จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ ส่งผลต่อทุกภาคส่วนอย่างปฏิเสธไม่ได้ หลายต่อหลายคนต่างก็จับจองที่จะฉีดวัคซีนกัน รวมไปถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ทุกคนต่างพากันไปรับบริการเป็นจำนวนมาก ส่วนมากประเภทการตรวจที่ทุกคนรู้จักกันคือ การ “swab” หรือ “แยงจมูก” เท่านั้น ซึ่งที่จริงแล้วการตรวจหาเชื้อมีอีกสองวิธี ก่อนที่ทุกคนจะไปตรวจกันนั้น ควรรู้ให้ชัวร์ก่อนว่าเหมาะกับการตรวจแบบไหนมากกว่ากันเพื่อจะได้ตรงกับจุดประสงค์ที่สุด ซึ่งวิธีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 นั้นมีด้วยกัน 3 แบบ จะมีแบบไหนบ้างไปดูกันค่า
ตรวจ covid-19 แบบไหนที่เหมาะ กับคุณ?
วิธีการตรวจแบบแรก เชื่อว่าเป็นการตรวจที่ทุกคนต่างก็รู้จักเป็นอย่างดีนั่นก็คือการ Swab เพื่อนำสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกและลำคอไปตรวจหาเชื้อต่อ ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่เป็นมาตราฐานโดยองค์การอนามัยโลกแนะนำและเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะตรวจไว รู้ผลไว Real-time PCR สามารถตรวจจับได้ทั้งเชื้อเป็นและเชื้อตาย ซึ่งหากตรวจแล้วได้ผลเป็นบวก (+) ก็สามารถบอกได้เลยว่าผู้ถูกตรวจมีเชื้อในร่างกายแล้ว ในขณะที่ได้ผลเป็นลบ (-) แต่ผู้ถูกตรวจมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก ก็ควรจะกักตัวเพื่อรอดูอาการ 14 วันและตรวจอีกรอบเพื่อความมั่นใจ เพราะเชื้ออาจจะอยู่ในระยะฟักตัวซึ่งตรวจแล้วอาจยังไม่เจอก็ได้
การตรวจเชื้อแบบ PCR สามารถทำได้ที่โรงพยาบาลที่รับตรวจ หรือ labs ต่างๆ ที่ตรวจได้ทั้งแบบเข้าไปในตัวอาคารหรือจะเลือกแบบ drive-thru ก็ทำได้ ส่วนระยะเวลาในการทราบผลก็มีตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง ไปจนถึง 48 ชั่วโมง แล้วแต่แพ็กเกจที่ทุกคนเลือกกันเลย
ค่าใช้จ่าย: 3,000 - 6,500 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
ข้อดีของการตรวจ: มีความแม่นยำสูง และสามารถตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 ที่มีปริมาณน้อยๆ ในตัวอย่างได้หลายชนิด เช่น สารคัดหลั่งทางเดินหายใจ เลือด น้ำลาย และอุจจาระ
เหมาะสำหรับใคร: บุคคลทุกคน ทั้งที่มีและไม่มีความเสี่ยง (ควรตรวจในช่วง 5 วันหลังจากได้รับเชื้อเป็นต้นไปจึงจะพบเชื้อ เนื่องจากก่อนหน้านั้นยังอยู่ในช่วงระยะฟักตัว)
Real-Time PCR Test
วิธีการตรวจแบบที่สองคือการเจาะเลือดตรวจเพื่อหาภูมิคุ้มกันโรคหรือแอนติบอดี้ในร่างกาย ชนิด IgM, lgA และ IgG ต่อไวรัส SARS-CoV-2 ที่เป็นตัวการก่อโรคโควิด-19 ผลตรวจจากแอนติบอดี้ lgM, lgA และ lgG จะสามารถบอกได้ว่าร่างกายคุณเคยได้รับเชื้อโควิด-19 มาแล้วหรือไม่ (ไม่ใช่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีเชื้ออยู่ในขณะที่ตรวจหรือไม่) หรือนำมาประกอบการวินิจฉัยการติดเชื้อในผู้ที่มีหรือไม่มีอาการของโควิด-19 ได้ ถือว่าการตรวจเชื้อโควิด-19 แบบหาภูมิคุ้มกันในร่างกายเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีเลยก็ว่าได้ แต่ข้อเสียคือผลตรวจนี้ไม่ใช่การตรวจบ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีเชื้ออยู่ในขณะที่ตรวจ ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณมีเชื้อมากี่วันแล้ว หรือได้รับเชื้อมาเมื่อไหร่ และไม่สามารถรู้ได้ว่าภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นจะป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้หรือไม่ หากต้องการตรวจแบบละเอียด แพทย์จะต้องเก็บนำเชื้อไปตรวจหาต่อโดยวิธี PCR อีกรอบ
ค่าใช้จ่าย: 200 - 1,500 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
ข้อดีของการตรวจ: ช่วยบอกได้ว่าเคยหรือได้รับเชื้อโควิด-19 หรือยัง (ไม่ใช่บอกว่าในขณะที่ตรวจผู้ป่วยมีเชื้ออยู่หรือไม่) นอกจากนี้ antibody IgM จะทำให้รู้ว่าผู้ป่วยที่เพิ่งติดเชื้อมาแล้วควรกักตัวต่อเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อต่อหรือไม่ หรือหากพบ antibody IgG จะทำให้รู้ว่าผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อมาสักพักแล้ว ควรหยุดการกักตัวรักษาได้แล้วหรือยัง
เหมาะสำหรับใคร: บุคคลทุกคน ทั้งที่มีและไม่มีความเสี่ยง (ควรตรวจในช่วง 10 วันหลังจากได้รับเชื้อเป็นต้นไปจึงจะพบภูมิคุ้มกัน หรือช่วงที่หายจากการป่วยแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านั้นร่างกายยังไม่สร้างภูมิคุ้มกัน)
Antibody Test
การตรวจคัดกรองโควิด-19 แบบสุดท้ายคือการตรวจหาสารคัดหลั่งจากโพรงจมูกเพื่อค้นหาโปรตีนของไวรัส ส่วนมากใช้ตรวจในช่วงคัดกรองและเฝ้าระวังโรค ผลตรวจในลักษณะของการตรวจ Antigen จะบ่งชี้อยู่ 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่แสดงอาการ และกลุ่มที่ไม่แสดงอาการ
3.1 กลุ่มที่แสดงอาการ : สำหรับผู้ที่ตรวจแล้วได้ผลเป็นบวก (+) สามารถบ่งชี้ได้เบื้อต้นว่าคุณมีเชื้อโควิด-19 อยู่ในตัว และควรได้รับการกักตัวโดยด่วน ส่วนมากโรงพยาบาลจะส่งผู้ที่ได้ผลเป็นบวก (+) ไปตรวจหาเชื้อโดยวิธี PCR อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
3.2 กลุ่มที่ไม่แสดงอาการ : สำหรับผู้ที่ตรวจแล้วได้ผลเป็นลบ (-) แต่หากคุณมีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วยหรือมีความเสี่ยงสูง คุณจะถูกให้กักตัวเป็นเวลา 14 วัน และตรวจใหม่อีกครั้งโดยวิธี PCR
การตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen นั้น จะสามารถใช้วินิจฉัยโรคได้เพียงบางกรณี หากต้องการความแม่นยำสูง ควรเลือกตรวจควบคู่ไปกับแบบอื่น เช่น PCR หรือ Antibody ร่วมด้วย
ค่าใช้จ่าย: 500 - 1,200 บาท (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
ข้อดีของการตรวจ: เป็นการตรวจหาเชื้อเบื่องต้น ราคาถูกกว่าแบบอื่น และเนื่องจากเป็นการตรวจโปรตีนในไวรัส หากเจอก็ระบุได้เลยว่ากำลังติดเชื้อ
เหมาะสำหรับใคร: บุคคลทุกคน ทั้งที่มีและไม่มีความเสี่ยง (ควรตรวจในช่วง 5 วันหลังจากได้รับเชื้อเป็นต้นไปจึงจะพบเชื้อ เนื่องจากก่อนหน้านั้นยังอยู่ในช่วงระยะฟักตัว)
Antigen Test
เปรียบเทียบชนิดการตรวจหา Covid-19
ตรวจเช็คสถานที่ตรวจหาเชื้อ Covid-19 ที่นี่
การเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 นั้นสามารถทำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพราะแค่คุณมีความกังวลว่าคุณนั้นติดหรือไม่ก็สามารถไปตรวจได้ที่โรงพยาบาลที่รับตรวจหรือ lab ที่รับตรวจได้เอง นอกจากนี้กรมควบคุมโรค (DDC) แนะนำให้บุคคลที่ถือว่ามีความเสี่ยงเหล่านี้ไปตรวจหาเชื้อโดยด่วน ดังนี้:
สุดท้าย สรุปแล้วการตรวจมีด้วยกัน 3 แบบ นั่นก็คือ การตรวจโดย PCR (แยงจมูกเพื่อเก็บสารคัดหลั่งโพรงจมูกและลำคอ), ตรวจหาภูมิคุ้มกัน Antibody (ตรวจเลือดหาแอนติบอดี้) และสุดท้าย Antigen (เก็บสารคัดหลั่งโพรงจมูกเบื้องต้น) ซึ่งถ้าต้องการการตรวจเพื่อความแม่นยำสูงสุด ทางการแพทย์แนะนำให้เลือกตรวจแบบ PCR นั่นคือการตรวจแบบแยงจมูก เพราะการตรวจแบบนี้จะมีโอกาสที่จะตรวจจับเชื้อได้มากกว่า และทำให้สามารถจับหาสารพันธุกรรมจากเชื้อไวรัสได้โดยตรง