รวมสิ่งที่ต้องทำเมื่อไปเยือนไอซ์แลนด์

Traveloka TH
21 Mar 2022 - 5 min read

ไอซ์แลนด์ คือดินแดนที่มีสภาพธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ ใครต้องการประสบการณ์สุดเจ๋งในการเดินทางแบบไม่ซ้ำใคร อยากให้ปักหมุดไปไอซ์แลนด์กันได้เลยจ้า รับรองว่าที่นี่จะไม่ทำให้ผิดหวัง อยากรู้ว่าอะไรเด็ด อะไรปัง อะไรบ้างที่พลาดไม่ได้ในไอซ์แลนด์ วันนี้เรารวบตึงมาไว้ให้แล้วละ อ่านจบแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินไอซ์แลนด์กับ Traveloka ไปตามรอยกันได้เลยนะ รับรองว่าจะได้เจอกับพิกัดเจ๋งๆ กันแบบจุกๆ จ้ะ รับรองว่าจะลืมไอซ์แลนด์กันไม่ลงอย่างแน่นอน

รวมกิจกรรมต้องทำในไอซ์แลนด์

1. ไปสัมผัสความอลังการของน้ำตก Dettifoss

นี่คือน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวที่สุดในทวีปยุโรป แถมยังตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Vatnajökull ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกเช่นกัน สายน้ำทรงพลังของน้ำตกนี้นั้นมีความกว้างถึงราว 100 เมตรเลยเชียวละ โดยจะไหลบ่าเทลงไปตามหน้าผาที่มีความสูงประมาณ 45 เมตร ทำให้เกิดเสียงซู่ซ่าสะใจ แล้วยังเกิดละอองไอน้ำลอยขึ้นไปจนมองเห็นได้จากระยะทางหลายกิโลเมตรกันเลยจ้า เป็นพิกัดสุดตื่นตาที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

2. ไปชมความสวยของทะเลสาบน้ำแข็ง Jokulsarlon / Diamond Beach

ไปไอซ์แลนด์กันทั้งทีจะพลาดที่นี่ไปได้ยังไงกันล่ะ! หลายคนยกให้ที่นี่เป็นเพชรยอดมงกุฎของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของประเทศกันเลยเด้อ ทะเลสาบ Jokulsarlon นั้นเกิดขึ้นจากการละลายของธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ เกิดเป็นแหล่งน้ำกว้างซึ่งมีก้อนน้ำแข็งหลากหลายไซส์ลอยอยู่เหนือผิวน้ำตลอดเวลา ก่อนจะถูกกระแสน้ำพัดพาไป ทิวทัศน์ที่นี่จึงไม่เคยซ้ำกันเลยละไม่ว่าคุณจะมากี่ครั้งก็ตาม โดยก้อนน้ำแข็งบางส่วนนั้นจะถูกกระแสน้ำพัดไปเกยบริเวณหาดทรายสีดำซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เมื่อน้ำแข็งกระทบกับแสงแดดจึงเกิดเป็นประกาย ทำให้หลายคนตั้งชื่อว่า Diamond Beach นั่นเอง

3. ไปตื่นตากับลาวาในระยะประชิดที่ Fagradalsfjall

ต้นปี พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ภูเขาไฟนี้เกิดการปะทุเป็นรอยแยกยาวกว่า 200 เมตร ที่น่าสนใจก็คือมันเป็นการปะทุแบบเอ่อล้นไม่ใช่การระเบิดพลุ่งพล่านเหมือนภูเขาไฟอีกหลายลูกที่เราเคยผ่านหูผ่านตา ทำให้รอบๆ พื้นที่เกิดเป็นสายธารลาวาที่ไหลเอื่อยเป็นแนวยาว โดยปราศจากควัน เศษหิน หรือเศษขี้เถ้าเหมือนที่เราเคยเห็นภูเขาไฟระเบิดในข่าวหรือในหนัง ว่ากันว่าลาวาที่ไหลออกมานั้นมีอายุกว่า 7,000 ปี นาทีนี้ ที่นี่จึงกลายเป็นอีกพิกัดซึ่งคนรักการผจญภัยต่างปักหมุดมากันอย่างไม่ขาดสาย ใครสนต้องรีบไปหน่อยนะ ถ้าภูเขาไฟหยุดปะทุเมื่อไหร่ก็อดได้เห็นกันละเด้อ

4. ไปลองขี่ Icelandic Horses

ขึ้นชื่อว่าม้า เชื่อว่าที่ไหนก็มี แต่บอกเลยว่าเจ้า Icelandic Horses นี่น่ะ มีความพิเศษตรงที่มันเป็นม้าซึ่งมีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในโลกสายพันธุ์หนึ่งเลยนะ เพราะนี่คือม้าสายพันธุ์ท้องถิ่นซึ่งมีกฎห้ามผสมข้ามสายพันธุ์จ้า ถึงขนาดตัวไหนที่ถูกส่งออกนอกประเทศไปแล้วก็คือไปลับ ไม่มีการรับกลับเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สองเลยนะ โดยเจ้ามาสายพันธุ์นี้จะมีขาสั้นและรูปร่างที่ดูอวบอั๋นแน่นหนากว่าม้าทั่วๆ ไป รวมถึงยังที่มีขนหนาเพื่อป้องกันความหนาว แถมส่วนใหญ่แล้วยังมีนิสัยค่อนข้างเป็นมิตรไม่ก้าวร้าวดุร้าย ลองหาโอกาสไปสัมผัสกันใกล้ๆ หรือจะซื้อทัวร์ขี่ม้าเลยก็ได้นะ รับรองว่าเพลินแน่นอน

5. ไปแช่น้ำร้อนใน Blue Lagoon

ใครรักการแช่ออนเซ็นในแดนปลาดิบนะ บอกเลยว่าต้องไปลองออนเซ็นของไอซ์แลนด์ให้ได้! แม้ที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความหนาวและหิมะ แต่ในขณะเดียวกันไอซ์แลนด์ก็มีบ่อน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติให้แช่กันมากมาย แต่มีเพียงที่บลู ลากูนแห่งเดียวเท่านั้นที่มีน้ำเป็นสีฟ้า เชื่อกันว่าน้ำในบ่อนี้มีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการป่วยหลากหลายรูปแบบเลยเชียวนะ โดยบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ติดอยู่ในทำเนียบ 25 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติในโลกนี้ด้วยจ้า ทั้งสบายทั้งได้บำบัดรักษาร่างกายด้วยนะ ไม่มาถือว่าน่าเสียดาย

6. ไปกินล็อบสเตอร์ที่เมือง Hofn

ฮอฟน์ คือเมืองเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ในไอซ์แลนด์ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องทิวทัศน์ที่งดงาม และเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศนี้ นอกจากจะเด็ดในเรื่องวิวแล้ว ที่นี่ยังมีทีเด็ดเป็นล็อบสเตอร์จ้า เพราะเค้ามีเยอะจนได้ชื่อว่าเป็น The Lobster Capital of Northern Europe หรือเมืองหลวงของล็อบสเตอร์ในยุโรปเหนือเลยเชียวนะ มาที่นี่ที่เดียวจึงได้ทั้งเที่ยวและกินไปพร้อมกันเลยจ้า คนรักกุ้งต้องปักหมุดมาให้ไวแล้ว

7. ไปสัมผัสประสบการณ์ Whale Watching Tour

ด้วยความสงบ สะอาด และสมบูรณ์ของสภาพพื้นที่ ไอซ์แลนด์จึงมีสัตว์เด็ดๆ ให้เห็นกันสารพัดสายพันธุ์ หนึ่งอย่างในนั้นก็คือเจ้าวาฬนี่ละ โดยในไอซ์แลนด์จะมีหลายพิกัดและหลายบริษัททัวร์ที่จะพาเราไปชมวาฬกัน หนึ่งจุดหมายในนั้นก็คือเมือง Husavik เมืองเล็กทางตอนเหนือของประเทศซึ่งโดดเด่นด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยไม่แพ้ใคร แถมยังเป็นหนึ่งในสถานที่ชมวาฬที่ดีที่สุดในโลกด้วยนะ หลายคนจึงยกให้ที่นี่เป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรปเลยจ้า ว่ากันว่าที่นี่มีวาฬให้เห็นกันหลายสายพันธุ์เลยละ สะดวกเมืองไหนก็ไปเมืองนั้นนะ แต่บอกเลยว่ามาแล้วควรต้องโดน

8. ไปเช็คอินที่ Kirkjufell

เป็นหนึ่งแลนด์มาร์คหลักของไอซ์แลนด์ที่ว่ากันว่ามีผู้คนนิยมแวะไปถ่ายรูปเช็คอินมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ หลายคนบอกว่าภูเขาลูกนี้นั้นมีลักษณะคล้ายโบสถ์ ในขณะที่อีกหลายคนมองว่ามันเหมือนหมวกแม่มดต่างหากล่ะ! ภูเขานี้มีความสูง 463 เมตร ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โดดเด่นแปลกตา ใกล้กับภูเขายังมีทั้งทะเลสาบและน้ำตกขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเก๋ของวิวให้มีหลายมุมมองที่น่าสนใจ ใครชอบไฮกิ้งแวะไปเดินกันได้ด้วยนะ มาที่เดียวเที่ยวได้หลายฟีลเลยละ เริ่ดจะตาย

9. ไปมุดถ้ำน้ำแข็ง Skaftafell

มาถึงดินแดนแห่งน้ำแข็งกันทั้งที หนึ่งประสบการณ์ที่ควรมีกลับไปก็คือการได้มาเดินดูความมหัศจรรย์ในถ้ำน้ำแข็งนี่ละ ถ้ำหนึ่งที่น่ามาโดนก็คือถ้ำใต้ธารน้ำแข็ง Vatnajökull ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปจ้า การไปมุดถ้ำน้ำแข็งอาจจะต้องใช้แรงในการเดินไป - กลับกันประมาณ 3 ชั่วโมงนะ ที่สำคัญคือต้องใช้รองเท้าที่ทำมาเพื่อเดินบนน้ำแข็งโดยเฉพาะจ้า สายลุยคนไหนสนใจ แนะนำให้จองทัวร์กันไว้ก่อนไปเลยนะ ตลอดเส้นทางจะมีคนดูแลเรื่องความปลอดภัย แถมยังมีอุปกรณ์ให้ครบครันเลยเชียวละ เชื่อว่าได้ลองซักครั้งแล้วจะประทับใจแน่นอน

10. ไปดูพลังของ Geysir

ไกเซอร์ หรือ กีเซอร์ คือชื่อเรียกน้ำพุร้อนอันเกิดจากพลังงานที่ซ่อนอยู่ใต้ดินและเกิดแรงดันให้พุ่งขึ้นมาสู่อากาศเป็นระยะ ซึ่งไกเซอร์ของไอซ์แลนด์นั้นถูกค้นพบขึ้นเป็นแห่งแรกของยุโรป และกลายเป็นชื่อเรียกน้ำพุร้อนในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นทุกที่ในโลกเลยจ้า โดยไกเซอร์ต้นตำรับนั้นถูกพบในหุบเขา Haukadalur และเป็นไกเซอร์ที่พุ่งสูงที่สุดของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีความสูงถึง 80 เมตรในบางครั้งเลยจ้า นี่คือปรากฏการณ์ที่มีให้ชมกันแค่ไม่กี่ที่ และมีต้นตำรับอยู่ในประเทศนี้เลยนะ มาไอซ์แลนด์แล้วอย่าพลาดเชียว

11. ไปเดินเล่นชมเมืองหลวง Reykjavik

ไม่ใช่ว่าจะมีแต่นอกเมืองเท่านั้นนะที่น่าสนใจ แต่เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ก็มีอะไรเด็ดๆ ให้ไปเดินเช็คอินกันเพียบเลยจ้า ที่พลาดไม่ได้ก็ต้องเป็นโบสถ์หน้าตาสุด Sci-fi อย่าง Hallgrímskirkja ซึ่งมาไอซ์แลนด์แล้วต้องได้มาเห็นกัน หรือจะเป็นบรรดาพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ เค้าก็มีให้เดินชมกันหลายแห่งเลยนะ บ้านเรือนสีลูกกวาดในเมืองนี้ก็แสนจะน่ารักน่าแชะกันสุดๆ เลยจ้า นี่คือเมืองหลวงที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือที่สุดในโลกเมืองหนึ่งด้วยนะ มาไอซ์แลนด์แล้วหาเวลามาเดินเล่นในเมืองกันด้วยเด้อ

12. ไปชมทิวทัศน์สุดแปลกที่ Namafjall

นอกจากหิมะ น้ำแข็ง และน้ำตกหน้าตาอลังการแล้วนะ ไอซ์แลนด์ยังมีพิกัดที่ชวนให้รู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่นอกโลกอย่างที่นี่อยู่ด้วยจ้า โดยเทือกเขาสูง 485 เมตรแห่งนี้นั้นมีทิวทัศน์ที่แสนจะแปลกตา ด้วยความที่ใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยบ่อโคลนเดือดกระจายตัวอยู่ทั่วไป ทำให้มีไอน้ำและกลุ่มควันปกคลุมบริเวณนี้กันเป็นระยะ รวมถึงพื้นดินที่จะมีสีส้ม แดง เหลืองตามธรรมชาติ และความเป็นพื้นที่โล่งกว้างซึ่งปราศจากพืชพรรณใดๆ เป็นพิกัดที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพยนตร์แนวอวกาศเลยละ ลองแวะมาชมกัน

13. ไปสัมผัสกับชายหาดสีดำ Reynisfjara

นี่คือชายหาดที่เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหาดที่สวยที่สุดในโลกของปี ค.ศ.1991 มาแล้วนะ ด้วยความที่เป็นชายหาดสีดำสนิทโดดเด่นสะดุดตาด้วยสีสันของกรวดและทรายสีดำ ตัดกันกับสีขาวของฟองคลื่นแลดูเหมือนงานศิลปะชั้นดี ใกล้กับชายหาดยังมีผาหินบะซอลต์ซึ่งเกิดจากการเย็นตัวของลาวาแล้วมาปะทะกับน้ำเย็นในมหาสมุทร จนเกิดเป็นแท่งหินหกเหลี่ยมทรงกระบอกเรียงสูงขึ้นไปตามหน้าผาถึง 120 เมตรเหมือนโดนจัดวาง เป็นอีกพิกัดสุดปังที่มาไอซ์แลนด์แล้วต้องไป

14. ไปเดินเล่นหลังม่านน้ำตก Seljalandfoss

ไอซ์แลนด์นั้นมีน้ำตกเจ๋งๆ ให้ไปแวะเช็คอินกันหลายแห่งเลยนะ และนี่คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่อยากให้พลาดไป เพราะเป็นน้ำตกซึ่งไหลลงมาจากผาสูง 60 เมตร ซึ่งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางที่ราบสีเขียวขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยหญ้าและพืชตระกูลมอส โดยในช่วงฤดูหนาวนั้นจะเปลี่ยนเป็นทุ่งกว้างสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา มองจากด้านหน้าก็ว่าน้ำตกนี้สวยแล้วนะ แต่ที่เจ๋งกว่าก็คือเค้ามีเส้นทางเดินลอดผ่านด้านหลังน้ำตกให้เราได้ลองกันด้วยจ้า มองวิวผ่านม่านน้ำจากด้านหลังจะได้ความสวยที่ต่างไปอีกแบบเลยนะ อยากให้มาเห็นด้วยตาตัวเองกัน

15. ไปดูแสงเหนือแบบสุดฟิน

ไม่ต้องสงสัยในข้อนี้เลยละ เพราะนี่คือกิจกรรมที่มาไอซ์แลนด์แล้วพลาดไม่ได้ ถือว่าเป็นไฮไลท์หลักในการเดินทางมาที่นี่เลยก็ไม่ผิดอะไรนะ ไอซ์แลนด์คือพิกัดที่สามารถเห็นแสงเหนือกันได้ถึงปีละ 8 เดือนเลยจ้า ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงเมษายนของทุกปี โดยมีหลายพิกัดที่น่าสนใจให้เลือกไปชมกันได้ตามความต้องการ แต่ไม่ว่าจะยังไง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติก็คือสิ่งที่เราต้องอาศัยจังหวะและดวงในระดับหนึ่งด้วยเหมือนกันนะ แต่ก็ยังถือเป็นความลุ้นที่คุ้มค่าน่าลองจ้ะ นี่คือสิ่งที่ควรต้องเห็นด้วยตาซักครั้งในชีวิตจริงๆ

ใครเป็นนักเดินทางที่หลงใหลความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ บอกเลยว่าห้ามพลาดการมาเยือนไอซ์แลนด์ซักครั้งให้ได้เลยจ้า เพราะนี่คือดินแดนที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจในเกือบทุกย่างก้าวเลยเชียวละ รับรองว่าจะเป็นทริปการเดินทางที่ทำให้คุณประทับใจ ถ้าคุณเป็นนักเดินทางที่รักการผจญภัย เชื่อว่าไอซ์แลนด์จะทำให้คุณหลงรักได้ไม่ยากเลย

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร