เกาหลีใต้ หนึ่งในประเทศยอดนิยมสำหรับชาวไทยและนักท่องเที่ยวอื่นๆทั่วโลก แต่ก่อนจะได้ไปโลดแล่นดินแดนกิมจิ ก่อนจะจองที่พักในเกาหลี หรือตั๋วเครื่องบิน แน่นอนว่าด่านแรกที่เป็นสิ่งที่หลายๆคนกลัวคือ ทำยังไงให้ผ่าน ตม.เกาหลี? K-ETA ไม่ผ่านรอบแรกทำยังไงต่อ? พกเงินสดไปกี่บาทดี? และคำถามอื่นๆอีกมากมาย ซึ่ง Traveloka ได้รวบรวมหลายๆคำถามในใจหลายๆคน เกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ไว้ที่นี่แล้ว
ANSWER: เอกสารที่ต้องมีในการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้
1. K-ETA Approval (ผ่าน K-ETA)
2. Q-CODE และ เอกสารคนเข้าเมือง
3. หนังสือเดินทาง
4. ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
5. หลักฐานการจองที่พัก
6. เอกสารรับรองการทำงาน (optional)
7. เอกสารรายรับ (optional)
8. แพลนการท่องเที่ยว (optional)
ANSWER: K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization คือระบบคัดกรองคนเข้าประเทศเกาหลีใต้แบบออนไลน์ โดยผู้ตรวจคือระบบ AI ที่ถูกเซ็ตขึ้นมา ผู้ที่ผ่าน K-ETA ไม่จำเป็นต้องของวีซ่าเกาหลีเพื่อเข้าประเทศ โดยแต่ละครั้งอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน มีอายุ 2 ปี โดยข้อจำกัดในการขอมีเพียงแค่ 3 ครั้ง (กรณีไม่ผ่าน) ถ้าครั้งที่ 3 ไม่ผ่านจะไม่สามารถลงได้อีกเป็นเวลา 6 เดือน และระหว่างนั้นจะเข้าเกาหลีได้ จำเป็นต้องไปขอวีซ่าเท่านั้น ค่าใช้จ่ายในการขอคือ ครั้งละ 10,000 วอน โดยแนะนำให้ขออย่างน้อยที่สุด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (แต่แนะนำให้ขอก่อนนานๆ)
ANSWER: เหตุผลที่คนไม่ผ่านกันส่วนมากคือ กรอกข้อมูลคลุมเครือ และรูปถ่ายที่ไม่ชัด แนะนำว่าให้เช็คข้อมูลที่กรอกลงไปให้ดี ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล (ที่เกาหลีมักเอานามสกุลขึ้นก่อน) เลขหนังสือเดินทาง และรูปถ่ายที่ขนาดอยู่ในเกณฑ์ที่เขากำหนด ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป รูปถ่ายควรเป็นฉากหลังสีขาว รูป professional ราวกับสมัครงานจะดีที่สุด
ANSWER: ควรรอขั้นต่ำ 1 สัปดาห์ – 1 เดือน ก่อนลงใหม่อีกครั้ง
ANSWER: แนะนำว่าให้ได้ K-ETA ก่อนจึงจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก ในฟอร์มสามารถกรอกข้อมูลที่พักหรือไฟท์ที่เราแพลนจะจองไปก่อนได้
ANSWER: Q-CODE คือ Quarantine covid19 defense คือการขอยกเว้นการกักตัวก่อนเข้าเกาหลี สามารถลงทะเบียนก่อนไลน์ได้ ก่อนเดินทางไม่เกิน 2 วัน หรือสามารถกรอกบนเครื่องบินได้ โดยแอร์จะแจกพร้อมใบกรอกข้อมูลคนเข้าเมือง
ANSWER: จำเป็นต้องขอ K-ETA เพื่อเข้าเชจู
ANSWER: ควรพกไปแค่ที่จำเป็น แนะนำว่ารูดได้รูดไปเถอะ ด้วยความที่เกาหลีตอนนี้เป็น cashless society คนนิยมใช้จ่ายผ่านบัตรกันหมด แทบจะทุกร้านรับจ่ายโดยบัตร จะมีที่ต้องใช้เงินสดคือ เติมเงิน, ร้านอาหารสตรีทฟู้ด ร้านเต้นท์แดง และช้อปปิ้งตามเมโทรบางร้าน
ANSWER: ข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน สำหรับบัตรเครดิต ข้อดีคือสะดวก รูดได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น Visa หรือ Mastercard ร้านส่วนมากเปิดรับได้หมด ข้อเสียคือ มีค่าความเสี่ยง และมีการชาร์จค่าแลกเปลี่ยนต่อครั้ง และสำหรับ Travel Card ข้อดีคือไม่มีค่าความเสี่ยง สามารถจัดการเงินได้จากแอป และถอนเงินสดได้ และข้อเสียคือ คุณจำเป็นต้องมีเงินในบัตรเพื่อใช้จ่าย
ANSWER: ในการซื้อของ ช้อปปิ้งในประเทศเกาหลี ร้านส่วนมากจะมีสัญลักษณ์ Global Tax Free ตั้งอยู่ หมายความว่า ร้านนั้นผู้ซื้อสามารถขอรีฟัน tax คืนได้ โดยการจะได้รีฟัน ส่วนมากจะต้องมีการใช้จ่ายขั้นต่ำ และร้านส่วนมากขั้นต่ำในการซื้อเพื่อขอรีฟันคือ 30,000 วอน ขึ้นไป อีกหนึ่งสิ่งต้องรู้คือ ในร้านบางร้าน ทางร้านจะหักรีฟันไปเลยในการซื้อครั้งนั้น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องไปขอคืนอีกรอบ และในบางร้านจะให้ใบเสร็จแนบกับใบรีฟันมา เพื่อให้คุณไปขอเงินคือที่สนามบินเอง ฉะนั้น ควรเก็บใบเสร็จให้ดีนะ และจะมีอีกหลายๆร้านไม่ร่วมโครงการนี้ ให้สังเกตร้านที่ไม่มีสัญลักษณ์ติดอยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้น แนะนำว่าให้ถามเจ้าหน้าที่ก่อนอีกทีนะคะ
ANSWER: ไม่จำเป็น เพราะสะดวกและประหยัดกว่าในการใช้ขนส่งสาธารณะ ที่สำคัญ ค่าจอดรถในเกาหลีแพงมากๆ
ANSWER: T-Money คือบัตรเติมเงิน ที่สามารถใช้จ่ายค่าเดินทางในทุกการเดินทางสาธารณะในเกาหลี ไม่เว้นแต่แท็กซี่ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้อีกด้วย สามารถซื้อได้ที่สนามบินทั้งอินชอน และสนามบินกิมโป นอกจากนั้นยังสามารถซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป
ANSWER: ปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ คุณจำเป็นต้องมีเงินสดในการเติมเงิน ไม่ว่าจะเติมที่เครื่องเติมเงินหรือร้านสะดวกซื้อ
ANSWER: จริง แต่ส่วนมากจะต้องใส่พาสเวิด ฉะนั้น แนะนำให้ซื้อซิมพร้อม Data เลย เพื่อความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลี
ANSWER:
และนี่คือคำถามที่ถูกถกถามกันมาเป็นจำนวนมากสำหรับการเตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลี หวังว่าคำตอบที่ได้จากเราจะเป็นประโยชน์ต่อนักเดินทางไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ ประเทศเกาหลีใต้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิด เพียงแค่คุณบริสุทธิ์ใจ ไม่ปกปิดข้อมูลที่ทางการต้องการ แค่นี้ก็สามารถเข้าไปเที่ยวได้แบบผ่านฉลุยแล้ว