เจนีวา เมืองเล็ก ๆ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความชิค และยังมีแลนด์มาร์กสำคัญซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็นไข่มุกริเวียร่าแห่งสวิสอย่าง “ทะเลสาบเจนีวา” ที่หากใครมีไลฟ์สไตล์การเที่ยวแบบผ่อนคลาย แต่ยังมีความเก๋อยู่จะต้องชอบแน่นอน
หากใครกำลังมีแพลนจะไปเที่ยวทะเลสาบเจนีวา เซฟบทความนี้เก็บไว้อ่านก่อนจองตั๋วเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ได้เลย เพราะแอป Traveloka ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้เมื่อจะไปเที่ยวทะเลสาบเจนีวาเรียบร้อยแล้ว มั่นใจได้เลยว่าอ่านบทความนี้จะไม่พลาดทั้งข้อมูลสถานที่, วิธีเดินทาง และคอนเทนต์ต่าง ๆ ตอนไปเที่ยว ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มอ่านและจองตั๋วเครื่องบินกันเลย!
ถึงแม้ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบ แต่ก็มีขนาดที่ใหญ่เป็นอย่างมาก ทะเลสาบเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์จึงมีความเป็นมาที่ค่อนข้างน่าสนใจ ซึ่ง Traveloka ได้รวบรวมข้อมูลพร้อมพิกัดสถานที่และช่วงเวลาที่สามารถเที่ยวชมมาไว้เรียบร้อย
นอกจากนี้ อย่าลืมที่จะจองที่พักก่อนการเดินทาง เพราะบริเวณรอบทะเลสาบเจนีวามีจุดเช็กอินอื่น ๆ ให้เดินเที่ยวมากมาย และยังมีกิจกรรมหลายอย่างที่รอให้คุณไปสนุกกันอยู่ ดังนั้น การเที่ยววันเดียวอาจไม่พอ เลือกดูที่พักสวิตเซอร์แลนด์ใกล้พิกัดทะเลสาบเจนีวา(Lake Geneva) กดจองให้เรียบร้อยแล้วมาอ่านข้อมูลที่นี่กัน!
ทะเลสาบเจนีวามีประวัติยาวนานกว่า 10,000 ปี โดยเกิดจากการที่น้ำแข็งละลาย และมีพายุบริเวณที่ราบภูเขา ลักษณะของทะเลสาบเจนีวาจึงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว มีพื้นที่ทั้งหมด 582 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในทวีปยุโรป นอกจากนี้ Lake Geneva หรือทะเลสาบเจนีวา ยังมีพื้นที่ฝั่งติดกับประเทศฝรั่งเศส จึงมีชื่อเรียกภาษาฝรั่งเศสว่า ทะเลสาบเลมอง หรือ Lac Léman นั่นเอง
ทะเลสาบเจนีวามีที่ตั้งอยู่ที่เมืองเจนีวา บริเวณสุดปลายทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งพื้นที่โดยรอบของ Lake Geneva จะมีทั้งวิวธรรมชาติอย่างเทือกเขาแอลป์และสวนสาธารณะต่าง ๆ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นพร้อมกับชมฝูงหงส์ขาว ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ได้อย่างอิสระ
ทะเลสาบเจนีวา สามารถเข้าชมได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่มีค่าเข้าชม และสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อาจเลือกช่วงเวลาในการท่องเที่ยวจากกิจกรรมตามฤดูกาล ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพอากาศบริเวณนั้น
หากใครอยากสัมผัสบรรยากาศในเมืองเจนีวา ก็สามารถ จองที่พักเจนีวา ผ่าน Traveloka ได้เลย
การเดินทางไปยัง Lake Geneva สามารถเลือกเดินทางได้ด้วยขนส่งสาธารณะในเมืองเจนีวา ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถไฟ ไปจนถึงรถยนต์ส่วนตัว ขึ้นอยู่กับความสะดวกของนักท่องเที่ยว โดยรายละเอียดวิธีการเดินทาง มีดังนี้
การเดินทางด้วยรถบัสไปทะเลสาบเจนีวาสามารถโดยสารได้หลายสาย โดยสายที่ให้บริการถึงบริเวณ Lake Geneva ได้แก่ สาย 2, 6, 60 และสาย G จากนั้นเดินเท้าไปบริเวณทะเลสาบ
สถานีรถบัสบริเวณใกล้ทะเลสาบเจนีวา ได้แก่ Rue Du Lac, Place Des Eaux-Vives, 31-Décembre, Terrassière, Métropole และ Rive
การโดยสารรถไฟสาธารณะไปยังทะเลสาบเจนีวานั้น สามารถขึ้นรถไฟสาย RL1, RL2 หรือ RL4 เพื่อไปลงสถานีรถไฟเจนีวา (Gare de Genève) จากนั้นเดินเท้าต่อโดยคุณสามารถเลือกเดินบนถนนได้ถึง 3 สายด้วยกัน คือ Rue Des Alpes, Pont Du Mont-Blanc และ Rue De Chantepoulet ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเพื่อไปยังบริเวณ Lake Geneva
เราสามารถเดินทางไปทะเลสาบเจนีวาได้ด้วยรถยนต์ส่วนตัวเช่นกัน โดยเลือกเช่ารถที่มีให้บริการในเขตพื้นที่นั้น ๆ หรืออาจจองบริการเช่ารถจากประเทศไทยไว้ล่วงหน้าเพื่อความสะดวก ซึ่งแอป Traveloka ก็มีบริการให้เช่ารถเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกรุ่นรถและเลือกเช่าพร้อมคนขับได้ด้วย
เมื่อมาถึงทะเลสาบเจนีวา นอกจากการชมวิวและนั่งชิลกับบรรยากาศแล้ว ยังมีกิจกรรมอีกมากมายให้เลือกทำอีกด้วย Traveloka จึงได้รวบรวมกิจกรรมที่ห้ามพลาดหากมาเยือนทะเลสาบเจนีวา มีครบทั้งสายชิล, สายลุย, สายคอนเทนต์ และสายช็อปปิง ได้ทั้งรูปสวย ๆ และคอนเทนต์กลับไปอัปเดตโซเชียลแน่นอน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
เมื่อนึกถึงทะเลสาบก็ต้องมีการล่องเรือแน่นอน ที่ทะเลสาบเจนีวาก็มีกิจกรรมล่องเรือชมวิวเช่นกัน โดยเส้นทางเดินเรือจะมีหลายเส้นทางและผ่านหลายเมือง ซึ่งจะสามารถเห็นทิวทัศน์ริมชายฝั่งได้หลากหลาย และยังมีการแวะชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ อีกด้วย
ฤดูกาลที่นิยมล่องเรือชมทิวทัศน์ริมฝั่ง Lake Geneva มีอยู่ 2 ช่วง ได้แก่ ช่วง High Season ในปลายเดือนมิถุนายน-ต้นเดือนกันยายน และช่วง Shoulder Season ในกลางเดือนเมษายน-ต้นมิถุนายน หรือต้นเดือนกันยายน-ปลายเดือนตุลาคมนั่นเอง
กิจกรรมชมน้ำพุ Jet d-Eau เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดหากมาทะเลสาบเจนีวา เพราะน้ำพุ Jet d-Eau (เจ็ทโด) ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา ซึ่งเป็นน้ำพุที่มีความสูงถึง 140 เมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไปเที่ยวเมืองเจนีวาในวันที่สภาพอากาศดี ควรไปดูน้ำพุ Jet d-Eau เพราะจะเปิดในวันที่อากาศดีเท่านั้น เรียกได้ว่าหากไม่ดูน้ำพุก็เหมือนมาไม่ถึงเจนีวากันเลยทีเดียว
กิจกรรมสุดชิลอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ การนั่งเล่นริมทะเลสาบเจนีวา เนื่องจากบริเวณรอบ Lake Geneva นั้นมีสวนสาธารณะ และพื้นที่กว้างขวางสำหรับให้ผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ อาจจะเดินเล่นหรือนั่งชมฝูงหงส์ขาวที่ว่ายน้ำโชว์ตัวอยู่ในทะเลสาบ พร้อมกับวิวสถาปัตยกรรมและเทือกเขาแอลป์สวย ๆ ถือเป็นกิจกรรมที่ฮีลใจได้อย่างดีเลย
กิจกรรมที่ไม่ทำไม่ได้หากไปเที่ยวคือ การช็อปปิงนั่นเอง ซึ่งสถานที่นี้คุณจะได้ทั้งสัมผัสกลิ่นอายของเมืองเก่า และสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อกันอย่างไม่มีเบื่อ เช่น ไวน์, งานศิลปะ, ของวินเทจ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้มีอยู่ใน Old Town ของเมืองเจนีวา นอกจากช็อปปิงแล้ว ที่ Old Town นี้ยังให้ความรู้สึกมีเสน่ห์ไม่ซ้ำย่านไหน จะมาเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นคอนเทนต์ก็ได้เช่นกัน
Pâquis Bath เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของการมาเที่ยวทะเลสาบเจนีวา เนื่องจากเป็นหาดทรายเทียมและมีประภาคารตั้งเด่นอยู่สุดปลายทางเดิน ซึ่งผู้คนจะนิยมมาที่ Pâquis Bath นี้ในช่วงฤดูร้อนเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เดินเล่น, ว่ายน้ำ, พักผ่อน และอาบแดด นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถชมความสวยงามของน้ำพุ Jet d-Eau ได้อีกด้วย
หากใครชอบสถาปัตยกรรม หรือตึกรามอาคารเก่า ไม่ควรพลาดที่จะเยี่ยมชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือ Pierre Cathedral เป็นมหาวิหารเก่าแก่อายุมากกว่า 850 ปี คุณสามารถเยี่ยมชมความสวยงามได้ตั้งแต่ภายนอก และขึ้นบันไดจำนวน 157 ขั้นไปยังชั้นบนสุดของวิหารเพื่อชมวิว Lake Geneva และวิวเมืองเจนีวารอบทิศ จะต้องเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงอย่างแน่นอน