชั้น สวนอุทยาน และพระราชวังอื่น ๆ รวมมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 275,000 ตารางเมตร
ปราสาทนิโจเปิดให้เยี่ยมชมตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 8.45-17.00 น. โดยช่วงที่เหมาะสมกับการมาเที่ยวมากที่สุดคือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม และช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เย็นสบายขณะเดินเล่นในสวนรอบปราสาท พร้อมชมความงามของปราสาทนิโจอันงดงามท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ บางช่วงเทศกาลพิเศษอาจมีจัดนิทรรศการ และงานแสดงศิลปวัฒนธรรมให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมกันอีกด้วย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือกดซื้อตั๋วเข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://nijo-jocastle.city.kyoto.lg.jp/event_info/?lang=en
คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวปราสาทนิโจได้หลากหลายวิธี โดยวิธีการเดินทางที่ง่ายและสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือ การเดินทางด้วยรถไฟและรถบัส Traveloka เราได้รวบรวมขั้นตอนการเดินทางด้วยวิธีดังกล่าวมาให้คุณแล้ว เลือกเส้นทางที่คุณสะดวกได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้กันเลย
การเดินทางไปปราสาทนิโจด้วยรถไฟสามารถเดินทางได้หลากหลายสาย ดังนี้
คุณสามารถไปเที่ยวปราสาทนิโจด้วยรถบัสได้ โดยขึ้นรถบัสประจำทางหมายเลข 09 50 และ 101 ได้ที่สถานี Kyoto ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาที หรือขึ้นรถบัสหมายเลข 12 จากป้ายรถบัส Shijo-Kawaramachi จะใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที มาลงป้าย Nijojo-Mae ก็จะถึงปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจมีที่เที่ยวและจุดเช็กอินให้คุณได้แวะมาเยี่ยมชมกับความยิ่งใหญ่ของมรดกโลก จะมีพิกัดตรงไหนน่าสนใจบ้าง วันนี้ Traveloka ได้รวบรวมจุดเช็กอินยอดนิยมรอบปราสาทนิโจไว้ให้คุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
เริ่มกันที่แลนด์มาร์กปราสาทนิโจที่แรกกับ “ฮอนมารุ” ปราสาทชั้นในที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่รองรับราชวงศ์ของจักรพรรดินั่นเอง ตัวปราสาทถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ภายในปราสาทนิโจบริเวณนี้ประกอบด้วยโถงทางเข้าขนาดใหญ่, ที่พักอาศัย, พื้นที่ต้อนรับแขก และโรงครัว เป็นต้น โดยแต่ละส่วนถูกเชื่อมต่อถึงกันด้วยระเบียงทางเดินไม้อันสวยงาม
“นิโนมารุ” เป็นปราสาทชั้นนอกของปราสาทนิโจที่ถูกสร้างด้วยไม้สนฮิโนกิ ปราสาทส่วนนี้ถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Shoin-Zukuri ซึ่งเป็นต้นแบบของบ้านสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมในปัจจุบัน พื้นในปราสาทถูกปูด้วยเสื่อทาทามิ (Tatami) มีประตูบานเลื่อน และผนังแต่ละห้องจะถูกตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะอย่างวิจิตรศิลป์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหรูหราและอำนาจให้แก่ผู้ที่พบเห็น แต่เดิมที่แห่งนี้อนุญาตให้สาวรับใช้เข้ามาดูแลได้เท่านั้น
ภายในปราสาทนิโจฝั่งนิโนมารุนั้นมีจัดแสดง “ภาพวาดฝาผนัง” หรือ Nijo Castle Painting Gallery เป็นห้องแสดงผลงานภาพเขียนต้นฉบับอันงดงามบนผนังกำแพง โดยผลงานเหล่านี้ถูกยกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของรัฐบาลญี่ปุ่นเลยทีเดียว บริเวณดังกล่าวเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาเยี่ยมชมได้ นอกเหนือจากผลงานภาพวาดแล้วยังมีจุดแสดงวัตถุโบราณที่ตกแต่งภายในปราสาทอีกด้วย
นอกจากภาพวาดฝาผนังอันงดงามแล้ว สวนสไตล์ Shoin-Zukuri ของปราสาทนิโจเองก็เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวน่าแวะชมด้วยเช่นกัน สวนแห่งนี้เปรียบดั่งโลกในตำนานของมหาเทพจีน ซึ่งมีรูปแบบสวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เน้นการตกแต่งด้วยหินและต้นไม้ประดับเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ สวนดังกล่าวยังถูกออกแบบให้สามารถมองเห็นได้จากหลากหลายทิศทางของปราสาทนิโจอีกด้วย
“พื้นนกไนติงเกล” หรือที่เรียกว่า Uguisubari มีที่มาจากทางเดินของปราสาทชั้นในนิโนมารุ ซึ่งความพิเศษของทางเดินนี้คือ เมื่อไรที่เดินผ่านจะมีเสียงคล้ายกับนกไนติงเกล เปรียบเสมือนเป็นการแจ้งเตือนหากมีผู้บุกรุกจากภายนอกนั่นเอง โดยปกติแล้วพื้นลักษณะนี้มักถูกสร้างเป็นทางเดินในวัดและพระราชวังทั่วบริเวณ ใครที่อยากได้ยินเสียงดังกล่าว ก็สามารถแวะเยี่ยมชมในปราสาทนิโจในส่วนของนิโนมารุกันได้
หากได้เข้ามาปราสาทนิโจก็ต้องได้แวะประตูนี้ก่อนเป็นอย่างแรก “ประตูคาระมง” เรียกได้ว่าเป็นจุดเช็กอินปราสาทนิโจยอดนิยมเลยทีเดียว เพราะเป็นประตูโค้งที่สร้างจากเปลือกไม้ต้นไซปรัส ซึ่งในสมัยก่อนเฉพาะขุนนางชั้นสูงและจักรพรรดิเท่านั้นที่จะสามารถเดินผ่านได้ หากเข้าไปชมใกล้ ๆ จะเห็นการแกะสลักลายนูนเป็นรูปสัตว์มากมายที่งดงามตระการตามาก ๆ เช่น นกกระเรียน มังกร เสือ เป็นต้น
ปราสาทนิโจมีกิจกรรมมากมายให้คุณได้มาสัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นสมัยก่อนที่หาได้เฉพาะในเมืองเกียวโต ไม่ว่าจะเป็นภายในที่เที่ยวและบริเวณรอบ ๆ ปราสาทนิโจ จะมีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้าง ตามมาดูกันเลย
แน่นอนว่าช่วงเวลาแห่งการชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นนั้นคือ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งภายในปราสาทนิโจก็มีจุดชมดอกซากุระให้นักท่องเที่ยวเช่นกัน ความพิเศษของเทศกาลช่วงนี้คือ พื้นที่ภายในปราสาทยามค่ำคืนจะถูกตกแต่งด้วยแสงไฟรูปดอกซากุระหลากสีอย่างสวยงาม เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูป และเพลิดเพลินกับการชื่นชมศิลปะจากแสงไฟในที่เที่ยวแห่งนี้
ปราสาทนิโจมีห้องชาให้นักท่องเที่ยวได้มานั่งจิบชา พร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติกลางสวนหินอันงดงามกันที่ร้าน ‘Sabo Maeda’ ซึ่งตั้งอยู่ในบ้านเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี นอกเหนือจากการนั่งจิบชาในบรรยากาศสุดคลาสสิกแล้ว ยังมีขนมหวานญี่ปุ่นอย่างอันมิตสึ (Anmitsu) และเค้กชาเขียวถั่วแดงให้คุณทานพร้อมกับผ่อนคลายไปกับวิวสวนสไตล์ญี่ปุ่นกันอย่างไม่มีเบื่อ
ใกล้ ๆ ปราสาทนิโจมีถนนช็อปปิงชื่อดังอย่าง ‘ถนนซันโจไค’ (Sanjokai) ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองต่างมาเดินเล่นเป็นจำนวนมาก เพราะย่านนี้เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายกว่า 185 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, คาเฟ่, ร้านขายยา หรือร้านขายของกระจุกกระจิก จุดเด่นของย่านนี้อยู่ที่ร้านค้าต่าง ๆ ตั้งอยู่บนทางเดินช็อปปิงที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตะวันตกญี่ปุ่นนั่นเอง หากแวะชมปราสาทนิโจเสร็จแล้วก็สามารถมาเดินเล่นต่อที่ย่านนี้ได้เลย