อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา เป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ทะเลสาบ และสัตว์ป่านานาชนิด เปรียบได้ดั่งสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ ที่หากมีโอกาสก็ควรไปเยือนให้ได้สักครั้ง ถ้าไม่อยากพลาดความสวยงามตระการตาที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ก็กดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาด้วยแอป Traveloka หลังอ่านบทความนี้จบกันเลย!
อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) มีความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกถ้าหากจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลมาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ในทุก ๆ ปี และด้วยขนาดพื้นที่อุทยานขนาดใหญ่ ทำให้มีจุดสำหรับท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะพักผ่อนในที่พักอเมริกาตรงส่วนไหน ก็สามารถชมวิวธรรมชาติสวย ๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ที่มีประชากรนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้เฉลี่ย 3 ล้านคนต่อปี พื้นที่ร้อยละ 89 ของอุทยานเป็นป่าที่มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติโยเซมิตียังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1984 อีกด้วย
อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่อุทยานทั้งหมด 3,081 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมไปใน 4 เมือง อันได้แก่ เมือง Tuolumne, Mariposa, Mono และ Madera อาณาเขตบางส่วนติดกับทะเลทรายเนวาดา และห่างจากเมืองซานฟรานซิสโกประมาณ 4 ชั่วโมง ลักษณะภูมิประเทศมีทั้งป่าไม้, ภูเขา, ลำธาร และทะเลสาบอยู่กระจายกันตลอดทั้งพื้นที่
สามารถมาเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงตุลาคม โดยทางอุทยานจะไม่เปิดให้ท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากสภาพอากาศได้ นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงนิยมมาเที่ยวในฤดูร้อนมากที่สุด เพราะพื้นที่ท่องเที่ยวบางส่วนในอุทยานจะเปิดเฉพาะฤดูกาลนี้เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูที่มีน้ำเยอะและน้ำตกสวยมากที่สุดอีกด้วย
หากเดินทางเข้าอุทยานโดยรถยนต์ส่วนตัว ไม่ว่ามีผู้โดยสารกี่คน จะมีค่าเข้าอยู่ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน และสามารถอยู่ในอุทยานได้ 7 วัน แต่ถ้าหากไม่มีรถ ทางอุทยานจะนับค่าเข้าเป็นรายคน อยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน สามารถท่องเที่ยวในอุทยานได้ 7 วันเช่นเดียวกัน
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีสามารถเดินทางไปได้ 2 วิธี เนื่องจากอุทยานตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง ระบบขนส่งสาธารณะจึงยังไม่ได้สะดวกสบายมากนัก โดยวิธีการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีสำหรับนักท่องเที่ยวมีดังนี้
สามารถนั่งรถบัส YARTS Bus ซึ่งเป็นรถรับ-ส่งจากจุดต่าง ๆ ไปยังอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีได้ โดยสามารถขึ้นได้จาก 4 จุด คือ สนามบิน Fresno, สนามบิน Merced, เขต Sonora และเขต Mammoth Lakes อัตราค่าโดยสารขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เลือกใช้
การเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี หากเริ่มต้นเดินทางจากเมืองใหญ่อย่างซานฟรานซิสโก จะต้องขับรถเป็นระยะทางประมาณ 275 กิโลเมตร ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง แต่ถ้าหากเดินทางจากเมืองลอสแอนเจลิส จะใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ในระยะทางราว 450 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีมีธรรมชาติสวย ๆ มากมายให้ได้ชื่นชมกัน ซึ่งวันนี้ Traveloka ได้รวบรวมจุดเช็กอินที่ห้ามพลาดในอุทยานแห่งนี้มาให้แล้ว จะมีจุดไหนบ้างไปดูกันเลย!
น้ำตก Bridalveil เป็นน้ำตกอันสวยงามที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี โดยน้ำตกนี้มีความสูงถึง 188 เมตรหรือราวตึก 60 ชั้น ยามที่น้ำตกตกลงมาถึงพื้นจึงมีละอองน้ำกระจายค่อนข้างมาก สามารถไปยืนรอรับความสดชื่น และชมความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ได้ โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิที่จะมีความงดงาม และปริมาณน้ำตกมากเป็นพิเศษ จากหิมะที่ละลายและกลายเป็นน้ำตกตามฤดูกาล
Tunnel View เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี และเป็นแลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าไม่มาชื่นชมและถ่ายวิวธรรมชาติสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ก็เหมือนมาไม่ถึงอุทยานแห่งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวจุดนี้มีชื่อเสียงมากเนื่องจากสามารถเห็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหิน น้ำตก และป่าไม้หลากสายพันธุ์ อีกทั้งหากมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามตระการตาไปอีกรูปแบบด้วย
Yosemite Falls แห่งอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยความสูงกว่า 739 เมตร จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของอุทยานที่ต้องมาเยี่ยมเยือนให้ได้ สามารถมารับชมความสวยงามตระการตาของน้ำตกแห่งนี้ได้เป็นพิเศษในฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากจะมีปริมาณน้ำตกมากกว่าปกติจากหิมะที่เพิ่งละลาย ช่วยเสริมความอลังการให้กับม่านน้ำตกแห่งนี้ยิ่งขึ้น
El Capitan เป็นภูเขาหินแกรนิตที่มีความสูงราว 910 เมตร โดดเด่นด้วยลักษณะของหน้าผาที่มีความสูงชันจนเกือบจะตั้งฉาก 90 องศา ซึ่งแตกต่างจากภูเขาอื่น ๆ ที่จะมีความเอียงลาดชันในลักษณะสามเหลี่ยม เรียกได้ว่าเป็นภูเขาแห่งความท้าทายสำหรับนักปีนเขาเป็นอย่างมาก หากคุณเป็นคนรักการผจญภัยและการปีนหน้าผา ต้องอย่าพลาดที่จะมาลองไต่ภูเขาแห่งนี้ที่อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีเลย
Tenaya Lake เป็นหนึ่งในทะเลสาบของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยน้ำทะเลสีใสสวยงาม จึงเหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจ, ว่ายน้ำ, ปิกนิก, พายเรือ หรือเล่นกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ได้อย่างสนุกสนาน พร้อมเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันงดงามตระการตากลางหุบเขา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ต้องมาให้ได้เลย
หากคุณต้องการที่จะไปยังอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี แต่ไม่อยากเสียเวลาวางแผนการเดินทาง หรือขับรถเองให้เหนื่อย Traveloka มีแพ็กเกจทัวร์ 1 Day Trip ไปกลับซานฟรานซิสโก-อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีมานำเสนอให้คุณ โดยในทริปนี้คุณจะได้ไปสัมผัสกับความงดงามตระการตาของจุดแลนด์มาร์กยอดฮิตของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี อย่างเช่น El Capitan ภูเขาตั้งฉากอันยิ่งใหญ่ น้ำตก Yosemite ที่สูงสุดในสหรัฐอันน่าทึ่ง และจุดเช็กอินชื่อดังอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมดื่มด่ำไปกับความสวยงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด สัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาจากนานาสัตว์น้อยใหญ่ภายในอุทยาน
ทัวร์อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีนี้ มีจุดเริ่มต้นที่เมืองซานฟรานซิสโก คุณสามารถเดินทางได้อย่างไร้กังวลด้วยบริการรถรับ-ส่งจากทาง Traveloka ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ อีกทั้งยังมาพร้อมกับไกด์นำเที่ยวภาษาอังกฤษผู้เชี่ยวชาญพื้นที่ ซึ่งจะทำให้คุณได้ท่องเที่ยวไปกับธรรมชาติได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลินใจ