สวัสดีค่าทุกคน เรียกได้ว่าห่างหายกับการเดินทางออกไปท่องเที่ยวกันอย่างยาวนาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด19 ที่ตอนนี้ก็ยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่บ้างในบางพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่าเราคงหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตคู่กับโรคระบาดไม่ได้ จึงทำให้ใครหลายคนเริ่มปรับวิถีชีวิตในการอยู่กับโรคระบาดเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นสายเดินทางอย่างเราเองก็อดใจไม่ไหวที่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวชมความสวยงามและความสนุกสนานต่าง ๆ เราจึงอยากขอพาทุกคนมาท่องเที่ยวไปพร้อมกันกับการรีวิวทริปตราด - จันทบุรี 3 วัน 2 คืน เที่ยวไหนได้บ้าง
ซึ่งในทริปนี้เราได้จองตั๋วเครื่องบินไปตราดผ่านทาง Traveloka แอปพลิเคชันที่ช่วยให้ทุกการเดินทางของเราเป็นเรื่องง่ายสะดวก แถมยังสนุกสนานได้อย่างเต็มอิ่มด้วยราคาสุดคุ้มค่า ว่าแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางแบบคนยุคใหม่ที่ไม่ปล่อยให้โควิดมากักเราไว้ที่บ้าน แต่ต้องไม่ลืมระมัดระวังให้เรารอดกันทุกซีซั่นด้วยนั่นเอง
เริ่มต้นวันแรกของการเดินทางไปเที่ยวตราดด้วยการออกจากจังหวัดกรุงเทพ เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามบินตราด ที่นับได้ว่าเป็นเมืองสุดชายทะเลตะวันออกที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มากมายรอคอยให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสัมผัสกับความงดงามด้วยตาตัวเอง ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้เราก็เลือกความสะดวกสบายและราคาคุ้มค่าผ่านการจองตั๋วเครื่องบินและเช่ารถขับในเมืองผ่านทาง Traveloka ตัวช่วยที่จะทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวของเราในครั้งนี้สะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เมื่อเราเดินทางมาถึงสนามบินกันแล้วที่จังหวัดตราด ก็มุ่งหน้าไปรับรถเพื่อออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันที่สถานที่แรกกันก่อนเลยอย่าง ศาลหลักเมืองตราด จุดเช็กอินสุดคลาสสิคที่หากใครเดินทางมาท่องเที่ยวแล้วก็ควรแวะเดินทางมาเพื่อกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยภายในศาลหลักเมืองแห่งนี้ได้ถูกออกแบบมาในสไตล์จีน เนื่องจากบริเวณสถานที่แห่งนี้เป็นจุดเชื่อมสัมพันธ์ไทย - จีนตั้งแต่ในสมัยอดีต จึงทำให้สถาปัตยกรรมค่อนข้างมีความผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
โดยความเชื่อของการก่อตั้งศาลหลักเมืองด้วยสถาปัตยกรรมแบบนี้นั้นเกิดขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าตากสินที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และช่วยคุ้มครองเมืองตราดให้อยู่รอดปลอดภัย ดังนั้นจึงทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นจุดเช็กอินของลูกหลานชาวจีนในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งจะแห่กันมาเพื่อกราบไหว้ตามความเชื่อเรื่องความมั่งคั่งและมั่นคงต่าง ๆ อีกด้วย
หลังจากเดินทางไหว้ศาลหลักเมืองกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็เดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทยกันบ้างดีกว่าที่ วัดโยธานิมิตร หรือ วัดโบสถ์ ที่นับได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมากของจังหวัดตราด ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงรวบรวมไพร่พลเมืองตราดเพื่อกอบกู้เอกราชของกรุงศรีอยุธยา ดังนั้นจึงได้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้ชาวเมืองได้มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการกอบกู้บ้านเมืองนั่นเอง
ซึ่งเมื่อเดินเข้ามาในตัววัดแล้วจะเห็นได้ถึงความสวยงามของอุโบสถที่ถูกสรรค์สร้างออกมาได้อย่างวิจิตรบรรจงเนื่องจากบริเวณอุโบสถแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 3 อีกด้วย และนอกจากอุโบสถที่สวยงามแล้วภายในวัดแห่งนี้ยังมีโบราณวัตถุที่สำคัญเช่น รอยพระพุทธบาท ตู้ลายรดน้ำ และอุทยานการศึกษารวมไปถึงอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินที่เปิดให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองได้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์อีกด้วย
เดินทางกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เดินทางไปกันต่อที่ท่าเรือเฟอรี่เพื่อข้ามไปยังเกาะช้าง หมู่เกาะที่เต็มไปด้วยแสงสีและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ โดยการนั่งเรือข้ามฟากแห่งนี้จะเป็นการนำรถขึ้นไปเพื่อใช้ในการเดินทางบนเกาะ โดยค่าเดินทางจะมีแบบรถยนต์คันละ 200 - 300 บาท หรือคนจะอยู่ที่ประมาณคนละ 160 บาท และใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 - 45 นาที
ซึ่งเกาะช้างแห่งนี้นั้นถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบริเวณพื้นที่ค่อนข้างกว้างทำให้มีจุดท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ วันนี้เราก็จะเดินทางไปเพื่อพักผ่อนเพื่อเตรียมออกเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังในเช้าวันพรุ่งนี้ ดังนั้นในคืนนี้เราจึงจะไปพักกันที่เกาะเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณฝั่งเกาะช้างเรียบร้อยเราก็ขอพากันไปเช็กอินและเก็บกระเป๋ากันให้เรียบร้อยกันที่บริเวณที่พักกันก่อนที่หาดคลองพร้าว ที่นับได้ว่าเป็นชายหาดที่มีความสวยงามสามารถรับชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างโรแมนติกเลยทีเดียว
หลังจากเก็บของที่ห้องพักกันเรียบร้อยแล้วก็พาทุกคนออกมาดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่บริเวณริมชายหาดของที่พักซึ่งมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มให้เราได้สั่งมารับประทานกันได้อย่างสนุกสนานไปพร้อมกับการชมบรรยากาศการแสดงโชว์กระบองไฟ ซึ่งเป็นกิจกรรมไฮไลท์เด็ดริมชายหาดที่อลังการแบบฟินสุด ๆ ไปเลยว่าแล้วก็ขอตัวไปชื่นชมการแสดงสนุกสนานก่อนลาวันนี้กันไปก่อนนะคะทุกคน
เช้าวันที่สองของการเดินทางเที่ยวตราดก็ขอเริ่มต้นทริปบนเกาะช้างกันด้วยการพาทุกคนไปชมความอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเลกัน โดยทริปของเราในวันนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่เช้าหลังจากที่เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็เตรียมของให้พร้อมสำหรับการออกเดินทาง โดยจะมีรถมาคอยรับส่งพวกเราที่หน้าโรงแรมเพื่อเดินทางไปยังท่าเรืออ่าวบางเบ้า เพื่อนั่งเรือไปดำน้ำยังหมู่เกาะต่าง ๆ ซึ่งในทริปนี้เราจะเดินทางไปดำน้ำกันที่เกาะสวย ๆ อย่างเกาะยักษ์ใหญ่ ยักษ์เล็ก และเกาะรัง ที่สามารถเดินขึ้นไปเล่นน้ำบนชายหาดได้อย่างสนุกสนาน ว่าแล้วก็ออกเดินทางไปดำน้ำกันก่อนเลย
เริ่มต้นกันที่จุดเช็กอินดำน้ำที่แรกที่เราจะพาทุกคนไปดำน้ำกันก่อนเลยนั่นก็คือ เกาะยักษ์ใหญ่ ยักษ์เล็ก ที่ถือได้ว่าเป็นจุดดำน้ำที่สวยงามที่สุดเพราะมีแนวปะการัง และเหล่าสัตว์ทะเลมากมายตามแนวโขดหินต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาดำน้ำเที่ยวชม ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงหลังโควิดมานี้ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยได้เดินทางมาจึงทำให้แนวปะการังได้รับการฟื้นฟูเป็นอย่างมากจนทำให้มีสีสันที่สวยสดใสและน้ำทะเลใสแจ๋วจนทำให้มองเห็นเหล่าน้องปลาหลากหลายชนิดแหวกว่ายเข้ามาให้เราได้เห็นกันแบบฟิน ๆ ไปเลย
และนอกจากจะมีปลาหลากหลายชนิดให้เราได้ชื่นชมแล้วก็ยังมีแนวปะการังเขากวาง ปะการังครก หอยมือเสือ หอยเม่น และปะการังมีหลากหลายชนิดที่งดงามเป็นอย่างมากให้เราได้มาชื่นชมกันได้อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว เรียกได้ว่าบริเวณพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยระบบนิเวศที่สมบูรณ์เป็นอย่างมากจนไม่อยากให้คุณพลาดเดินทางมาชมเลยทีเดียว และต้องบอกเลยว่าหากใครที่เดินทางมาอย่าลืมช่วยกันอนุรักษ์เพื่อความสวยงามใต้ท้องทะเลแห่งนี้ด้วยนะคะ
เดินทางดำน้ำกันที่จุดแรกกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดดำน้ำที่ต่อมาอย่าง เกาะรัง หนึ่งในสถานที่อันงดงามของที่เที่ยวตราดที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริเวณเกาะแห่งนี้มีไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ชายหาดที่สวยงามและมีศาลเจ้าตั้งอยู่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปและกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยบริเวณชายหาดหน้าศาลนั้นจะมีความสวยงามของหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลใสสะอาดตาจนทำให้เราอดใจไม่ไหวต้องลงไปนั่งแช่น้ำถ่ายรูปเล่นกันอยู่สักพักเลยทีเดียว
นอกจากจะมีโซนชายหาดศาลเจ้าแล้วเกาะรังยังมีจุดดำน้ำอีกหลากหลายจุดบริเวณรอบเกาะให้เราได้มาดำน้ำชื่นชมกันไม่ว่าจะเป็นเกาะกระ เกาะเทียน เกาะทองหลาง เกาะสองพี่น้อง เกาะมัปริง และเกาะกำปั่น ให้เราได้เดินทางมาชมแนวปะการัง และเหล่าสัตว์ใต้ท้องทะเลอันน่ารักได้อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวถ้ายังงั้นแล้วเราก็ไม่ขอรอช้าขอตัวไปดำน้ำชมเหล่าน้องปลากันก่อนเลยนะคะทุกคน
หลังจากเหนื่อยล้าจากการดำน้ำชมความสวยงามกันเรียบร้อยแล้วเราก็ขอพาทุกคนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมารับประทานอาหารกันต่อเลยที่ ร้านไอยราซีฟู้ด ร้านอาหารเด็ดวิวสวยที่หากใครเดินทางมาเที่ยวตราดแล้วละก็ต้องไม่พลาดมาชิมเมนูอาหารที่ร้านนี้ เพราะนอกจากรสชาติดี วิวดีแล้วราคายังดีอีกด้วยว่าแล้วจะมีเมนูอะไรกันบ้างก็ตามมาดูกันได้เลย
เมื่อเข้ามาที่ในร้านอาหารแห่งนี้ก็จะเห็นได้ว่าในร้านจะมีสโลแกน ชมวิว กินปู พายเรือแคนนูชมหิ่งห้อย ที่เป็นกิจกรรมเด็ดของทางร้าน เนื่องจากตัวร้านตั้งอยู่ริมน้ำที่สามารถชมได้ทั้งวิวทะเลและป่าชายเลนที่งดงามที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้เมื่อตกค่ำหน่อย ๆ ทางร้านก็จะมีบริการนั่งเรือชมหิ่งห้อยในป่าชายเลนฟรีอีกด้วย เรียกได้ว่าได้มาทั้งกินและทำกิจกรรมสนุกสนานไปเลย เพราะฉะนั้นแล้วหากใครที่อยากมาดื่มด่ำรสชาติอาหารดี ๆ และวิวสวย ๆ ก็สามารถมาได้ที่ร้านนี้เลย โดยเมนูเด็ดที่ทางร้านแนะนำเลยก็จะมีของสดต่าง ๆ เช่น กั้งอบเนยกระเทียม หมึกนึ่งมะนาว ปูนึ่ง ปลากะพงทอดน้ำปลาเป็นต้น
ตื่นเช้ามาพร้อมต้อนรับวันใหม่ในการเดินทางเที่ยวตราดกับวันสุดท้ายของการเดินทาง ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนข้ามเรือกลับมาท่องเที่ยวบนบกกันบ้าง โดยต้องบอกเลยว่าในจังหวัดตราดแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายและร้านอาหารเด็ดอยู่หนึ่งเจ้าที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาลิ้มลองรสชาติกันดูว่าแล้วจะเป็นร้านไหนก็ขอตัวจองตั๋วเรือรถกลับฝั่งกันก่อนเลยทุกคน
หลังจากเดินทางจากฝั่งเกาะช้างเพื่อมุ่งหน้ามาอีกฝั่งหนึ่งแล้วก็ได้เวลาอาหารที่ต้องบอกเลยว่าตราด หรือ จันทบุรีเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อปูเป็นอย่างมาก ดังนั้นร้านที่เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับรสชาติความอร่อยกันนั่นก็คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท ที่ถือได้ว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเข้าดังแห่งเมืองตราด ที่เปิดกิจการมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปีและเป็นร้านขวัญใจของเหล่านักชิมทั่วทุกสารทิศที่ต่างยกมือให้กับความอร่อยและความสดใหม่ของเนื้อปู จนต้องแวะกลับมาทานซ้ำทุกครั้งที่มา
โดยจุดเด่นของร้านแห่งนี้เลยนั่นก็คือ เมนูก๋วยเตี๋ยวทะเลที่อัดแน่นไปด้วยกุ้งสด ๆ เนื้อปูแน่น ๆ ก้ามปู ไข่ปู หมึก และกั้งที่เป็นสุดยอดของทะเลสดสุดขึ้นชื่อเมืองตราดที่รับรองได้ว่าคุณภาพความสดสะอาดเสิร์ฟพร้อมให้คุณได้ทานแบบถ้วยต่อถ้วยเลยทีเดียว เรียกได้ว่าหากใครที่เดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดตราดแห่งนี้ก็ไม่ควรพลาดมาลิ้มลองรสชาติที่ร้านแห่งนี้กันเลย พูดมาขนาดนี้ก็ขอตัวไปโซ้ยก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ กันก่อนเลยนะคะทุกคน
เมื่อเติมพลังกองทัพของเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปท่องเที่ยวกันต่อที่ ป่าชายเลนบ้านนาสลักเพชร แหล่งท่องเที่ยวสุดขึ้นชื่อ ที่หากใครไม่ได้เดินทางมาถือว่าพลาด เพราะด้วยความสวยงามของผืนป่าชายเลนที่เรียกได้ว่าเป็น unseen ของจังหวัดตราด จึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาชื่นชมความงดงามกันอย่างไม่ขาดสาย
ซึ่งไฮไลท์เด็ดของหมู่บ้านแห่งนี้นั้นก็คือ มุมถ่ายรูปสุดฮิตอย่างสะพานแดงที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันงดงามของเงาร่มไม้ขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ที่เปิดให้คุณได้เข้ามาถ่ายรูปเล่นได้อย่างเพลิดเพลินแถมยังสามารถเดินเล่นรับลมชมวิวเย็น ๆ สบาย ๆ ได้ที่สุดปลายทางที่คุณจะสามารถมองเห็นปากอ่าวได้อย่างชิว ๆ เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิว ๆ ที่ทำให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอดเลยทีเดียว
หลังจากเที่ยวเล่นชมบรรยากาศของป่าชายเลนกันไปบ้างแล้วก็ไปต่อกันที่สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายในจังหวัดตราดกันเลยดีกว่ากับ สวนไพรฑูรย์ สถานที่ท่องเที่ยวสุดคุ้มค่าสำหรับแฟนคลับตัวยงเรื่องทุเรียน เพราะหากพูดถึงจังหวัดตราดและจันทบุรีแล้วก็คงหนีไม่พ้นกับผลไม้ยอดฮิตอย่างทุเรียน ที่ต้องบอกเลยว่าสวนผลไม้แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาอิ่มหนำไปกับทุเรียนกันแบบจุก ๆ กับบุฟเฟ่ต์ผลไม้ในราคาสุดคุ้มแค่ 200 กว่าบาทเท่านั้น
โดยภายในบุฟเฟ่ต์ราคานี้ก็จะมีผลไม้สุดขึ้นชื่อตามซีซั่นต่าง ๆ เช่น ทุเรียน มังคุด สละ และเงาะที่มีทั้งเนื้อแน่น ๆ และรสชาติดีที่รับรองได้เลยว่าสดใหม่ไม่มีค้างคืนแน่นอนเพราะทางสวนแห่งนี้จะเด็ดให้คุณได้กินจากต้นแบบสด ๆ เลยทีเดียว เรียกได้ว่าใครที่เป็นสายผลไม้ตัวยงแล้วละก็ต้องไม่พลาดกับการเดินทางมาที่สวนผลไม้แห่งนี้เลย หรือหากใครที่ไม่ใช่สายบุฟเฟ่ต์แต่อยากมาซื้อผลไม้สด ๆ อร่อย ๆ แล้วก็ที่สวนแห่งนี้ก็มีผลไม้ขายปลีกให้คุณได้ซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย
อิ่มท้องกันไปแล้วกับการเที่ยวชมสวนผลไม้ ก็ได้เวลาของการเดินทางกลับบ้าน ที่เราจะนั่งเครื่องบินจากจังหวัดตราดเพื่อมุ่งหน้ากลับสู่จังหวัดกรุงเทพ ซึ่งเราต้องบอกเลยว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการท่องเที่ยวแบบยุค New normal ที่นอกจากเราจะได้เที่ยวอย่างสนุกสนานแล้วยังได้อิ่มเอมไปกับการได้ออกมาสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติและกลิ่นของการท่องเที่ยวอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าและทำให้เราอยากกลับมาท่องเที่ยวต่อเลยทีเดียว ยังไงแล้ววันนี้เราก็ต้องขอตัวลาทุกคนไปก่อนแล้วกันใหม่ทริปหน้านะคะทุกคน