รีวิวทริปขับรถเที่ยวเลย ยังไม่เคยบอกเลยต้องลองไป

Traveloka TH
23 Feb 2022 - 5 min read

หากพูดถึงเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตในภาคอีสาน “เลย” ก็คงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่สวยงามทั้งธรรมชาติ ภูมิประเทศ วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ ตลอดจนถึงอาหารการกินที่อร่อยไม่แพ้ที่ไหน

วันนี้ Traveloka เลยขออาสาพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปขับรถเที่ยวเลยกันให้หนำใจ โดยทริปนี้เราจะไปกันทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ที่จะมีครบทุกรสชาติอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น การแวะพาชมธรรมชาติ เรียนรู้วัฒนธรรม หรือการพาไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการแวะลิ้มลองรสชาติอาหารสุดขึ้นชื่อของเมืองเลยที่ต้องพลาดไม่ได้ ว่าแล้วไม่รอช้า ตามไปดูกันเลยดีกว่าว่าทริปเที่ยวเลยครั้งนี้เราจะจัดเต็มกันขนาดไหน

ทริปเที่ยวเลยวันที่ 1

เปิดทริปด้วยการเดินทางมุ่งหน้าจากกรุงเทพสู่เมืองเลย โดยเราจะขับรถเป็นระยะทางทั้งหมดกว่า 7-8 ชั่วโมง ซึ่งสถานที่ที่เราจะแวะกันเป็นจุดแรกเลยก็คือ พระธาตุศรีสองรัก ที่ตั้งอยู่ในอ.ด่านซ้าย ริมฝั่งแม่น้ำหมัน บนเนินเขาเล็ก ๆ โดยภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุสีขาวบริสุทธิ์ที่มีความสูงถึง 19 เมตร ตั้งเด่นอย่างสง่างาม และเป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้านและผู้คนเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพระธาตุนี้มีการออกแบบโดยนำเอาศิลปะของล้านช้างมาผสมผสาน จึงทำให้รูปทรงมีความโดดเด่นจนเกิดเป็นความสวยงามที่ลงตัว โดยวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ แต่จะเป็นสถานที่ที่ผู้คนมักเดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเดินทางมาทำพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญกันเป็นส่วนใหญ่

โดยนอกจากจะมีพระธาตุแล้ว ภายในยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรกศิลปะทิเบต 1 องค์ และพระพุทธรูปอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหากใครที่อยากเดินทางมาวัดแห่งนี้เพื่อมาสักการะพระธาตุศรีสองรัก แนะนำให้ใส่เสื้อสีอื่นที่ไม่ใช่สีแดง เพราะสีแดงนั้นสื่อความหมายถึงเลือดนั่นเอง

หลังจากนั้นเราก็เดินทางมุ่งหน้าไปต่อที่ วัดเนรมิตรวิปัสนา วัดที่เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถศิลาแลงที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขาสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความสวยงามของพระอุโบสถ เจดีย์ และมณฑปที่ทำจากศิลาแลงทั้งหมด โดยภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลอง และหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ที่ยังมีสังขารที่ยังไม่เน่าเปื่อย โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางมากราบไหว้ขอพร พร้อมทั้งชมความสวยงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดโดยช่างเขียนชาวด่านซ้ายที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระเวสสันดรชาดก และทศชาติ รอบพระอุโบสถได้อย่างน่าสะดุดตา

นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบของวัดยังมีสวนต้นไม้สีสันงดงามต่าง ๆ ที่ให้ทั้งความสวยงาม ร่มรื่น และเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก โดยต้นไม้ที่ถือเป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้เลยก็คือ ต้นสาละ ที่ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ และเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต่างพากันเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชม

หลังจากที่ได้ไหว้พระทำบุญกันจนอิ่มเอมใจ เราก็ขอแวะไปทานอาหารกันต่อที่ร้านที่มีชื่อว่า “ร้านจงใจบริการ” ร้านอาหารพื้นเมืองของเมืองเลย ซึ่งเป็นอาหารอีสานแท้ที่ต้องแวะมาลองให้ได้ เพราะร้านแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติที่จัดจ้าน และความอร่อยที่แซ่บอย่าบอกใครเลยทีเดียว

ซึ่งเมนูอาหารมีให้เลือกหลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ลาบหมู ต้มแซ่บ เสือร้องไห้ ลิ้นย่าง แหนมซี่โครงหมูทอด ลาบเป็ด ก้อย และเมนูส้มตำที่สามารถสั่งได้ตามต้องการ ใครที่เป็นสายแซ่บนัว ๆ ก็สามารถสั่งตำปูปลาร้ามาทานได้ แต่ใครที่ชอบกินรสชาติเปรี้ยวหวานหน่อยก็สั่งตำไทยได้เลย รับรองว่าแต่ละเมนูที่สั่งมาเด็ดสมคำร่ำลืออย่างแน่นอน

เมื่อทานกันอย่างจุใจแล้ว เราก็ขอเดินทางมุ่งหน้าไปกันต่อ ซึ่งจุดหมายปลายทางที่เราจะไปเช็กอินเป็นอันดับถัดไปเลยก็คือ เชียงคาน เมืองท่องเที่ยวที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเมืองเลย ซึ่งเราแพลนว่าเราจะไปนอนค้างคืนกันที่เชียงคาน เพื่อไปซึมซับบรรยากาศและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวเมืองเลยที่หาชมได้ยาก

โดยเราได้จองที่พักที่ชื่อว่า The Old Chaingkhan ที่พักสไตล์บูติกที่ผสมผสานกับสไตล์ล้านนาจนเกิดความเข้ากันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังตั้งอยู่ติดริมโขงและถนนคนเดินอีกด้วย เรียกได้ว่าจะไปไหนมาไหนก็สะดวกสบายสุด ๆ

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/The-Old-Chiangkhan-Boutique-Hotel

หลังจากขับรถมาสักระยะหนึ่งเราก็มาถึงเชียงคาน เมืองเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง สุดชายแดนไทยที่มีเสน่ห์ในตัวเป็นอย่างมาก เหมาะอย่างยิ่งแก่การมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ซึ่งเราก็ได้ทำการเช็กอินและนำสัมภาระไปเก็บในห้อง หลังจากนั้นก็ได้ออกมาเดินเล่นชมวิวแม่น้ำโขง พร้อมทั้งชมวิวเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ โฮมสเตย์ ร้านกาแฟชิค ๆ มากมาย

เดินไปเรื่อย ๆ เราก็จะเจอกับเส้น ถนนคนเดินเชียงคาน ซึ่งเป็นถนนที่มีร้านค้าตั้งเรียงรายขายสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ของหวาน ของคาว งานฝีมือหัตถกรรม ตลอดไปจนถึงของฝากที่ระลึกต่าง ๆ ที่สามารถเลือกซื้อได้ตามอำเภอใจ ซึ่งทางเราก็ได้เดินไปกินไป ชมความงดงามของบ้านไม้สมัยเก่าที่ยังอนุรักษ์ไว้กันอย่างเพลิดเพลิน พอเดินกันมาสักระยะหนึ่ง เราก็เดินกลับไปยังที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงสำหรับการไปลุยต่อในวันรุ่งขึ้น

ทริปเที่ยวเลยวันที่ 2

เช้าวันถัดมาวันนี้เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อมา ตักบาตรข้าวเหนียวริมโขง ที่ถือเป็นหนึ่งในขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวบ้านในเชียงคานที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยเหตุผลที่เรียกว่าการตักบาตรข้าวเหนียวเป็นเพราะชาวบ้านจะนำเอาข้าวเหนียวใส่ลงบาตรพระเท่านั้น แต่ปัจจัยอื่น ๆ จะนำไปถวายที่วัดและนั่งฟังเทศน์ฟังธรรมกันต่อ ซึ่งในแต่ละวันจะมีพระและสามเณรหลายรูปเดินบิณฑบาตตั้งแต่เวลา 05.30 - 07.30 น.

โดยหลังที่เราตักบาตรเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เราก็ขอฝากท้องมือเช้านี้กันที่ ร้านซอยซาว ร้านอาหารชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดเด่นของร้านแห่งนี้คือการเปิดให้บริการเมนูอาหารเช้าแบบที่เรียกว่า All day Breakfast ที่สามารถสั่งกันทานได้ตลอดทั้งวัน โดยเมนูสุดขึ้นชื่อของทางร้านที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ ข้าวเปียกเส้นและไข่กระทะ ที่เสิร์ฟมาอย่างน่ารับประทาน อีกทั้งยังมีเมนูอื่นให้เลือกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวต้ม โจ๊กหมู หมูยอลวกจิ้ม หรือหากใครอยากทานข้าวราดแกงก็สามารถเลือกสั่งได้อย่างตามอำเภอใจอีกเช่นกัน

พอทานกันจนอิ่มท้องเราก็เดินทางไปเช็กอินกันต่อที่ แก่งคุดคู้ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเลยที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเพื่อชมบรรยากาศแม่น้ำโขงที่เกิดจากการทอดตัวของหินเป็นแนวยาวลงไปในแม่น้ำได้อย่างไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งช่วงที่เหมาะแก่การเดินทางไปมากที่สุดจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม เพราะจะเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำโขงลดลง ทำให้เราสามารถมองเห็นเกาะแก่งได้อย่างชัดเจน

ซึ่งเราก็ได้เดิมชมทัศนียภาพและถ่ายภาพบรรยากาศของแก่งเป็นที่ระลึกกันจนเป็นที่น่าพอใจ หลังจากนั้นเราก็ได้เดินไปซื้อของฝากขึ้นชื่อเพื่อนำไปฝากคนที่บ้าน โดยของฝากที่ต้องซื้อกลับไปเลยก็คือ “มะพร้าวแก้ว” ที่ทำมาจากมะพร้าวกะทิ มีรสชาติละมุน และหอมเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อเพื่อไปเช็กอินกันที่คาเฟ่ที่มีชื่อว่า เดอะ ซีซั่น (The Seasons Cafe) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแก่งคุดคู้ไม่ไกลมากนัก เป็นคาเฟ่สไตล์ลอฟ์ท ตกแต่งด้วยสีขาวดำ มีที่นั่งทั้งแบบเอ้าท์ดอร์และอินดอร์ มีสองชั้น ซึ่งบริเวณดาดฟ้าของร้านให้ความรู้สึกเหมือนบ้านต้นไม้ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นเย็นสบาย เหมาะแก่การไปนั่งชิลจิบกาแฟ และทานของหวานกันแบบเบา ๆ โดยเมนูเครื่องดื่มและของหวานที่นี่ตกแต่งได้น่ารับประทานมาก ๆ เลย บอกเลยว่าใครที่เป็นสายไอจีต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน เพราะน่าตาของเมนูต่าง ๆ จะถูกตกแต่งอย่างน่ารักตะมุตะมิเป็นอย่างมาก

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/The-Seasons-Cafe

พอดื่มด่ำกับบรรยากาศในร้านและถ่ายรูปกันอย่างพอใจ เราก็มุ่งหน้าไปต่อ โดยจุดเช็กอินอันดับถัดไปที่เราจะไปปักหมุดกันก็คือ พระพุทธบาทภูควายเงิน โดยวัดแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในโบราณสถานอันเก่าแก่ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือกันมาแต่ช้านาน และเป็นสถานที่เคารพสักการะที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเลย เพราะภายในเป็นที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่บนหินลับมีด โดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากที่พากันหลั่งไหลขึ้นมาสักการะเพื่อความเป็นมงคลของชีวิต นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นมาชมวิวแม่น้ำโขงและวิวฝั่งสปป.ลาวได้อย่างกว้างไกลสุดสายตาอีกด้วย

ที่สำคัญเมื่อทำเราทำบุญไหว้พระเสร็จ เรายังสามารถให้อาหารกับกระต่ายน้อยได้ เพราะภายในมีกระต่ายจำนวนมากให้เราได้ให้อาหารและถ่ายรูปแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว

หลังจากที่เสร็จภารกิจจากพระพุทธบาทภูควายเงินเป็นที่เรียบร้อย ท้องฟ้าก็เริ่มจะมืด ทางเราเลยตัดสินใจแวะหาร้านอาหารทานกัน ซึ่งร้านที่เราเลือกฝากท้องกันเย็นวันนี้มีชื่อว่า “ร้าน Smile @ ChiangKhan” ร้านอาหารเชียงคานสไตล์พื้นเมืองริมฝั่งโขง ที่คุณสามารถกินไปพร้อมกับการดื่มด่ำบรรยากาศอันเงียบสงบฝั่งริมโขงกันได้อย่างสบายอารามณ์

โดยรสชาติอาหารต้องบอกเลยว่าแซ่บซี้ดถึงใจ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอาหารรสจัด ซึ่งเมนูแนะนำมีทั้ง ต้มยำปลาน้ำโขง, ส้มตำลาว, แจ่วดำผักลวก, เอาะไก่, ลาบหมู, ปีกไก่ทอดเกลือ, ปลากะพงทองน้ำปลา และเมนูอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถสั่งกันได้แบบเต็มที่

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/smileatchiangkhan

ทริปเที่ยวเลยวันที่ 3

เช้าวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเลย ในวันนี้เราตื่นกันแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวขึ้นภูทอกไปชมวิวทะเลหมอก ซึ่งภูทอกนั้นถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ได้รับความนิยมและความสนใจจากผู้คน ซึ่งเราจะต้องซื้อบัตรขึ้นภูในราคา 25 บาท โดยรถเที่ยวแรกจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 05.30 น.

เมื่อนั่งไปประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงด้านบนบริเวณจุดชมทะเลหมอกกันแล้ว ตอนที่เราขึ้นไปนั้นทะเลหมอกกำลังหนาแน่นปกคลุมไปทั่วบริเวณรอบ ๆ ภูเขาสูง อากาศเย็นสบาย และถือเป็นจุดชมวิวทิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอำเภอเชียงคานและลำน้ำโขงที่พลาดไม่ได้เลย ซึ่งพอเราถ่ายรูปไปสักระยะหนึ่ง แสงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ ลอดทะลุผ่านทะเลหมอกขึ้นมา จนเกิดเป็นภาพที่สวยงดงามและน่าประทับใจยิ่งนัก ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหนก็เห็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ และรู้สึกสดชื่นสุด ๆ เหมือนได้พาตัวเองมาสูดอากาศในยามเช้าที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

หลังจากที่เราได้ดื่มด่ำบรรยากาศกันจนเป็นที่น่าพอใจเราก็นั่งรถกลับลงมาที่บริเวณด้านล่าง ซึ่งจะมี ตลาดเช้าภูทอก ที่ชาวบ้านตั้งเรียงรายขายอาหารกันเป็นแนวยาว มีทั้งหมูปิ้ง ข้าวต้ม โจ๊ก หมูยอปิ้ง และเครื่องดื่มร้อน ๆ ที่เหมาะแก่การดื่มในยามเช้าเป็นอย่างมาก บอกเลยว่าได้ฟีลสุด ๆ เพราะนอกจากเราจะอิ่มเอมใจจากการชมบรรยากาศของธรรมชาติ กินอาหารเช้ากันแบบ Local แล้ว เรายังได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านแบบดั้งเดิมได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

พอเสร็จจากภูทอกเราก็กลับไปที่พักเพื่อทำการเก็บสัมภาระและเช็กเอ้าท์ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพกัน ซึ่งระหว่างทางเราก็ได้แวะ สกายวอล์ค เชียงคาน หรือ สกายวอล์ค ภูคกงิ้วที่เที่ยวใหม่ของเชียงคานที่น่าไปปักหมุดเช็กอินสักครั้ง เพราะที่แห่งนี้เป็นสกายวอล์คที่สูงเทียบเท่ากับตึก 30 ชั้น โดยไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี่ก็คือ การเดินบนกระจกใสที่ยาวกว่า 100 เมตร ที่สร้างทั้งความหวาดเสียวและความตื่นเต้นเร้าใจให้ใครหลาย ๆ คนในคราวเดียวกัน

โดยเราสามารถมาเดินมาชมวิวธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยป่าไม้ และต้นไม้สีเขียวขจีที่สร้างความร่มรื่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถมองเห็นแม่น้ำเหือง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นชายแดนไทยได้อย่างสวยงดงาม และหากใครมาเย็นหน่อยก็สามารถมาชมพระอาทิตย์ตกดินได้จากบริเวณนี้อีกเช่นกัน

นอกจากนี้ยังสามารถเดินไปกราบไหว้ พระใหญ่ภูคกงิ้ว ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย แถมใครที่อยากซื้อของฝากที่ระลึก ก็สามารถซื้อได้จากของที่ชาวบ้านนำวางขายได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่ามาที่เดียวแต่ครบครันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

พอเสร็จจากสกายวอล์ค เชียงคาน ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว เพราะเราต้องใช้เวลาขับรถเดินทางกันอีกประมาณ 8-9 ชั่วโมง สำหรับเราแล้วการเดินทางมาเที่ยวเลยในครั้งนี้ทำให้เราได้ใช้เวลากับตัวเองมากย่ิงขึ้น ได้ออกไปเห็นและสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านที่แตกต่างกันไป มันดูมีเสน่ห์และน่าค้นหาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้พาตัวเองไปใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อย่างสบายใจสุด ๆ เรียกได้ว่าการเดินทางมาเที่ยวเลยมันได้ครบทุกรสชาติจริง ๆ

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร