เชื่อว่าหลายคนตอนนี้ก็คงกำลังหาทริปไปเที่ยวกันให้วุ่นวาย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด 19 (Covid-19) ก็อาจจะต้องโฟกัสการเที่ยวในประเทศกันไปก่อน หากใครที่กำลังมองหาทริปใหม่ แต่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ไม่ต้องเป็นกังวลไป ทริปนี้เราจะพาทุกคนไปขับรถสนุกๆ เที่ยวแบบ Road Trip ที่มีจุดหมายเริ่มต้นที่เชียงใหม่ ก่อนจะขับรถไปเรื่อย ผ่านแม่ฮ่องสอน และไปเที่ยวที่ปาย แต่คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าการไปเที่ยวแบบ Road Trip นั้นจะต้องใช้เวลานาน ต้องลางานหลายวัน แต่อันที่จริงแล้ว มีวันหยุดเพียงไม่กี่วันก็ไปเที่ยวแบบโรดทริป เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน กันได้แล้ว
ก่อนอื่นเลยด้วยความประหยัดเวลา และอยากให้ทริปนี้ใครก็เที่ยวตามได้ ถึงแม้ว่าจะมีวันหยุดไม่เยอะ เลยเลือกจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ กับTraveloka ข้อดีคือเปรียบเทียบราคาได้ชัดเจน แถมจองตั๋วเครื่องบินได้รวดเร็วทันใจ บัตรเครดิตไม่ต้องใช้ สำหรับทริปนี้ที่เลือกใช้ Traveloka ก็เพราะว่านอกเหนือจากบริการจองตั๋วเครื่องบิน ยังสามารถจองที่พักเชียงใหม่ รวมถึงบริการอื่นๆ อีกอย่างเช่น รถรับส่งสนามบิน หรือว่ารถเช่าเชียงใหม่ เข้าทางเลยที่นี้ เพราะว่าเราต้องการเช่ารถเชียงใหม่อยู่พอดี
ขั้นตอนการจองรถเช่าเชียงใหม่ก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่คลิกบริการเช่ารถด้านล่าง จากนั้นก็จองรถเช่าเชียงใหม่ได้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้ง เช่ารถเชียงใหม่แบบมีคนขับ และไม่มีคนขับ สำหรับทริปเชียงใหม่นี้ เนื่องจากจะเช่าหลายวัน และมีแพลนเที่ยวที่ค่อนข้างไม่แน่นอนเท่าไหร่ เลยเลือกรถเช่าเชียงใหม่ไม่มีคนขับ ข้อดีของการเช่ารถเชียงใหม่กับ Traveloka ก็คือสามารถเลือกรับรถที่สนามบินได้เลย บินมาถึงปุ้ปก็คือรับเลย แล้วขับเที่ยวได้ทันใจ สะดวกสบายมาก เหมาะกับคนที่อยากแพลนเที่ยวเอาไว้ล่วงหน้าแหละ
Day 1
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ แล้วบินมาลงเชียงใหม่ ใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ทริปนี้เราประหยัดเวลาเที่ยวไปได้อีกเยอะ เพราะว่าทริปนี้เราเลือกบินมาเชียงใหม่เวลาเช้าที่สุดเลย ถึงก่อน 9 โมงเช้าซะอีก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าทริปนี้จะเที่ยวคุ้มอย่างแน่นอน รับรถเช่าเชียงใหม่ที่จองไว้ ก็พร้อมแล้ว ออกไปตะลุย Road Trip ของเราได้เลย
โกเผือกโกดำ
ร้านอาหารเช้าสุดโด่งดังของเชียงใหม่ ที่หลายคนอาจจะต้องมารอเข้าคิวแต่เช้า เพื่อได้ลิ้มรสความอร่อยของไข่กระทะ โจ๊ก หรือว่าขนมปังสังขยา 4 สีของร้านนี้ จุดเด่นของร้านนี้คือเป็นร้านที่เน้นขายอาหารเช้า ที่เปิดร้านเช้ามากจริง ตั้งแต่ประมาณ 7.30 เช้าเป็นต้นไป จนถึงประมาณบ่าย 2 ก็จะปิดร้าน ใครที่คิดว่าร้านนี้เปิดทั้งวัน บอกเลยว่าคิดผิด และอยากให้รีบมาแต่เช้า
โดยร้านนี้จะตั้งอยู่ที่ถนนห้วยแก้ว บริเวณหลังโครงการฮาร์เบอร์ มาไม่ยาก สำหรับใครที่ขับรถมาแบบเรา บริเวณร้านก็จะมีที่จอดด้วย เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินตอนเช้าของเชียงใหม่ที่ไม่อยากให้พลาด เราจะแวะร้านนี้ตลอดเวลาที่บินมาเชียงใหม่ตอนเช้า เพราะว่านอกจากรสชาติอาหารจะดีแล้วนั้น ยังถ่ายรูปออกมาสวย สายถ่ายรูปก็น่าจะชอบเช่นเดียวกัน เมนูต้องสั่งแนะนำเลยคือ สังขยา 4 สี
แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ (Grand Canyon Chiang Mai)
ด้วยความที่มาถึงเชียงใหม่เช้ามาก กินข้าวเสร็จแล้วก็ยังเช้าอยู่ โรงแรมที่จองเอาไว้ก็ยังเข้าเช็คอินไม่ได้ ก็เลยขับรถมาเที่ยวแวะที่ที่เที่ยวเชียงใหม่แห่งแรกซะก่อน นั่นก็คือแกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ เป็นที่เที่ยวเชียงใหม่ที่เราไม่ได้คาดหวังไว้เลย แต่เห็นว่าสามารถจองตั๋วที่เที่ยวนี้ได้ล่วงหน้าใน Traveloka ก็เลยกดจองมา ในใจนึกว่าก็สะดวกดี เพราะแค่จ่ายเงิน ได้รับตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเข้าที่เที่ยวนั่นได้เลย การมาเที่ยวแกรนด์แคนยอนนั้นจะต้องขับรถผ่านมาทางหางดง
ความสวยงามของแกรนด์แคนยอนก็คือความเป็นธรรมชาติ ที่ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นแกรนด์แคนยอนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เกิดจากการที่เจ้าของที่ดินได้ขุดหน้าดินไปขาย แต่แกรนด์แคนยอนก็มีพื้นที่มากมาย มีความเงียบสงบ เมื่อเทียบกับราคาค่าเข้าแล้ว ก็ถือว่าไม่แพง เพราะว่าคุณจะได้ทำกิจกรรมมากมายภายในแกรนด์แคนยอนแห่งนี้ ทั้งว่ายน้ำ กระโดดน้ำ พายเรือคายัค แต่ว่าหากอยากทำกิจกรรมมากกว่านั้น แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบที่รวมกิจกรรมซิปไลน์ หรือว่าขับรถ ATV ไปได้เลย รับรองว่าคุ้มกว่ากันมาก หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมที่แกรนด์แคนยอนแล้วนั้น ก่อนขับรถไปยังที่พัก
ครอสทูไวบ์เชียงใหม่ดีเซ็ม (X2 Vibe Chiang Mai Decem Hotel)
ถึงเวลาได้เข้ามาเช็คอินกันสักที ที่โรงแรม ครอสทูไวบ์เชียงใหม่ดีเซ็ม (X2 Vibe Chiang Mai Decem Hotel) เป็นที่พักเชียงใหม่ที่เราเลือกกันในทริปนี้ เพราะว่าที่พักเชียงใหม่ไม่แพงมาก ราคาเริ่มต้นที่หลักพันต้น แถมทำเลก็ยังเหมาะมาก เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ - ลำปาง ตรงข้างๆ กับห้างเมญ่า (Maya) ใกล้กับย่านนิมมานเหมินห์เลย เพียงแค่เดินข้ามแยกไปเท่านั้น แถมยังเหมาะกับการขับรถมาจอด เพราะว่าที่โรงแรมแห่งนี้ก็จะมีพื้นที่สำหรับจอดรถยนต์ด้วย แนะนำสำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักเชียงใหม่ราคาไม่แรง ทำเลดี เหมาะกับคนที่อยากพักแถวนิมมาน แต่ก็สู้ราคาไม่ไหว หรือว่าเน้นเดินทางสะดวก ไม่ต้องไปรถติดในนิมมานก็เหมาะ แนะนำเลย
วัน นิมมาน (One Nimman)
ด้วยความที่คืนนี้เราแพลนกันไว้ว่าจะไปไนท์ซาฟารี ก่อนถึงเวลาที่จะไป เลยมาเดินเล่นหาอะไรกินที่ วัน นิมมาน (One Nimman) กันซะก่อน สำหรับวัน นิมมาน ก็เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ที่อยู่ตรงย่านนิมมานเหมินห์ ด้วยความที่เรานอนโรงแรมครอสทูไวบ์ ทำให้สามารถเดินข้ามไปยังวัน นิมมานได้อย่างง่ายดาย ภายในวัน นิมมานก็จะมีร้านค้า คาเฟ่ ร้านอาหาร และบางทีก็อาจจะมีงานศิลปะแวะเวียนมาจัดแสดงยังสถานที่แห่งนี้
เป็นที่เที่ยวเชียงใหม่ที่ได้ฟีลเหมือนอยู่ต่างประเทศอะไรแบบนั้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเชียงใหม่ที่น่าสนใจ แถมถ่ายรูปสวย ในนั้นจะมีร้านรวงต่างๆ เรียงรายอยู่ตามสองข้างทางเต็มไปหมดเลยแหละ ถ้าหากว่าใครอยากลองชิมอาหารเหนือ หรือว่าสตรีทฟู้ดชื่อดังของเชียงใหม่ ด้านหลังก็จะเป็นเหมือนฟู้ดคอร์ทขนาดย่อม ที่รวมร้านดังของเชียงใหม่เอาไว้เพียบ ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับใครที่เวลาไม่มากพอที่จะขับรถไปตระเวณกินยังที่ต่างๆ
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari)
ที่เที่ยวเชียงใหม่แห่งสุดท้ายของวันนี้แล้ว เราขับรถตรงมายังเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari) ซึ่งมันจะเป็นคนละที่กับสวนสัตว์เชียงใหม่นะทุกคน หลายคนอาจจะสับสน แต่มันคือคนละที่กัน สำหรับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีนี้ จะตั้งอยู่ภายในอำเภอหางดง ตรงอุทยานราชพฤกษ์ ก็จะต้องขับรถออกมาจากตัวเชียงใหม่ประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้นะ ข้อดีของไนท์ซาฟารีก็คือว่า จะปิดดึก ปิดประมาณ 4 ทุ่มได้ มาเที่ยวกันตั้งแต่ 11.00 - 22.00 น. กันไปเลย ภายในจะมีสัตว์มากมาย แถมยังสามารถนั่งรถชมสัตว์ที่ออกมาหากินตอนกลางคืนได้อย่างใกล้ชิด
พอขับรถมาถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก็ไม่ต้องยุ่งยากอะไรเลย เพราะว่าเราได้จองตั๋วที่เที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี กับ Traveloka เอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว แค่มีบัตรอิเล็กทรอนิกส์แบบ QR Code ก็เข้าไปเที่ยวกันได้ง่ายๆ จะคิวเยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วง เพราะซื้อตั๋วผ่าน Traveloka มาแล้วก็เหมือนได้ลัดคิว เข้าไปเที่ยวกันได้เลย ไฮไลท์ของที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่นอกจากจะได้ชมสัตว์อย่างใกล้ชิด มีสัตว์กลางคืนให้ได้ชม แล้วยังมีโชว์เสือด้วย แต่แนะนำว่าให้ตรวจสอบตารางเวลาโชว์แต่ละอย่างก่อน จบจากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แล้วก็ต้องขอตัวกลับไปนอนยาวๆ กันเลย ก่อนที่จะไปเริ่มทริปพรุ่งนี้ที่เชียงใหม่อีก 1 วัน ก่อนขับรถไปแม่ฮ่องสอน
Day 2
สำหรับวันนี้ก็ตื่นแต่เช้า และเป็นวันเดียวในทริปที่ไม่ได้เลือกจองรถเช่ากับ Traveloka ซึ่งนี่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่ง สำหรับการเช่ารถเชียงใหม่กับทราเวโลก้า ก็คือว่าเราสามารถเลือกว่าจะเช่ารถวันไหน หรือไม่เช่าวันไหนก็ได้ ไม่มีการบังคับแต่อย่างใด ราคาค่าเช่ารถก็จะคิดเป็นรายวันไปนั่นเอง ด้วยความที่วันนี้อยากจะเที่ยวแบบสายบุญ ก็เลยเลือกที่จะซื้อทัวร์แบบวันเดย์ทริป (1 Day Trip) ไม่ต้องขับรถ เพราะจะมีคนมารับเรียบร้อย เป็นทัวร์หนึ่งวันเต็ม ซึ่งก็เหมือนเดิมทัวร์นี้ได้จองกับ Traveloka นั่นเอง ใครสนใจก็เข้าไปจองกันได้ ไปดูกันเลยดีกว่า สำหรับคนที่อยากซื้อทัวร์ ว่าถ้าไปทัวร์แบบ 1 วัน นั้นจะได้ไปเที่ยวไหนกันบ้าง
ดอยสุเทพ (Doi Suthep)
เริ่มต้นกันด้วยที่เที่ยวเชียงใหม่ที่แรกของทัวร์ 1 วันนี้ เรามาเริ่มต้นกันที่ดอยสุเทพ วัดพระธาตุดอยสุเทพ หนึ่งในแลนด์มาร์คชื่อดังของเชียงใหม่นั่นเอง ซึ่งดอยสุเทพนี้ตั้งอยู่บนถนนห้วยแก้ว ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลเลย หรือใครที่อยากเช่ารถเชียงใหม่ แล้วขับมาเองก็ได้ ใช้เวลาไม่นาน ขับรถไม่เก่งก็มาได้ เพราะว่าทางไม่ได้คดเคี้ยวมากนัก ก็ขับง่ายสบายอยู่ โดยดอยสุเทพนี้ ใครสะดวกก็มาตั้งแต่เช้าเลยก็ได้ จะถ่ายรูปง่าย เพราะคนไม่เยอะ ดอยสุเทพจะเปิดตั้งแต่เวลา ตี 5 ไปจนถึง 3 ทุ่ม บางคนก็จะนิยมขับรถขึ้นมาเที่ยวตอนกลางคืนด้วย เพราะว่าจะมีการเปิดไฟสวยงาม
พระธาตุดอยสุเทพ ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวเชียงใหม่มาเป็นเวลาช้านาน ไม่ว่าใครที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ ต่างก็ต้องมาเยือนดอยสุเทพกันทั้งนั้น เพราะมีความเชื่อว่าการมาไหว้พระขอพรที่ดอยสุเทพ จะทำให้คำขอของคุณสำเร็จตามปราถนา โดยวิธีการไหว้สักการะพระธาตุดอยสุเทพ ก็คือการถือดอกไม้ ธูป และเทียน เดินวนขวา 3 รอบโดยประมาณ นอกเหนือจากจะได้ทำบุญไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้แล้ว ยังได้ชมวิวสวยของเมืองเชียงใหม่อีกด้วย
พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ (Bhubing Palace)
หลังจากที่เที่ยวดอยสุเทพกันเรียบร้อยแล้ว อยากให้ขับรถขึ้นมาเที่ยวต่อที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ (Bhubing Palace) เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเชียงใหม่อันน่าสนใจ เพราะว่าเป็นพระตำหนักที่มีความงดงามยิ่งหนัก รายล้อมไปด้วยดอกไม้อันสวยงาม ยิ่งไปเที่ยวในช่วงหน้าหนาวก็จะยิ่งฟิน เพราะด้านบนพระตำหนักภูพิงคนั้นบรรยากาศดีมาก ใครกำลังมองหาพิกัดชมดอกไม้สวยๆ แบบที่ไม่ต้องไปหน้าดอกไม้บานก็ได้ดู แนะนำให้ไปที่พระตำหนักนี้เลย รับรองว่าฟินอย่างแน่นอน
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร (Wat Phra Singh)
มาจนถึงที่เที่ยวเชียงใหม่แห่งต่อไป ที่อยู่ภายในโปรแกรมทัวร์หนึ่งวัน นั่นก็คือวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร (Wat Phra Singh) วัดอารามหลวงชั้นเอกที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ อยู่ในย่านคูเมืองเชียวแหละ เป็นหนึ่งวัดเก่าแก่ ที่สำคัญมากของชาวเชียงใหม่ เวลาที่มีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อันสำคัญทางศาสนา วัดพระสิงห์ก็จะคราคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย เป็นวัดที่ชาวเชียงใหม่ให้ความเคารพ สักการะ ทุกวันพระจะมีชาวเชียงใหม่เดินทางไปทำบุญที่วัดตั้งแต่เช้า หรือถ้าเป็นวันสำคัญทางศาสนาที่มีเวียนเทียน คนก็จะเยอะไม่แพ้กัน
ความสำคัญของวัดพระสิงห์อีกหนึ่งอย่าง ก็คือเป็นวัดที่เป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์ ที่เป็นพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ และครั้นยังเป็นแผ่นดินล้านนามาอย่างยาวนาน นอกจากนั้นสถาปัตยกรรมของเจดีย์ รวมถึงพระอุโบสถยังสวยงามเป็นอย่างมากอีกด้วยเช่นกัน ใครมีเวลาว่างๆ หรือไปเที่ยวเชียงใหม่ ไม่รู้จะไปไหน แนะนำให้ลองไปเที่ยวที่วัดพระสิงห์ดู
วัดเจดีย์หลวง (Wat Chedi Luang)
หลังจากไหว้พระที่วัดพระสิงห์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปต่อกันยังวัดเจดีย์หลวงกันได้เลย เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเชียงใหม่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมากราบไหว้ เนื่องจากเป็นเจดีย์หลวง ถูกสร้างขึ้นให้เป็นอารามหลวงแบบโบราณ มาตั้งแต่ในสมัยพระเจ้ามังราย ไม่ทราบปีที่สร้างอย่างแน่ชัด แต่ว่าเก่าแก่มาก ที่ถือว่าเจดีย์หลวงนี้ได้เป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรล้านนา มาตั้งแต่ในอดีต ในวัดเจดีย์หลวงจะมีส่วนที่เป็นวิหารหลวง เจดีย์หลวง หรือว่าพระธาตุเจดีย์หลวง ที่สร้างตามเจดีย์ทรงพุกาม ถือว่าเป็นที่เที่ยวเชียงใหม่ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทย และเป็นศาสนสถานที่ควรอนุรักษ์เอาไว้
หลังจากที่เที่ยววัดเจดีย์หลวงแล้ว ก็จะต้องไปที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์กันต่อ แต่สำหรับใครที่อยากไปจุดไหนเป็นพิเศษ หรือว่าไม่อยากไปจุดไหน อย่างเราที่ขอข้ามสถานีเกษตรหลวงนี้ไป เพราะอยากจะไปเดินหาอะไรกินชิลล์ๆ ซะมากกว่าก็สามารถตกลงกับทัวร์ได้ ก็เป็นอันว่าจบทริปหนึ่งวันกันที่วัดเจดีย์หลวงนี้
หาอะไรกินที่ตลาดช้างเผือก
หากมาเที่ยวเชียงใหม่แล้วอยากกินสตรีทฟู้ด หรืออาหารเหนือแบบแซ่บๆ ที่มีหลากหลายเมนูให้เลือกหน่อย แนะนำให้มาที่ตลาดช้างเผือก รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แนะนำให้มาตอนเย็นๆ เพราะว่าร้านรวงก็จะมาเปิดมากหน่อย แต่ตลาดช้างเผือกบริเวณนี้ก็จะเปิดทั้งตอนเช้า และตอนเย็น จะมาเช้าหรือว่าเย็นก็ได้ สำหรับตลาดช้างเผือกข้อดี ก็คือมีของกินหลากหลายมากๆๆ ทั้งอาหารแบบพื้นเมือง หรืออาหารทั่วไป ใครอยากลิ้มลองอาหารเหนือขนานแท้ แนะนำให้ลองมาเดินเล่น หาอะไรกินที่ตลาดช้างเผือกดู ที่สำคัญคือราคาไม่แพง ใครอยากหาอะไรอร่อย อิ่มท้อง ในราคาที่ไม่แพงมาก แนะนำเลย
Day 3
วันที่สามนี้เราก็ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะรอขับรถไปเที่ยวปายกัน ซึ่งโรดทริปในครั้งนี้ตัดสินใจที่จะไป เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน โดยที่เราจะขับรถไปที่ปายก่อน เพราะว่าถ้าหากขับรถจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนนั้น ก็จะต้องถึงอำเภอปายเป็นอันดับแรก แนะนำว่าใครที่ต้องการขับรถเที่ยวตามโรดทริปของเรานั้น ให้ออกจากเชียงใหม่เช้าหน่อย เพราะระยะเวลาจากเชียงใหม่ไปปายก็ประมาณ 4 ชั่วโมงแล้ว แต่เราจะแวะเที่ยวกันระหว่างทาง
สะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย (Pai Historical Bridge)
วิ่งจากเชียงใหม่ผ่านทางเส้นช้างเผือก ตรงมาเรื่อยๆ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ก่อนจะมาเลี้ยวซ้ายตรงแม่ริม เข้าทางหลวงหมายเลข 1095 เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังอำเภอปาย ในจุดนี้เราก็จะแวะเที่ยวที่สะพานประวัติศาสตร์ปาย ซะก่อนที่จะเดินทางไปยังตัวอำเภอปาย โดยสะพานแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นสะพานแลนด์มาร์คสำคัญของปายเลยทีเดียว หากใครได้มีโอกาสได้มาเที่ยวปายก็อยากให้แวะมากัน เพราะว่าเป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะเมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นได้ย้ายฐานทัพมาที่ไทย โดยลักษณะของสะพานประวัติศาสตร์นี้ จะมีรูปร่างคล้ายสะพานข้ามแม่น้ำแควในกาญจนบุรี
นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วนั้น วิวสองข้างทางบริเวณสะพานแห่งนี้ก็ยังมีความสวยงามเป็นอย่างมาก เป็นจุดถ่ายรูปกับธรรมชาติสวยๆ ได้ดี คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวสะพานประวัติศาสตร์นี้ ก็มักจะมาถ่ายรูปที่จุดนี้กัน ใครที่ขับรถจากเชียงใหม่มาเที่ยวปาย แนะนำให้แวะเลย
ปายแคนยอน (Pai Canyon)
หลังจากที่ถ่ายรูปกับสะพานประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถมาเที่ยวต่อกันที่ปายแคนยอน (Pai Canyon) เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีแคนยอนที่บริเวณนี้ด้วย เพิ่งมารู้ตอนเสิร์ชเจอที่เที่ยวปายเนี่ยแหละ สำหรับปายแคนยอน มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ปายกองแลน จะเป็นลักษณะที่เหมือนแพะเมืองผี หรือตามแคนยอนต่างๆ แต่เป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เนื่องจากดินที่ทรุดตัวลงมาจากภูเขาสูง ก่อเกิดเป็นรูปร่างเหมือนแกรนด์แคนยอนขนาดย่อม แต่ใครที่มาเที่ยวที่ปายแคนยอนนี้ ก็ควรระวังหน่อย เพราะถ้าตกลงไปก็น่าจะเจ็บอยู่ เพราะจะไม่ค่อยมีที่กั้นให้ แต่บอกเลยว่าคุ้ม สำหรับสายชอบถ่ายรูป ไม่มีค่าเข้าชมด้วยนะ เข้าฟรี
วัดพระธาตุดอยกองมู (Wat Phrathat Doi Kongmu)
หลังจากที่เที่ยวในปายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็บึ่งรถมาต่อกันที่แม่ฮ่องสอนกันเลย เพราะว่าคืนนี้เราจะนอนที่แม่ฮ่องสอนกัน หรือว่าใครที่อยากจะนอนค้างที่ปายก็ได้ แต่เรามาปายบ่อยแล้วค่อนข้างเบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เลยเลือกที่จะมานอนที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกัน มาที่จุดเช็คอินแม่ฮ่องสอนแห่งต่อไปก็คือ วัดพระธาตุดอยกองมู (Wat Phrathat Doi Kongmu) แนะนำเลยนะ หากใครได้มาแวะเที่ยวแม่ฮ่องสอน ก็อยากให้มาที่พระธาตุแห่งนี้ เพราะว่าเป็นวัดพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่บนดอยกองมู ขับรถจากตัวเมืองไปแปปเดียวเท่านั้น
ด้วยความที่พระธาตุดอยกองมู ได้ตั้งอยู่บนดอยกองมู จึงสามารถมองเห็นวิวแม่ฮ่องสอนได้ทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว จุดเด่นหลักก็คือความงดงามของเจดีย์พระธาตุกองมู ที่เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบไทใหญ่ และพม่ามารวมเอาไว้ด้วยกัน คราวถึงหน้าเทศกาล ที่วัดพระธาตุดอยกองมูจะมีการจัดงานรื่นเริง ประชาชนก็จะมาร่วมทำบุญที่วัดนี้ โดยเฉพาะในช่วงออกพรรษาก็จะมีการตักบาตรดาวดึงส์ด้วย
พาโนรามา โฮเทล (Panorama Hotel)
ทริปเที่ยวแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ เราก็ตัดสินใจที่จะนอนที่พาโนรามา โฮเทล (Panorama Hotel) เป็นที่พักแม่ฮ่องสอนเล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่มาก แล้วก็ไม่ได้ใหม่มากด้วย แต่ที่ตัดสินใจนอน ก็เพราะว่าเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมืองเลย สะดวก ทำเลดี อยากจะออกมาเดินเล่นไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนตอนกลางคืนก็โอเค แต่อันที่จริงแม่ฮ่องสอนจะไม่เหมือนปาย ตรงที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะพลุกพล่าน เพราะคนส่วนใหญ่จะนิยมไปนอนที่ปายซะมากกว่า นอนพักเอาแรงคืนนี้ ก่อนจะตื่นแต่เช้าขับรถเที่ยวแม่ฮ่องสอนกันต่อ
Day 4
ตื่นมาแต่เช้าตรู่หาอะไรกินร้องท้อง ก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ สำหรับแพลนวันนี้เราจะเที่ยวโรดทริปกันเป็นวันสุดท้าย เพราะหลังจากที่ขับรถไปเที่ยวบ้านรักไทย ก็ตัดสินใจจะตีรถยาวกลับเชียงใหม่เลย เนื่องจากจะจองตั๋วเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ เอาไว้ แล้วก็จะกลับไปคืนรถเช่าเชียงใหม่ที่สนามบินทีเดียว แต่โชคดีที่เที่ยวบินกลับไม่ได้เร็วมากนัก เราก็ยังพอมีเวลาชิลล์ๆ แต่ที่ต้องรีบนิดหนึ่ง เพราะเผื่อมีอุปสรรคระหว่างทางนั่นเอง
บ้านรักไทย (Baan Rak Thai)
เป็นที่เที่ยวแม่ฮ่องสอนที่ทำให้เราเกิดความคิดอยากขับรถมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนในครั้งนี้เลย เพราะได้เห็นรูปสวยๆ ของบ้านรักไทยตามเพจที่เที่ยวต่างๆ เลยเกิดความคิดที่จะมาเที่ยวดูสักครั้ง ซึ่งพอได้ขับรถมายังที่เที่ยวแม่ฮ่องสอนนี้ ก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะว่าบรรยากาศของบ้านรักไทยคือดีมากๆ ขอให้นึกภาพตามว่าด้านหลังคือวิวทิวเขา ที่ด้านหน้าจะมีลำน้ำไหลผ่าน พร้อมกันนั้นก็ยังมีบ้านเรือนของชาวจีนยูนนานปลูกอยู่กระจัดกระจายเต็มไปหมด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมืองไทยก็มีที่เที่ยวสวยๆ แบบนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน อยากชวนทุกคนออกไปเที่ยวไทย ไปผ่อนคลายหนีความวุ่นวาย กลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติกันเถอะ
กิจกรรมที่บ้านรักไทยก็มีให้เลือกทำหลากหลาย จุดเด่นก็คืออากาศดี วิวสวย แต่ด้วยความที่อากาศดีนี้แหละ จึงทำให้เหมาะแก่การปลูกชา มีไร่ชาอยู่ในบ้านรักไทยด้วย อยากจะมาชิมอาหารจีนยูนนาน จิบชา หรือว่าปั่นจักรยานไปรอบบ้านรักไทยก็เวิร์คอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่เที่ยวบ้านรักไทย พักผ่อน ถ่ายรูป จิบชา และชิมอาหารจีนยูนนาน เมนูแนะนำคือขาหมูหมั่นโถว ก็เตรียมตัวขับรถกลับเชียงใหม่ เพื่อบินกลับกรุงเทพฯ ในค่ำคืนนี้