“อุดรธานี” เป็นจังหวัดที่แต่ก่อนนั้นเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สมฐานะ “มรดกโลก” มีแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ Unseen หลายแห่ง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็ไม่ใช่น้อย มีชุมชนพื้นบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีเสน่ห์ตามแบบฉบับชุมชนไทยอีสาน มีเมนูแซ่บๆ มากหลาย ครบถ้วนขนาดนี้ จะพลาดได้ยังไง ถ้าหากใครที่เที่ยวล่องเหนือจรดใต้จนทั่วแล้ว อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แนะนำให้ลองมาเที่ยวอีสานกันดูบ้าง สำหรับอุดรธานีก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี
แนะนำหากใครไม่ค่อยมีเวลา อยากมาเที่ยวอุดรแบบไม่กี่วัน ลางานได้ไม่นาน ลองจองตั๋วเครื่องบินไปอุดรกับ Traveloka ได้เลย รับรองว่าประหยัดเวลาไปได้เยอะ สะดวก ง่าย และรวดเร็วที่สุด ที่สำคัญเวลาที่มีโปรโมชั่นยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้หลายบาท ครั้งหน้าถ้าหากไม่มีเวลาขับรถก็อย่ารอช้า จองตั๋วเครื่องบินแล้วแพ็คกระเป๋ามาเที่ยวอุดรธานีกันได้เลย
จองตั๋วเครื่องบินไปอุดรธานี กับTraveloka
สวนสาธารณะใจกลางเมืองอุดรธานี เดิมชื่อ "หนองนาเกลือ" เพราะพื้นที่โดยรอบทำเกลือสินเธาว์ เป็นหนองน้ำใหญ่ที่เลี้ยงชุมชนบ้านหมากแข้ง ภายหลังเปลี่ยนเป็น "หนองประจักษ์" เพื่อเป็นเกียรติแก่ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี มีพื้นที่ประมาณ 90 ไร่ เปรียบเสมือนปอดของชาวอุดรธานี
โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ของอุดร “เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง” และเจ้าเป็ดน้อยสีเหลือง สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความสามัคคี ที่ลอยตัวเหนือผิวน้ำ ด้านทิศเหนือของหนองเป็นที่ตั้งพระตำหนักหนองประจักษ์ มี “ศาลเทพารักษ์” อยู่ตรงหัวมุมใกล้พระตำหนัก ศาลศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอุดรธานี ซึ่งได้มีการอัญเชิญดวงพระวิญญาณของ “พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม” มาสถิต ณ ศาลแห่งนี้ เพื่อเป็นศูนย์รวมที่พึ่งทางใจของชาวจังหวัดอุดรธานี สวนสาธารณะกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีสีสันชีวิตชีวาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เป็นที่ออกกำลังกายของชาวเมือง มีสวนสนุกสำหรับเด็กๆ ศูนย์รวมร้านอาหารทั้งมื้อเช้ายันมื้อค่ำ เมนูเด็ดตั้งแต่ไข่กระทะ ข้าวเปียกเส้น ไก่ย่าง ส้มตำ ยันสเต็ก แต่ละร้านมีบรรยากาศแตกต่างกัน เลือกนั่งเลือกชิลได้ตามอัธยาศัย
“พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี” ใกล้หนองประจักษ์ หรือ “ตึกราชินูเก่า” ตามคำเรียกของชาวอุดร “โรงเรียนราชินูทิศ” คือหนึ่งในโรงเรียนที่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 6 ทรงตั้งพระราชหฤทัยให้เป็นโรงเรียนสตรีประจำมณฑลอุดร เป็นอาคารแบบโคโลเนียล 2 ชั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาประยุกต์เข้ากับแบบไทย ก่ออิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยา มีมุขยื่นออกมาด้านหน้า ซุ้มประตูหน้าต่างโค้ง ตัวอาคารทั้งชั้นบนและชั้นล่างมีระเบียงล้อมบริเวณด้านหน้าและด้านข้าง ช่วยป้องกันภายในอาคารจากแดดและฝน เปิดทำการให้บริการแก่ประชาชนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2547 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสถาปนาจังหวัดอุดรธานี ที่ชาวเมืองได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปี ถือเป็นอาคารเก่าแก่ของเมืองอุดรธานีที่มีการปรับปรุงมาต่อเนื่อง และเปิดให้เข้าชมอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2561 จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับจังหวัดอุดรธานี และมีการก่อสร้างอาคารเพิ่มเติม รวมทั้งนำเทคโนยีเข้ามาใช้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้เป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
“ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุดรธานี บริเวณเดียวกันกับศาลเจ้าปู่ย่า โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีบรรพชนและหลักปรัชญา และเพื่อเชิดชูองค์เจ้าปู่เจ้าย่า ที่เป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวอุดรธานี บรรยากาศโดยรอบคล้ายเมืองจีนจำลอง ตกแต่งด้วยสวนแบบจีนโบราณ มีน้ำพุ มีประติมากรรมนูนสูงที่บอกเล่าเรื่องราว ตำนานสุดยอดกตัญญู 24 พิมพ์ มีที่เดียวในโลก เมื่อทำเสร็จแล้วจะทำลายแม่พิมพ์ทิ้ง เพื่อคงความงามไว้ที่นี่ที่เดียว ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้มงคล อาทิ ต้นเครามังกร ซึ่งมีเพียง 3 ต้นในประเทศไทย มี ต้นหลิว ต้นไผ่ดำ พุด เทียนหอม และบ่อปลาคาร์ฟจักรพรรดิ์ ชมการสาธิตวิธีชงชาแบบโบราณ แถมยังได้จิบกาแฟชั้นดีแบบฟรีๆ ถ้าอยากได้รูปสวยงามสไตล์สาวหมวย ที่นี่มีชุดกี่เพ้าให้เช่าด้วยนะเออ เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 19:00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม โทร 082-7070666
"หนองหานกุมภวาปี" เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 22,500 ไร่ มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางด้านชีวภาพ เกิดเป็นระบบนิเวศน์ขนาดใหญ่ มีพืชพันธุ์ หมู่ปลาและนกน้ำ หลากหลายชนิดเข้ามาอาศัยหากินนับไม่ถ้วน อีกทั้งเป็นแหล่งอาหารเลี้ยงชีพชาวบ้านกว่า 60 หมู่บ้านรอบๆ หนองหาน ซึ่งพันธุ์ไม้น้ำที่โดดเด่นของบึงหนองหานก็คือ “บัวสาย” หรือ “บัวแดง” นั่นเอง ระหว่างเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ คือช่วงที่ดอกบัวแดงบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำละลานตายิ่งนัก ช่วงเวลาดีๆ ในการชมความงามคือตั้งแต่เช้าตรู่เรื่อยไปแต่ไม่เกิน 11 โมง ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกบัวบานสวย แดดไม่ร้อนจนเกินไป ถ่ายรูปเพลินเกินห้ามใจเชียวละ
วัดสันติวนาราม หรือวัดดงไร่ อยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้านมรดกโลกบ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จุดเด่นของ พุทธอุทยานบ้านเชียงแห่งนี้คือ “พระอุโบสถกลางน้ำทรงดอกบัว” หนึ่งเดียวในสยาม โดยรูปแบบของโบสถ์ดอกบัวได้มาจากประเทศอินเดีย พระอุโบสถมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 19 เมตร สูง 19 เมตร ประกอบด้วยดอกบัว 24 กลีบ และมีพญานาคอยู่ด้านหน้า ตรงสะพานทางเดินที่ทอดยาวไปถึงตัวอุโบสถที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่ากลางบึงน้ำขนาดใหญ่พื้นที่ 100 ไร่ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “หนองน้ำอีสานเขียว” ภายในอุโบสถ์งดงามด้วยภาพจิตรกรรมฝาพนัง ถ่ายทอดเรื่องราวพุทธประวัติ มีองค์พระประธานสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางอุโบสถ์ นอกจากนี้วัดสันติวนารามยังเป็นสำนักปฏิบัติธรรมอีกด้วย
ชุมชนบ้านเชียง คือ ชุมชนเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งมรดกโลก ชาวบ้านเชียงในปัจจุบันเป็นชาวพวนที่อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง ประเทศลาว เมื่อกว่า 200 ปีแล้ว หลังจากค้นพบวัตถุโบราณ ณ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จึงได้ชื่อว่าเป็น “ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” ชาวไทพวนมีความเป็นอยู่เรียบง่ายและมีฝีมือด้านงานหัตถกรรม ทุกคนล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะสืบสานและนำเสนออารยะธรรมของคนบ้านเชียงในยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเอกลักษณ์ของชาวไทพวน ผ่านวิถีชีวิตและงานศิลปะ ผ่านการปั้นหม้อเขียนลายสีแบบลวดลายโบราณได้อย่างงดงาม กลายเป็นสินค้าที่ระลึกจากภูมิปัญญา ที่สามารถเลือกซื้อได้จากร้านขายของที่ระลึกที่ตั้งเรียงรายอยู่ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง
ชมขั้นตอนการผลิตที่กลุ่มปั้นหม้อเขียนสี หรือใครสนใจอยากจะทดลองเขียนสีลงบนภาชนะดินเผาขนาดจิ๋วก็แสดงฝีมือได้ตามใจชอบ อย่าพลาดชม “บ้านไทพวนรับเสด็จ” เป็นแหล่งขุดพบโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการขุดค้น และได้ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ ณ บ้านหลังนี้เมื่อปี พ.ศ. 2515 ต่อมา “คุณพจน์ มนตรีพิทักษ์” เจ้าของบ้านจึงได้มอบบ้านและที่ดินให้กรมศิลปากร ปัจจุบันบ้านหลังนี้จัดแสดงนิทรรศการในแง่มุมของวิถีชีวิตไทพวน ช่วงเดือนกุภาพันธ์ บ้านเชียงมีงานประจำปีเฉลิมฉลองแหล่งมรดกโลก ผู้ที่ต้องการใกล้ชิดวิถีชีวิตชุมชนสามารถเลือกพักโฮมสเตย์ได้
"วัดป่าภูก้อน" หรือ “พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน” วัดป่าแห่งภาคอีสานตั้งอยู่บนภูเขาล้อมรอบด้วยป่าในพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม พระวิหารงดงามด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ รอบผนังภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา เป็นภาพปั้นนูนต่ำหล่อด้วยทองแดง เป็นภาพพุทธประวัติและภาพทศชาติ ภายในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา ซึ่งเป็นประธานประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ มี “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาว ความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลีที่นำมาเรียงซ้อนกันถึง 42 ก้อน ซึ่งเป็นหินขาวอ่อนที่มีความสวยงามและทนทานมากที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสร้างถึง 6 ปี สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี 2554 พระพุทธไสยาสน์นี้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศิลป์ของรัชกาลที่ 9 ภายในวัดยังมี “พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” องค์เจดีย์ที่ชั้นยอดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนชั้นมีรูปปั้นหินอ่อนของบูรพาจารย์ในสายกรรมฐานให้สักการะบูชากันด้วย
ภูฝอยลม ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน-ปะโค อำเภอหนองแสง ชื่อของภูฝอยลมมาจากไลเคนชนิดหนึ่งลักษณะเป็นฝอยสีเขียวอมเทาเกาะอยู่ตามต้นไม้บนภูเขา เรียกในชื่อท้องถิ่นว่า “ฝอยลม” เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ประกอบด้วย สวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินี ซึ่งได้รวมรวมพันธุ์ไม้ป่าที่อยู่ในเขตภาคอีสานเอาไว้ภายในสวน พิพิธภัณฑ์ล้านปี บอกเล่าเรื่องราววิวิวัฒนาการสัตว์โลก มีหุ่นไดโนเสาร์ตั้งอยู่รอบพิพิธภัณฑ์ เพื่อดึงดูดให้เยาวชนเข้ามาเรียนรู้ธรรมชาติสร้างจิตสำนึกรักป่า และมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ชมทิวทัศน์ตัวเมืองอุดรธานี ฯ จุดชมวิว มีบ้านไว้บริการ ตั้งแคมป์พักแรมได้ แถมยังมีกิจกรรมเดินป่าอีกด้วย
ทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองอร่ามอันแสนกว้างใหญ่กว่า 10,000 ไร่ แห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่ของอำเภอหนองแสง ซึ่งเกษตรร่วมกันปลูกขึ้นเพื่อปรับสภาพดินในช่วงกรกฎาคม – สิงหาคม ก่อนเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก “ปอเทือง” ดอกไม้ที่เป็นหนึ่งในพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เรื่องการปรับปรุงดิน ทรงแนะนำให้แก่เกษตรกรทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยพืชสดใช้เอง เพื่อนำมาใช้แก้ความเป็นกรดให้แก่ดินของเกษตรกร ทดแทนการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนที่มีราคาแพง ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่า ต้นปอเทืองเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการบำรุงดิน และเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดีมากในการปรับปรุงดินให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ การหว่านปอเทือง 1 ครั้ง เท่ากับการปรับปรุงโครงสร้างดินได้ถึง 15 ปี เลยทีเดียว สวยและดีขนาดนี้แชะภาพให้เต็มที่ มีจักรยานให้ปั่นชมด้วยนะ
บ้านห้วยสำราญ ห่างจากตัวเมืองอุดรธานี ไปตามถนนอุดรธานี-หนองบัวลำภู 10 ก.ม. เป็นแหล่งปลูกและจำหน่ายไม้ดอกสำหรับไหว้พระ และงานประเพณีที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บ้านห้วยเจริญเติบโตจนแยกเป็น 2 หมู่บ้าน โดยมีถนนกลางหมู่บ้านแบ่งฝั่งตะวันออกเป็น “บ้านห้วยสำราญ” ฝั่งตะวันตก “บ้านห้วยเจริญ” ที่นี่บ้านแต่ละจะปลูกไม้ดอก ส่วนใหญ่เป็นต้นดอกมะลิและดอกพุด รองลงมาคือ ดาวเรือง หงอนไก่ บานไม่รู้โรย เตย เฟิร์น และพลับพลึง ห่างออกจากหมู่บ้านไปเล็กน้อย เป็นที่ตั้งของแปลงดอกไม้สีสันสวยงามหลากหลายสายพันธุ์บนพื้นที่ 645 ไร่ เบญจมาศ คัตเตอร์ รวมแล้วประมาณ 30 สายพันธุ์ ชมดอกไม้สวยๆ ต่อด้วยเที่ยวชมการประดิดประดอยพวงมาลัยไหว้พระ มาลัยกร มาลัยแต่งงาน พานบายศรี ช่อดอกไม้สด พวงหรีด แจกัน และซุ้มประตู้ เป็นต้น อีกทั้งยังมีไม้ดอกไม้ราคาเยาไว้ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย
อุดรธานีเมืองใหญ่เมืองหนึ่งแห่งภาคอีสาน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอคอยผู้มาเยือนอีกหลายแห่ง ถึงแม้ทริปนี้แค่เบาๆ อุ่นเครื่อง แต่ก็สัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์แห่งเมืองอุดรแห่งอีสาน