10 ที่เที่ยวราชบุรีทริปนี้ต้องมีฟิน พาไปชมธรรมชาติ บรรยากาศเหมือนอยู่เมืองนอก

Traveloka TH
19 Mar 2019 - 8 min read

“ราชบุรี” เมืองท่องเที่ยวสุดฮิตของนักท่องเที่ยว ด้วยเพราะว่าอยู่ไม่ไกลขับรถแบบสบายๆ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว แถมตลอดเส้นทางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตติดอันดับเว็บรีวิวให้แวะชม เรียกได้ว่า ถ้าไม่มีเป้าหมายการเดินทาง หรือรายชื่อปักหมุดไว้ในบันทึก รับรองว่า เที่ยวเพลินเกินห้ามใจ เสียงานเสียการกันพอดี

หากมีเวลาเพียงน้อยนิด One day trip ก็เที่ยวได้แบบไม่เร่งรีบ แต่ถ้ามีเวลาเพิ่มขึ้นอีกสักวัน ทริป 2 วัน 1 จะเป็นอะไรที่ถูกใจนักเดินทางยิ่งนัก มีเวลามากพอในการดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติ ท่ามกลางแมกไม้และเทือกเขา ได้ใช้ชีวิตแบบ Slow Life นอนดูดาวพร่างพราวบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล อืม..แค่คิดก็ฟินแล้ว เอาล่ะ เริ่มต้นวางแผน...เลือกจุดปักหมุด จากตัวเลือก 10 แห่ง ต่อไปนี้กันเลยดีกว่า

จองที่พักราชบุรี กับTraveloka

1.อุทยานหินเขางู (Khao Ngu Stone Park)

จากเหมืองหินปูนเก่าในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณคดี ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะเขางู ตำบลเกาะพลับพลา ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 8 กิโลเมตร สำหรับหินปูนที่เขางูเป็นหินปูนในยุคเพอร์เมียนที่มีอายุประมาณ 200 กว่าล้านปี เทือกเขาต่างๆที่อยู่รายล้อมมีความลดหลั่นกันคล้ายงูเลื้อย

รอบๆ อุทยานมีหมู่ถ้ำเขางูซึ่งเป็นโบราณสถานมากมาย เช่น ถ้ำฤๅษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจีน และถ้ำจาม ในแต่ละถ้ำมีภาพสลักหินที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยทวารวดี แต่ละถ้ำอยู่ไม่ไกลกัน ห่างจากถ้ำฤาษีไปทางตะวันตกราว 250 เมตร มีภาพสลักพระพุทธรูปปางลีลาแบบนูนต่ำขนาดใหญ่ วิหารบนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ทำด้วยศิลาแลง อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวอีกด้วย ร่วมงานนมัสการซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีได้ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 11 งานนี้สายบุญกาปฏิทินไว้ได้เลย

2. ถ้ำเขาบิน (Khao Bin Cave)

ที่มาของชื่อ “ถ้ำเขาบิน” นั้นเชื่อว่ามาจากหินงอกหินย้อยรูปพญาอินทรีย์กางปีกดูสง่างาม ภายในถ้ำตระการตาไปด้วยหินงอกหินย้อย รูปทรงสวยงามวิจิตรบรรจง เมื่อต้องแสงไฟหลากสีสัน ตั้งอยู่ที่ตำบลหินกอง ห่างจากตัวเมือง 20 กิโลเมตร มีความลึกจากปากถ้ำถึงบริเวณลึกสุดประมาณ 300 เมตร

โดยแบ่งออกเป็นคูหาตามลักษณะหินงอกหินย้อย 8 คูหา ด้วยกัน คือ ศิวสถาน โถงอาคันตุกะ ธารอโนดาต สกุณชาติคูหา เทวสภาสโมสร กินนรทัศนา พฤกษาหิมพานต์ และอุทยานทวยเทพ และภายในถ้ำยังมีบ่อน้ำแร่เล็กๆ ที่ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แนะนำให้เดินชมความงามของถ้ำตามเส้นทางที่กำหนดไว้ เดี๋ยวหลงทางเสียเวลาเที่ยว หมดสนุกกันพอดี

3. Coro Field

ฟาร์มทันสมัยสไตล์ญี่ปุ่นแห่งเดียวในประเทศไทย ตั้งอยู่ริมถนนราชบุรี-ผาปก สวนผึ้ง แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบใหม่ที่เรียกว่า Lifestyle Farming ที่ไม่ได้เป็นแค่การเพาะปลูก แต่เป็นการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย ภายในสนามกว้างๆ เขียวขจีกว่า 104 ไร่ แบ่งย่อยออกเป็น 10 ส่วน ใช้สอยแต่ละพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน ประกอบด้วยโซนร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าอยู่ทางด้านหน้า

ถัดออกไปด้านข้างเป็นบริเวณเพาะปลูกบนพื้นที่โล่งกว้าง กรีนเฮาส์หลังใหญ่ที่บริเวณด้านหลัง เป็นที่ทำกิจกรรมสนุกๆ มากมาย ทั้งการปลูกผักปลอดสารพิษด้วยตัวคุณเองเรียนรู้วิธีการปลูกและการดูแลเบื้องต้น เพื่อที่ผักของคุณจะกลายเป็นเมนูสุขภาพต่อไป การเก็บเกี่ยวผลิตผลสดใหม่อย่างถูกวิธีเพื่อติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือจะตกแต่งต้นไม้ตามจิตนาการของคุณเองก็ทำได้อย่างอิสรเสรี แถมที่นี่ยังมีโซนคาเฟ่กึ่งบิสโทร เสิร์ฟเมนูจากวัตถุดิบปลอดสารพิษ พร้อมเครื่องดื่มที่มีสูตรลับเฉพาะตัว อีกทั้งยังมีผลิตผลทางการเกษตรให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ทั้ง เมล่อนเปลือกสีทอง มะเขือเทศสายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ มันญี่ปุ่น และน้ำสลัดแบบฉบับโคโรฟิลด์ งานนี้อิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจ ชีวิตจะชิลอะไรขนาดนั้น

โทรศัพท์ : 095-738-9001 Website : http://corofield.com

4. เดอะซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม สวนผึ้ง (The Scenery Vintage Farm)

ฟาร์มแกะสไตล์วินเทจ แห่งสวนผึ้ง ตกแต่งในบรรยากาศแบบชนบทอังกฤษย้อนยุค ให้อาหารและถ่ายรูปคู่น้องแกะขนฟู ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ที่นี่ยังมีกิจกรรมมากมายให้สนุกสนาน เช่น ขี่ม้า นั่งชิงช้าสวรรค์ชมวิว อีกจะนั่งรถไฟเล็ก หรือขับรถ ATV ชมรอบๆ ฟาร์มก็ไม่ว่ากัน หรือจะยิงธนู เล่นเกมทุบแกะลงถัง ปาลูกโป่ง ทำสปาปลา ป้อนนมปลาคราฟ์ พักเหนื่อยเติมพลังที่ร้าน Honey Scene Steak & Bar หม่ำอาหารเมนูอร่อยแล้ว อย่าลืมชิมไอศกรีมนมกันด้วยนะ

ก่อนกลับแวะช้อปที่ Sheepie Sheep ร้านขายของที่ระลึกสุดเก๋กันซะหน่อย ซึ่งมีทั้งสินค้าตกแต่งบ้านและสินค้าท้องถิ่นคุณภาพดี ตุ๊กตา โปสการ์ด งานสังกะสี น้ำผึ้ง ขนม อาหารจากนมแกะ คุกกี้นมแกะ สบู่โฮมเมด และครีมบำรุงผิว อ้อ!! ที่นี่มีบริการรับฝากน้องหมาด้วยนะเออ

5. บ้านหอมเทียน (Ban Hom Thian)

แหล่งท่องเที่ยวสุดโรแมนติก แห่งสวนผึ้ง เทียมหอมสีสันแปลกตา ลวดลายมีเสน่ห์ และมีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือน มุมนั้นมุมนี้ละลานตาไปด้วยเทียนหอม เป็นการรวบรวมผลงานการออกแบบเทียนหอม มาจัดแสดงตามจุดต่างๆ ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีมุม Workshop เล็ก ๆ ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้เทคนิคเบื้องต้นในการทำเทียนหอมแฟนซีด้วยตนเอง จากผู้เชี่ยวชาญของบ้านหอมเทียนโดยตรง

นอกจากเทียนแสนสวยกลิ่นหอม ที่นี่ยังมีอาหารอร่อยๆ จากวัตถุดิบสดใหม่ของสวนผึ้ง ท่ามบรรยากาศย้อนยุค ตกแต่งด้วยของสะสมหายาก เช่น ของเล่นเก่า ตะเกียงโบราณ ป้ายโฆษณา รวมทั้งมีมุมกาแฟสุดเก๋วิวสวย มองเห็นทิวเขาตะนาวศรีแนวกั้นเขตแดนไทย-พม่า เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟจากกระบอกไม้ไผ่ และสูดอากาศบริสุทธิ์ รอชมพระอาทิตย์อัสดงที่เขตแดนตะวันตกของไทย ร่วมสัมผัสบรรยากาศเทศกาลดนตรีของบ้านเทียนหอมในช่วงฤดูหนาวปลายปี อบอวลด้วยบรรยากาศแสนโรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของสวนผึ้ง สายอินดี้ห้ามพลาด

6. สวนผึ้ง สวนบอนไซ วิลเลจ (Suanphung Bonsai Village)

อาณาจักรสวนบอนไซที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ตื่นตาตื่นใจกับบอนไซนับ 3000 ต้น บนพื้นที่เกือบ 300 ไร่ ชมความงดงามของสวนบอนไซทั้งสไตล์จีนและญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นบอนไซเมเปิ้ลสายพันธุ์ไทรเดนท์ บอนไซชบา บอนไซมะขาม หรือบอนไซตระกูลมะเดื่อสวยสะดุดตา เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวบรวมไม้สายพันธุ์งามที่สุดในเอเชีย หรืออาจจะกระทั่งที่สุดในโลกก็ว่าได้ ที่นี่ยังมีที่พักที่จำลองบรรยากาศบ้านสไตล์ญี่ปุ่นมาไว้ท่ามกลางสวนบอนไซแห่งแรกในเมืองไทย โอบล้อมด้วยขุนเขา ลำน้ำภาชีที่ทอดยาว

แถมยังมีร้านกาแฟไว้ให้นั่งจิบกาแฟชมธรรมชาติอีกด้วย โดยในแต่ละโซนจะจัดแสดงบอนไซที่วางบนแท่นในมุมต่างๆ สร้างความเพลิดเพลินขณะเดินชมสวน นอกจากนี้ยังมีเรือนน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่นสำหรับรับรองแขกอีกด้วย อีกทั้งยังมีโต๊ะโฮริโกะทัตทสึ โต๊ะทานข้าวแบบห้อยขาสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ให้นั่งทานอาหารแบบเผลอนึกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นซะงั้น

7. Secret Space

Secret Space ดินแดนแห่งความลี้ลับ เริ่มต้นตั้งแต่ทางเข้าร้านกันเลยทีเดียว นั่นคือเดินสู่เขาวงกต เพื่อไปปรากฏกายอยู่หน้าร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศน่ารักๆ ตกแต่งสไตล์มินิมอลผสมสไตล์ลอฟ ร้านกาแฟที่มีพื้นที่ 500 ไร่ แห่งนี้เป็นแหล่งเพาะปลูกและจำหน่ายพันธุ์ไม้ใบรายใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ รวมไปถึงการแบ่งปันให้แก่ผู้ที่สนใจและรักต้นไม้ให้ได้เข้ามาเรียนรู้วิธีการดูแลต้นไม้อย่างถูกวิธี

ภายใน Secret Space แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ซุปเปอร์มาเก็ตต้นไม้ คาเฟ่ และแหล่งเรียนรู้ ไฮไลท์ของ Secret Space คือ ทางเข้าเป็นเส้นทางเดินเขาวงกต ซึ่งมีประตูสลับเปลี่ยนทาง เพื่อทำให้ยากหรือง่ายขึ้น สดชื่นด้วยกาแฟสูตรพิเศษ “Secret Space Coffee” เมนูอาหารสเต็ก สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว เบเกอรี่ และสลัดผักจากฟาร์มไฮโดรโปรนิกซ์ของทางร้าน ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม เปิด เวลา 08.00 - 20.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ ติดต่อซื้อพันธุ์ไม้หรือดูบรรยากาศร้านได้ที่ www.secretspacethai.com, facebook : ดินแดนแห่งความลับ Secret Space ราชบุรี หรือ โทร.08-1995-8348, 08-9914-4160

8. เวเนโต้ สวนผึ้ง (Veneto SuanPhueng)

อีกสถานที่ท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมแนวกรีซจากเกาะซานโตรีนีอันแสนโรแมนติก สมญานามว่า “ราชินีแห่งเมดิเตอร์เรเนียน” ผสมผสานกับการจำลองบรรยากาศริมคลองของเวนิซ ด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ โดดเด่นด้วยอาคารโทนสีขาวสะอาดตา ตัดด้วยน้ำเงินสด โอบล้อมด้วยขุนเขาและอาการอันบริสุทธิ์ บันทึกภาพประทับใจจากหลากหลายมุม ทั้งลานน้ำพุ หอนาฬิกา หอระฆังและสวนหย่อม

นอกจากจะปั่นจักรยานน้ำชมทิวทัศน์โดยรอบแล้ว ยังมีอีกโซนอื่นๆ ที่จะทำให้คุณสนุกสนานไม่แพ้กัน คือ “พิพิธภัณฑ์ภาพถ่าย 4 มิติ” ซึ่งได้จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสวนผึ้งมาอยู่ในรูปแบบของภาพ 4 มิติ แถมด้วยโซนภาพแบบ Blacklight กับภาพวาดสีสะท้อนแสง แชะภาพรัวๆ อวดเพื่อนพ้องให้ต้องอิจฉา ต่อมาคือโซน “บ้านปลาคาร์ฟ” ชมปลาคาร์ฟจำนวนมากมายแบบเวอร์วัง และโซนฟาร์มกระต่ายน่ารักๆ สายพันธุ์ฮอลแลนด์ ลอป ขนนุ่มฟู น่าฟัดน่ากอด สุดท้ายที่โซนใหม่ล่าสุด “ม้าสายพันธุ์เล็ก” เจ้ามาแคระแสนซนสุดแสนน่ารัก เปิดบริการทุกวัน โทร. 032-206-266, 091-561-8848

9. อัลปาก้าฮิลล์ (AlpacaHill)

ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดของไทย เจ้าตัวขนปุกปุยรูปร่างหน้าตาคล้ายอูฐผสมแกะมีชื่อเรียกว่า “อัลปาก้า” มีถิ่นอาศัยดั้งเดิมอยู่ในบริเวณเทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้ เป็นสัตว์ตระกูลอูฐ อาศัยอยู่ตามภูเขาสูง ขนเป็นเส้นใยนำมาทำเครื่องนุ่งหุ่มได้คล้ายแกะ กินอาหารด้วยการเคี้ยวเอื้องคล้ายวัว อัลปาก้าภายในฟาร์มพื้นที่กว่า 250 ไร่นี้ ได้สายพันธุ์มาจากออสเตรเลีย ซี่งเลี้ยงไว้เพื่อประกวดอัลปาก้าโดยเฉพาะ อัลปาก้าเป็นสัตว์รักสงบมีนิสัยเป็นมิตร ผู้มาเยี่ยมชมสามารถให้อาหารได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่นๆ ให้ได้ใกล้ชิด อาทิ จิงโจ้ขนาดเล็ก หงษ์ กระต่ายยักษ์ กระต่าย ไก่โต้ง หนูตะเภา เฟอเรท แพรี่ด็อก และนกฮูกหิมะ และเพื่อลดความเครียดให้แก่เจ้าอัลปาก้าขนปุย ทางฟาร์มได้กำหนดจำนวนผู้ชมไว้ที่ 200 คนต่อวัน และเปิดเข้าชมเฉพาะ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ที่สำคัญรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่จองล่วงหน้าเท่านั้น

10. น้ำตกเก้าชั้น (Nine-Level Waterfall)

น้ำตกเก้าชั้น หรือ เก้าโจน น้ำตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขาในแนวเทือกเขาตะนาวศรี ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก ตำบลผาผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จริงๆ แล้วมีทั้งหมด 14 ชั้น ยาว 25 กิโลเมตร แต่สามารถเดินขึ้นไปชมได้ถึงชั้น 9 เท่านั้น เนื่องจากชั้นบนเป็นเขาสูงชันและเหวลึก โดยเล่นน้ำได้บริเวณชั้น 1-2 ชั้น โดยชั้น 6 เป็นชั้นที่สายน้ำตกทิ้งตัวดิ่งลงมาจากหน้าผา จัดเป็นชั้นน้ำตกที่มีความงดงามมากที่สุด บางชั้นของน้ำตกจะพบลานหินขนาดใหญ่ ก้อนหินแกรนิตวางตัวสวยงามแปลกตา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จุดเด่นของน้ำตกเก้าชั้นอยู่ที่สายน้ำสีขาวที่ไหลผ่านหินแกรนิตอันแข็งแกร่ง ยากแก่การผุกร่อน สายน้ำไม่อาจกัดเซาะได้ จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์สายน้ำพุ่งทะยานลงสู่พื้นล่างอย่างงดงาม การเดินไปชมน้ำตกจะมีเส้นทาง 2 เส้นทาง คือเส้นทางเดินเลียบเขา กับเส้นทางเดินเลียบน้ำตก ให้ใช้เส้นทางเดินเลียบน้ำตกตอนขึ้น ส่วนเส้นทางเลียบเขาเอาไว้ตอนลง ใครต้องการสำรวจที่ชั้น 9 ควรเริ่มออกเดินทางไม่เกิน 12.00 น. และกลับลงมาจากชั้นเก้าไม่เกิน 16.00 น. เพื่อความปลอดภัยจากความมืดของป่า ส่วนนักเดินทางสายแคมปิ้งปักหลักกางเต็นท์พักแรมได้ที่ชั้น 9 นะจะบอกให้

เพลิดเพลินตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของธรรมชาติยังไม่ทันไร หมดเวลาเที่ยวต้องเลี้ยวกลับเมืองกรุงซะแล้ว บอกแล้วไง ราชบุรีเมืองโอ่งมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย หากมีโอกาสจะรีวิวแบบรัวๆ ให้คุณเที่ยวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง โปรดอดใจรอ...

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร