นอกจากสิงโตเมอร์ไลออน (Merlion) แล้ว สิงคโปร์ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ริมอ่าวมารีน่าที่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางตึกสูงระฟ้าใจกลางเมือง ที่นี่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างพากันจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปเยือน พร้อมกับนั่งชิงช้าขึ้นไปชมความสวยงามของทัศนียภาพรอบ ๆ อ่าวมารีน่าแบบ 360 องศา
ใครที่อยากเห็นความสวยงามและอยากสัมผัสประสบการณ์นั่งชิงช้าสูงเสียดฟ้าแบบนี้ อย่ารอช้า รีบจองตั๋วเครื่องบินไปสิงคโปร์ผ่านแอป Traveloka แล้วเตรียมตัวไปขึ้นสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ชมความสวยงามอันน่าทึ่งของเมืองนี้กันได้เลย
สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์หนึ่งเดียวในประเทศสิงคโปร์ ทั้งยังเป็นหนึ่งในชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2005 ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 3 ปี เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี ค.ศ. 2008 ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสิงคโปร์ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกพักโรงแรมสิงคโปร์ในละแวกใกล้ ๆ และเดินทางไปเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย
สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่มีความสูงถึง 165 เมตร หรือสูงเทียบเท่าตึก 42 ชั้น บนชิงช้าประกอบด้วยกระเช้าแคปซูลใสแบบปรับอากาศจำนวน 28 แคปซูล แต่ละแคปซูลมีพื้นที่ 26 ตารางเมตรร จุคนได้สูงสุด 28 คน และใช้เวลานั่งแคปซูล 1 รอบราว 30 นาที
เมื่อเข้าไปภายในกระเช้าแคปซูลจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยไม่มีอะไรมาบัง นักท่องเที่ยวจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวมารีน่าและเมืองสิงคโปร์เบื้องล่างได้แบบ 360 องศา ทั้งยังมองเห็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญหลายแห่ง อาทิ เมอร์ไลออน พาร์ค (Merlion Park), สะพาน Helix Bridge, ตึกมารีน่า เบย์ แซนด์, สวนสาธารณะการ์เดนส์ บาย เดอะ เบย์, เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island) เป็นต้น รวมถึงสามารถมองพื้นที่ของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียได้ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งอีกด้วย
นอกจากส่วนที่เป็นชิงช้าสวรรค์แล้ว สิงคโปร์ ฟลายเออร์ยังมีส่วนที่เป็นนิทรรศการภายในอาคารใต้ชิงช้าที่เรียกว่า ไทม์แคปซูล (Time Capsule) ด้วย นี่คือนิทรรศการดิจิทัลสุดล้ำในธีมเครื่องย้อนเวลาที่จะพานักท่องเที่ยวทุกคนย้อนอดีตไปพบกับประวัติศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์จากต้นกำเนิดที่เรียบง่ายในฐานะเกาะเล็ก ๆ ที่งดงามและเงียบสงบ สู่มหานครระดับโลกที่คึกคักในปัจจุบัน
สำหรับการขึ้นชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์ นั้นต้องซื้อตั๋วเข้าชม โดยจะขายแบบมัดรวมตั๋ว Singapore Flyer + Time Capsule ราคาดังนี้
สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) เปิดให้เที่ยวชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-22:00 น. สามารถขึ้นชิงช้ารอบสุดท้ายได้ในเวลา 21:30 น. ของทุกวัน ช่วงเวลาที่แนะนำคือช่วงเย็นเพราะจะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกไปพร้อมกัน ซึ่งภาพที่เห็นนั้นมีความสวยงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สิงคโปร์ ฟลายเออร์ยังสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูอีกด้วย
สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) ตั้งอยู่ติดริมอ่าวมารีน่า (Marina Bay) บนถนน Raffles Ave. ใกล้กับสะพาน Benjamin Sheares และสนามแข่งรถ Marina Bay Street Circuit นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว, แหล่งช้อปปิ้ง, ร้านอาหาร และที่พักมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถจองโรงแรมในย่านนี้แล้วออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ ถ้าหากไปสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ไม่ถูก ก็สามารถค้นหาตามพิกัดด้านล่างนี้ได้เลย
ด้วยความที่สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ดังนั้นการเดินทางไปเที่ยวจึงสะดวกสบายมาก นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีเดินทางได้หลายวิธี ดังนี้
รถไฟใต้ดินเป็นวิธีการเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ที่สะดวกสบายที่สุด โดยสามารถนั่งรถไฟใต้ดินได้ 2 สาย คือ สายสีเหลืองเข้ม Circle Line กับสายสีน้ำเงิน Donwtown Line แล้วมาลงที่สถานี Promenade ออกที่ทางออก A จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 400 เมตร ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟใต้ดินราว 8 นาที
รถบัสประจำทางก็เป็นอีกหนึ่งวิธีเดินทางที่สะดวกเช่นกัน โดยป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้สิงคโปร์ ฟลายเออร์มากที่สุดคือป้าย Aft S'pore Flyer บริเวณใต้สะพาน Benjamin Sheares มีรถบัสประจำทางผ่านหลายสาย อาทิ 56, 77,97, 195 และ 960 จากป้ายรถเมล์เดินต่ออีกประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงสิงคโปร์ ฟลายเออร์
อีกหนึ่งป้ายรถเมล์ที่ลงได้คือป้าย Opp The Ritz-Carlton มีรถบัสประจำทางผ่านหลายสาย อาทิ 36, 36A, 36B, 70A, 70M, 97, 97e, 106, 111, 133, 162M, 502, 502A, 518, 518A, 700A และ 857 ระยะทางเดินจากป้ายรถเมล์ไปยังสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ประมาณ 400 เมตร ใช้เดินเวลาประมาณ 8 นาที
สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกและเป็นส่วนตัวก็สามารถเช่ารถยนต์ขับไปเที่ยวที่สิงคโปร์ ฟลายเออร์ด้วยตัวเองได้เช่นกัน สามารถจอดรถที่ลานจอดด้านข้างชิงช้า หรืออีกวิธีคือนั่งแท็กซี่ไปซึ่งวิธีนี้ทั้งสะดวกรวดเร็ว เป็นส่วนตัว และไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ
นอกจากสิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) จะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาดแล้ว บริเวณใกล้ ๆ กันก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่น่าไปเช็กอินอีกหลายแห่ง ดังนี้
การ์เดนส์ บาย เดอะ เบย์ (Gardens by the Bay) เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดของสิงคโปร์ มีเนื้อที่กว่า 600 ไร่ แบ่งออกเป็น 3 โซน คือ Bay Center Garden, Bay East Garden และ Bay South Garden ไฮไลต์เด่นคือต้นไม้จำลองที่เรียกว่า Supertree Grove ความสูงตั้งแต่ 25-50 เมตร ที่มีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟสวยงาม ซึ่งบนยอดของต้นไม้จะมีจุดชมวิวและมีทางเดิน Skywalk เชื่อมถึงกัน สามารถเดินเล่นชมวิวชิล ๆ ไปพร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวมากมาย ถือเป็นหนึ่งจุดเช็กอินห้ามพลาดของสิงคโปร์ที่ทุกคนต้องไปเยือน
ซี อควาเรียม (S.E.A Aquarium) เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบนเกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island) ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสัตว์ทะเลมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 100,000 ตัว จาก 45 แหล่งที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกันบนโลก เช่น มหาสมุทรแปซิฟิก, มหาสมุทรแอตแลนติก, มหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น โดยมีดาวเด่นประจำอควาเรียมคือฉลามหัวค้อน, กระเบนราหู, วาฬ และโลมาอีกหลายชนิด ทั้งยังมีโชว์สัตว์น้ำแสนน่ารัก และมีอุโมงค์ใต้น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ชมอีกด้วย
Sky View Pavilion เป็นภัตตาคารอาหารจีนสุดหรูที่ตั้งอยู่ที่ภายในอาคารชั้น 1 ของสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ที่นี่มีอาหารจีนสูตรกวางตุ้งขนานแท้ที่รังสรรค์อย่างประณีตโดยทีมเชฟระดับแถวหน้าของสิงคโปร์ให้ได้ลิ้มลองพร้อมกับบรรยากาศของร้านที่หรูหราและผ่อนคลาย รองรับทั้งการทานอาหารแบบคู่รัก ทานอาหารกับครอบครัว ไปจนถึงงานเลี้ยงปาร์ตี้สังสรรค์ตอนกลางคืน หากไม่มีแพลนไปเที่ยวที่ไหน การมาลิ้มลองอาหารเลิศรสที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
มารีน่าเบย์ (Marina Bay) ขึ้นชื่อว่าเป็นอ่าวที่มีทิวทัศน์สวยงามและมีบรรยากาศดีมากโดยเฉพาะช่วงเย็น จากบริเวณอ่าวจะมองเห็นแลนด์มาร์กสำคัญของสิงคโปร์ได้ทั้ง สิงโตเมอร์ไลออน, อาคารมารีน่า เบย์ แซนด์ส รวมถึงสิงคโปร์ ฟลายเออร์ ด้วย นอกจากนี้ รอบ ๆ อ่าวยังมีทางเท้าสำหรับเดินเล่นชมวิวที่สามารถปั่นจักรยานได้ การปั่นจักรยานชมวิวรอบมารีน่าเบย์จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย และยังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย
นอกจากสิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) จะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองแล้ว ภายในสถานที่แห่งนี้ก็ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษอีกหลายอย่างด้วยกัน ลองมาดูว่ามีกิจกรรมน่าสนใจอะไรบ้าง
กิจกรรมแรกที่ไม่ควรพลาดคือการชมนิทรรศการไทม์แคปซูล (Time Capsule) นี่คือนิทรรศการดิจิทัลที่อยู่ในอาคารใต้ชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์ จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์ที่มีมายาวนานกว่า 700 ปี ผ่านการนำเสนอในธีมเครื่องย้อนเวลารูปแบบดิจิทัลสุดล้ำ ซึ่งภายในนิทรรศการก็มีทั้ง Visual arts ที่ผสมผสานศิลปะกับเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน สื่อดิจิทัลรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนห้องมืดที่ฉายภาพดิจิทัลรอบทิศทาง นิทรรศการแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซนสำหรับนำเสนอจุดเด่นแต่ละด้านของประเทศสิงคโปร์ และยังมีฉากสวยงามให้ถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกมากมาย โดยการเข้าชมจะแบ่งเป็นรอบ รอบละ 30-45 นาที ถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเมื่อมาเที่ยวที่นี่
กิจกรรมไฮไลต์ที่ทุกคนไม่ควรพลาดคือขึ้นชิงช้าสวรรค์ไปชมวิวเมืองสิงคโปร์และอ่าวมารีน่าแบบ 360 องศาบนสิงคโปร์ ฟลายเออร์ คุณจะพบกับความตื่นเต้นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมกับได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองเบื้องล่าง ซึ่งสามารถมองเห็นแลนด์มาร์กสำคัญอย่างสิงโตเมอร์ไลออน, สะพาน Helix Bridge, พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ, สวนสาธารณะการ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์, ตึกมารีน่า เบย์ แซนด์ส รวมถึงเกาะเซ็นโตซ่า ได้อย่างชัดเจน เรียกว่าเป็นประสบการณ์ชมวิวที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม
อีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะสำหรับคู่รักเป็นอย่างยิ่งคือการดินเนอร์หรูแบบลอยฟ้าบนชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ลิ้มลองอาหารรสเลิศพร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศความงดงามของเมืองสิงคโปร์และอ่าวมารีน่าเบื้องล่าง นี่คือบริการสุดพิเศษที่จะทำให้การดินเนอร์ครั้งนั้นพิเศษกว่าครั้งไหน ๆ เป็นประสบการณ์สุดโรแมนติกที่ควรพาคนรู้ใจไปสัมผัสให้ได้สักครั้ง