เพราะโควิด-19 ทำให้ชีวิตเราทุกคนเปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ต้องห่างหายจากการเดินทางท่องเที่ยวหรือต้องใช้ชีวิตแบบมีระยะห่างกับเพื่อนฝูง ญาติมิตร และคนที่เรารักเท่านั้นนะ แต่รวมไปถึงการต้องห่างกันซักพักกับเมนูโปรดบางอย่าง โดยเฉพาะเมนูกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือเมนูที่ไม่ได้ผ่านความร้อนทั้งหลาย และถึงแม้จะทรมานใจจากการไม่ได้กินอาหารที่โปรดปราน แต่ในเวลาแบบนี้การรักษาตัวเองให้ห่างจากโควิดน่าจะสำคัญกว่า วันนี้เราจึงจะมาชวนส่องเมนูปลอดภัยที่เหมาะจะกินในช่วงเวลาแบบนี้กัน ทั้งอร่อยทั้งดีต่อร่างกาย ส่วนจะมีเมนูอะไรนั้น ไปเปิดตำราอาหารกันได้เลย
วัตถุดิบ
เนื้อปลาตามชอบ (ปลากะพง ปลาแซลมอน ปลาดอร์ลี่ ปลาเก๋า ฯลฯ) หั่นชิ้นพอดีคำ, ขิงแก่หั่นแว่น, ข่าแก่หั่นแว่น, ข้าวสาร, คึ่นช่าย, ต้นหอมซอย, ผักชีซอย, ขิงซอย, น้ำซุปปลา (ใช้น้ำซุปหมูหรือไก่แทนได้), สามเกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกละเอียด)
วิธีทำ
ตั้งน้ำให้เดือดแล้วนำข้าวสารลงไปต้มจนข้าวเริ่มนิ่มและบานตามต้องการแล้วนำไปพักไว้ นำหม้อใบใหม่ขึ้นตั้งเตา ใส่น้ำซุป ต้มให้เดือด จากนั้นใส่สามเกลอลงไป ตามด้วยขิงและข่าหั่นแว่น ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาวตามชอบ พอน้ำเดือดจัดให้ใส่เนื้อปลาลงไป ปล่อยทิ้งไว้ให้สุกโดยห้ามคนเด็ดขาด เวลาเสิร์ฟ ตักข้าวใส่ชาม ตามด้วยน้ำซุปและเนื้อปลาที่ต้มไว้ โรยหน้าด้วยคึ่นช่ายหั่น ต้นหอม ผักชี และขิงซอย โรยพริกไทยตามชอบ
ประโยชน์
เนื้อปลาทะเลมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ มีกรดไขมันที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ทั้งยังช่วยป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ขิงมีสารประกอบซึ่งอาจจะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีสารช่วยขับเสมหะ ลดการอักเสบ ลดอาการไอ ข่าช่วยขับลม บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และมีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายยาแก้อักเสบ คึ่นช่ายมีสารช่วยลดความดันและคอเลสเตอรอล ขับปัสสาวะ และช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
วัตถุดิบ
ขนมปังโฮลวีท, อกไก่สไลซ์, เนยจืด, แตงกวาดอง, หัวหอมแขก, มะเขือเทศ, อะโวคาโด, พริกไทยดำ, เกลือ, มายองเนส, ผักกาดหอมหรือผักสลัดตามชอบ
วิธีทำ
ผสมพริกไทยดำ เกลือ และมายองเนสให้เข้ากัน (ในกรณีที่ชอบซอสแบบมีเท็กซเจอร์ สามารถนำแตงกวาดอง หัวหอมแขก และอะโวคาโด สับเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมลงไปให้เข้ากันได้เลย) เสร็จแล้วพักไว้ ทาเนยบนขนมปังแล้วนำไปนาบในกระทะให้เหลืองกรอบ เมื่อได้ที่แล้วจึงนำส่วนผสมของซอสที่พักไว้ทาบนขนมปังให้ทั่ว แล้วจัดวางชิ้นอกไก่ อโวคาโด และผักต่างๆ บนขนมปังตามชอบ ยกเสิร์ฟ
ประโยชน์
ขนมปังโฮลวีทมีไฟเบอร์และวิตามินสูง ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและทำให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น อกไก่มีโปรตีนสูง แถมยังมีธาตุเหล็กและสังกะสีที่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงและทำงานได้ดีขึ้น อะโวคาโดมีกรดไขมันที่ดีต่อร่างกาย มีวิตามินซี และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง มะเขือเทศมีสารต้านอนุมูลอิสระ ผักใบเขียวมีวิตามินบีสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันได้ดี
วัตถุดิบ
ขนมปังแซนด์วิช, ผลไม้ตามชอบ, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ, วิปปิ้งครีม และน้ำตาลทราย
วิธีทำ
นำผลไม้มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ จากนั้นนำวิปปิ้งครีมที่แช่จนเย็นจัดมาผสมกับโยเกิร์ตและน้ำตาลทราย ตีผสมให้เข้ากันจนขึ้นฟูเป็นเนื้อโฟมนุ่ม นำครีมที่ได้ปาดลงไปบนขนมปัง วางทับด้วยชิ้นผลไม้ ก่อนปาดครีมทับที่ด้านบนอีกครั้ง แล้ววางขนมปังตามลงไป (หากต้องการให้ครีมเซ็ตตัวสวย ควรนำแซนด์วิชที่ทำเสร็จแล้วไปแช่ตู้เย็นสักครู่ก่อนเสิร์ฟ)
ประโยชน์
ผลไม้ส่วนใหญ่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ หากเลือกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนำเช่นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หรือส้ม จะมีวิตามินซีค่อนข้างสูง กีวีมีวิตามินซีสูง มีธาตุเหล็กและสังกะสี มีสารต้านอนุมูลอิสระรวมถึงมีไฟเบอร์สูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มะม่วงสุกมีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีรายงานว่าโครงสร้างทางโมเลกุลของมะม่วงสุก อาจจะมีส่วนช่วยในการบล็อกการแบ่งตัวของไวรัสได้ โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย ช่วยระบบย่อยอาหาร และช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวได้ กล้วยหอมมีวิตามินหลากหลาย มีธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และโพรแทสเซียมค่อนข้างสูง รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดอาการหงุดหงิดได้
วัตถุดิบ
ฟักทอง, หอมหัวใหญ่, เนยสด, นมสด, พริกไทย, เกลือ, น้ำสต็อกไก่
วิธีทำ
หั่นฟักทองและหอมหัวใหญ่เป็นชิ้นแล้วนำไปสับให้ละเอียด นำกระทะหรือหม้อขึ้นตั้งไฟ นำเนยสดลงไปผัดให้ละลาย จากนั้นใส่ฟักทองและหัวหอมที่ละเอียดแล้วลงไปผัดจนสุกหอมนุ่ม ปรุงรสด้วยเกลือ เติมน้ำสต็อกและนมสดลงไป เคี่ยวไฟปานกลางถึงอ่อนจนเนื้อฟักทองและหัวหอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน (หากต้องการซุปที่เนื้อเนียนมากๆ สามารถนำซุปที่ได้ไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมาตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ถ้าชอบซุปแบบเข้มข้นสามารถเติมวิปปิ้งครีมแบบกล่องเพิ่มได้) โรยพริกไทยเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ
ประโยชน์
ฟักทองมีแคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและเสริมการทำงานของปอดให้ดีขึ้น หอมใหญ่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ช่วยให้อาการหวัดดีขึ้น ช่วยลดความดัน ไขมัน และการเกาะตัวของลิ่มเลือด รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
วัตถุดิบ
เครื่องพริกแกง (พริกไทยเม็ด, หอมแดง, กะปิ, กระชาย, พริกขี้หนูสวน, กุ้งแห้ง), กุ้งสด, ฟักทอง, บวบ, ข้าวโพดอ่อน, เห็ดฟาง, ใบแมงลัก และผักอื่นตามชอบ
วิธีทำ
โขลกเครื่องแกงให้ละเอียดเข้ากัน แล้วพักไว้ (หากต้องการน้ำแกงที่มีเนื้อเข้มข้นขึ้น สามารถเพิ่มเนื้อกุ้งลวกลงไปโขลกด้วยได้) ปอกเปลือกกุ้งผ่าหลังล้างให้สะอาด ตั้งหม้อแกงต้มน้ำให้เดือด (หากใช้กุ้งลวกโขลกเครื่องแกง ให้นำน้ำที่ลวกกุ้งมาใช้เป็นน้ำสต็อก หรือจะใช้น้ำสต็อกไก่แทนก็ได้) เมื่อน้ำเดือดนำเครื่องแกงที่โขลกไว้ใส่ลงไป คนให้ละลายดี จากนั้นใส่ผักที่เตรียมไว้ โดยเริ่มทยอยใส่จากผักที่สุกยากก่อน เมื่อผักสุกใส่กุ้งสดตามลงไป เมื่อกุ้งเริ่มสุก จึงปรุงรสด้วยน้ำปลาให้ได้รสชาติตามต้องการ จากนั้นใส่ใบแมงลักเป็นขั้นตอนสุดท้าย แล้วปิดไฟ คนให้เข้ากันก่อนตักเสิร์ฟ
ประโยชน์
เครื่องเทศในแกงเลียงเช่นพริกไทย ให้รสเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขับเสมหะ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดการอักเสบ กระชายมีฤทธิ์ต้านไวรัส ต้านอาการหวัด และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนในผักต่างๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้แข็งแรงและรับมือกับเชื้อโรคต่างๆ ได้ดี
วัตถุดิบ
เส้นสปาเก็ตตี้, อาหารทะเลตามชอบ, น้ำมันพืช, พริกขี้หนู, กระเทียม, กระชายหั่นฝอย, ใบมะกรูดหั่นฝอย, พริกไทยอ่อน, ใบกระเพรา, พริกชี้ฟ้าหั่นบางๆ (สามารถใส่ผักอื่นๆ ตามชอบได้ เช่น มะเขือเปราะ ข้าวโพดอ่อน เห็ดฟาง ถั่วฝักยาว ฯลฯ)
วิธีทำ
ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ (ตั้งน้ำให้เดือด เติมเกลือลงไปเล็กน้อย แล้วหยอดน้ำมันลงไปนิดหน่อยเพื่อกระจายความร้อนให้ทั่วและป้องกันเส้นพันกัน เมื่อน้ำเดือดจัดให้ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไป หากชอบเส้นแบบอัลเดนเต้ให้ต้มในน้ำเดือดประมาณ 8 นาที แต่ถ้าชอบเส้นแบบสุกทั่วกันให้ต้มประมาณ 10 นาที) จากนั้นตักขึ้นมาแช่น้ำเย็นจัดทันทีเพื่อหยุดความสุกของเส้นไว้ ตักขึ้นจากน้ำแล้วคลุกน้ำมันนิดหน่อยให้เคลือบเส้นแบบทั่วถึง ก่อนพักไว้ โขลกพริกขี้หนูกับกระเทียมพอหยาบ ตั้งกระทะให้ร้อน เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย ใส่พริกและกระเทียมที่โขลกแล้วลงไปผัดให้สุกหอม นำเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้สุก (สามารถใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้สุกได้ต่อจากเนื้อสัตว์) จากนั้นนำเส้นที่ต้มแล้วลงไปผัดคลุกเคล้าให้ทั่ว ปรุงรสตามชอบ ใส่กระชาย ใบมะกรูด พริกไทยอ่อน พริกชี้ฟ้า ผัดให้สุก ตามด้วยใบโหระพา ก่อนปิดไฟ คลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วตักเสิร์ฟ
ประโยชน์
อาหารทะเลให้โปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย พริกมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี กระเทียมมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายและเม็ดเลือดขาว กระชายมีฤทธิ์ต้านไวรัส ต้านอนุมูลอิสระ ต้านอาการหวัดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใบมะกรูดช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและมีวิตามินอีสูง พริกไทยอ่อนช่วยขับลม ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร พริกชี้ฟ้าช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดอาการหวัด ช่วยให้ระบบหายใจและระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น โหระพาช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยต่อต้านการอักเสบ ช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด และลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
วัตถุดิบ
เนื้อหมู (เลือกใช้ส่วนที่ต้องการ หรืออาจเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อื่นตามชอบใจ), พริกแกงเผ็ด (พริกแห้ง กะปิ เกลือป่น ข่าซอย พริกไทยเม็ด ผิวมะกรูด ตะไคร้ซอย กระเทียม หอมแดง โขลกให้เข้ากันจนละเอียด), น้ำสต็อก, น้ำมันพืช, กระชายซอย, พริกไทยอ่อน, พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ, มะเขือพวง, ใบกระเพรา, มะเขือเปราะ, ถั่วฝักยาว, ข้าวโพดอ่อน หรือผักอื่นตามชอบใจ
วิธีทำ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย นำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนสุกหอม จากนั้นใส่เนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์ที่ต้องการลงไป ผัดให้สุกเข้ากันดี แล้วเติมน้ำสต็อกลงไป ปรุงรสตามชอบ จากนั้นใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้ โดยเริ่มจากผักเนื้อแข็งที่สุกยากอย่างข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว มะเขือเปราะ มะเขือพวง พริกไทยอ่อน กระชายซอย พริกชี้ฟ้าหั่นตามลำดับ คนให้เข้ากัน ก่อนโรยใบกระเพราลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วปิดไฟ ตักเสิร์ฟ
ประโยชน์
เนื้อหมูให้โปรตีนและกรดที่จำเป็น ซึ่งช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในพริกแกงมีสมุนไพรไทยให้รสเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ลดอาการหวัด ขับเสมหะ ขับลม กระชายมีฤทธิ์ต้านไวรัส ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และต้านอาการหวัด พริกไทยอ่อนช่วยขับลม ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร พริกชี้ฟ้าช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดอาการหวัด ช่วยให้ระบบหายใจและระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ผิวมะกรูดมีวิตามินอีสูงและช่วยลดคอเลสเตอรอล ข้าวโพดอ่อนช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต ป้องกันเส้นเลือดแข็งตัว ช่วยบำรุงหัวใจ ถั่วฝักยาวมีฟอสฟอรัสและวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย มะเขือเปราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ มะเขือพวงช่วยย่อยอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย ช่วยขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี
วัตถุดิบ
เนื้อไก่ (ส่วนที่ชอบ), เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ, ต้นหอม, พริกแห้ง, พริกชี้ฟ้าแดง, กระเทียม, น้ำมันงา, น้ำมันหอย, แป้งสาลี, พริกไทย, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, เกลือ
วิธีทำ
หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นพอคำ นำมาคลุกเคล้ากับเกลือ พริกไทย และแป้งสาลี จากนั้นนำไปทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงทอดให้เหลือง ตักขึ้นพักไว้ หั่นพริกแห้งเป็นชิ้นพอคำแล้วนำไปทอดให้กรอบแล้วตักขึ้นพักไว้ จากนั้นนำกระทะอีกใบขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมัน แล้วนำกระเทียมที่สับแล้วลงไปผัดให้หอม นำไก่และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่พักไว้ลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และน้ำมันงา ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตามด้วยต้นหอมที่หั่นเป็นท่อน พริกชี้ฟ้าแดงที่หั่นแล้ว และพริกแห้งที่ทอดไว้ ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วตักลงจาน
ประโยชน์
เนื้อไก่มีโปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงมีธาตุเหล็กและสังกะสีซึ่งจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีสารอาหารซึ่งจำเป็นในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยลดคอเลสเตอรอลและช่วยให้หลอดเลือดหัวใจแข็งแรง อีกทั้งยังมีสารที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ พริกมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย มีวิตามินเอและวิตามินซีสูง บรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด กระเทียมช่วยเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดขาวและภูมิคุ้มกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค ต้นหอมมีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตาและสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย น้ำมันงามีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวและสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงยังมีวิตามินอีสูงอีกด้วย
วัตถุดิบ
ไข่ไก่, พริกขี้หนูสด, กระเทียม, เนื้อหมูสับหรือไก่สับ (ถ้าต้องการแค่เนื้อไข่อย่างเดียวสามารถข้ามได้), น้ำมันพืช, น้ำสต็อก, ใบกระเพรา
วิธีทำ
ตีไข่ไก่ให้เข้ากัน จากนั้นนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย (หากใช้กระทะเทฟลอนไม่ต้องใส่ก็ได้) เทไข่ที่ตีแล้วลงไป ใช้ตะหลิวคนวนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ไข่ติดกันเป็นแพ (คล้ายการทำไข่คน) เมื่อไข่สุกทั่วกันตักขึ้นพักไว้ โขลกพริกขี้หนูและกระเทียมพอหยาบ จากนั้นนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันนิดหน่อย เมื่อน้ำมันร้อนใส่พริกกระเทียมที่โขลกไว้ลงไปผัดให้สุกหอม ใส่เนื้อสัตว์ที่หั่นหรือสับไว้ คนให้สุกทั่วกัน จากนั้นใส่ไข่ที่กวนไว้ลงไป ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำสต็อกเล็กน้อยตามชอบ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล หรือน้ำมันหอยนิดหน่อยตามชอบใจ ใส่ใบกระเพรา คลุกให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกเสิร์ฟ
ประโยชน์
ไข่ไก่และเนื้อสัตว์ ให้โปรตีนสูง และยังมีวิตามินหลากหลายชนิดที่ร่างกายต้องการ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ พริกมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีสูง กระเทียมช่วยเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ใบกระเพราช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ขับลม ต้านอาการหวัด ลดระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิดได้
วัตถุดิบ
งาดำ, น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลปี๊บ, แป้งข้าวเหนียว, น้ำตาลทรายแดง, ขิงหั่นแว่น, น้ำเปล่า, เกลือ
วิธีทำ
คั่วงาดำให้หอม จากนั้นนำไปตำหรือปั่นให้ละเอียด พักไว้ นำกระทะไปตั้งไฟ ใส่น้ำตาลโตนดลงไป พอน้ำตาลเริ่มละลายใส่งาดำที่บดละเอียดแล้วลงไป ตัดรสด้วยเกลือเล็กน้อย กวนให้เนียนเข้ากันดี แล้วพักไว้ ผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเปล่าเล็กน้อย ค่อยๆ นวดให้เข้ากัน หากแป้งยังร่วนอยู่ ค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิด นวดจนแป้งเหนียวคล้ายดินน้ำมันไม่ติดมือ จากนั้นแบ่งแป้งเป็นก้อนตามต้องการ นวดแผ่ให้เป็นแผ่นกลมแบนไม่หนามาก ตักไส้งาดำที่กวนไว้วางตรงกลาง แล้วห่อให้มิด ปั้นเป็นก้อนกลม แล้วตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด นำบัวลอยลงไปต้มให้สุก สังเกตว่าแป้งบัวลอยจะลอยขึ้นมาไม่จมอยู่ก้นหม้อ หากยังไม่กินให้ตักบัวลอยที่สุกแล้วลงไปแช่ในน้ำเย็นเพื่อไม่ให้บัวลอยติดกัน จากนั้นใส่น้ำเปล่าในหม้อ แล้วตั้งไฟ เมื่อน้ำเดือดใส่ขิงที่หั่นแล้วลงไปต้มให้ได้กลิ่นหอมและสีตามต้องการ ปรุงรสหวานตามชอบด้วยน้ำตาลทรายแดง เวลาเสิร์ฟตักบัวลอยใส่ถ้วยแล้วตามด้วยน้ำขิงที่ต้มไว้
ประโยชน์
งาดำมีวิตามินอีสูง ช่วยบำรุงร่างกาย ผม และผิวพรรณ ป้องกันภาวะกระดูกพรุน ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี รวมถึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงประสาทและสมอง และช่วยให้นอนหลับง่าย น้ำขิงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระตุ้นระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ช่วยขับลม ช่วยลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดอาการหวัดและปวดศีรษะ ลดอาการไอ เจ็บคอ และช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
วัตถุดิบ
น้ำส้มสายชูจากข้าวหรือผลไม้ (ถ้ามี), โชยุ, น้ำตาลทราย, มิริน (ถ้ามี), งาขาวคั่วบด, ขิงบดหรือหั่นละเอียด, เต้าหู้ญี่ปุ่น, อโวคาโด, พริกหวาน และผักตามชอบ
วิธีทำ
นำงาไปคั่วให้หอมแล้วพักไว้ จากนั้นผสมน้ำส้มสายชู โชยุ น้ำตาลทรายและมิรินเข้าด้วยกันในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด จากนั้นยกออกจากเตาแล้วใส่งาที่คั่วแล้วและขิงบดลงไปผสม พักไว้ให้เย็น หั่นเต้าหู้ อโวคาโด และผักต่างๆ เป็นชิ้นตามต้องการ เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดที่ทำไว้
ประโยชน์
น้ำส้มสายชูหมักช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและกระดูกเนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดน้ำหนัก ลดน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการกรดไหลย้อนและอาการเจ็บคอ ช่วยปรับสมดุลและดีท็อกซ์ของเสียในร่างกาย งาขาวช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ลดคอเลสเตอรอล บำรุงผมและผิวพรรณ บำรุงหัวใจ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดอาการไอ ขับเสมหะ และยังอาจช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสได้ เต้าหู้มีโปรตีนและแคลเซียมสูง อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีไฟเบอร์สูง และช่วยลดน้ำหนักได้ อโวคาโดมีกรดไขมันที่ดีต่อร่างกาย มีวิตามินซี และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง พริกหวานมีวิตามินซีสูงและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอีกด้วย
วัตถุดิบ
กระชายสด, ขิงสด, น้ำตาลทรายแดง, น้ำสะอาด, มะนาว, น้ำผึ้ง, เกลือป่น
วิธีทำ
หั่นกระชายและขิงเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียด ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่กระชายและขิงที่ปั่นแล้วลงไปต้มประมาณ 15 นาที เติมน้ำตาลทรายแดงจนได้รสหวานตามชอบ (หากไม่ชอบกากให้กรองเนื้อขิงและกระชายออกจนเหลือแต่น้ำ) เวลาเสิร์ฟตักน้ำสมุนไพรที่ต้มไว้มาผสมน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และเกลือจนได้รสตามชอบ หากชอบดื่มแบบเย็นสามารถเติมโซดาและน้ำแข็งเพิ่มได้
ประโยชน์
กระชายมีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของไวรัส ต้านอาการหวัด ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการแบ่งตัวของไวรัส ลดอาการอักเสบ ลดอาการไอ ช่วยขับเสมหะ น้ำมะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย รักษาอาการติดเชื้อในลำคอ น้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสมองและเส้นผม ลดอาการเจ็บคอ บรรเทาอาการไอและอาการหวัด ช่วยปรับสมดุลให้ระบบย่อยอาหาร
วัตถุดิบ
มะขามป้อมแกะเอาแต่เนื้อ, น้ำต้มสุก, น้ำผึ้ง, น้ำมะนาว, เกลือ, น้ำแข็ง
วิธีทำ
นำมะขามป้อมผสมน้ำต้มสุกเล็กน้อยลงไปปั่นให้ละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำผึ้ง น้ำมะนาว เกลือ ตามชอบ เติมน้ำแข็งลงไปแล้วปั่นให้ละเอียดอีกครั้งก่อนเสิร์ฟ
ประโยชน์
มะขามป้อมมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพิ่มความชุ่มคอ และยังมีฤทธิ์บรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ป้องกันอาการหวัด และอาจช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสได้ น้ำมะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย รักษาอาการติดเชื้อในลำคอ น้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงสมองและเส้นผม ลดอาการเจ็บคอ บรรเทาอาการไอและอาการหวัด ช่วยปรับสมดุลให้ระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างสูตรอาหารที่ทำเองได้แบบไม่ยากนัก และยังเต็มไปด้วยสารอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักอย่างตอนนี้ ที่สำคัญคือควรกินอาหารที่ปรุงสุกสดใหม่ และแยกสำรับเฉพาะคนโดยไม่กินปะปนกัน ส่วนเมนูซึ่งมีส่วนประกอบเป็นผักหรือผลไม้สดนั้นควรล้างให้สะอาดก่อนปรุงทุกครั้ง หวังว่าเมนูที่หยิบมาฝากกันน่าจะมีเมนูที่คุณถูกใจ ลองเอาไปทำดูนะ เชื่อว่ากักตัวอยู่บ้านกันในคราวนี้ ทุกคนจะสุขภาพดีสู้กับโควิด-19 ได้สบายๆ อย่างแน่นอน