ช่วงนี้หลายประเทศเริ่มเปิดให้เดินทางไปกันได้แล้ว แม้บางประเทศจะไม่ใช่การเปิดให้เดินทางไปเที่ยว แต่มาตรการหลายอย่างก็เริ่มมีการผ่อนปรนมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็อาจจะต้องดูเงื่อนไขแต่ละประเทศไป สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของทุกประเทศเลยก็คือ การตระเตรียมเอกสาร นอกเหนือจากวีซ่า (Visa) และพาสปอร์ต (Passport) การเดินทางไปต่างประเทศยังจะต้องมีเอกสารมากมาย ที่ขึ้นอยู่กับกฎและเงื่อนไขของประเทศนั้นๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่จะต้องเดินทางไปเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ด้วยเช่นเดียวกัน บทความนี้ Traveloka เลยนำเอาข้อมูลของเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงโควิด-19 (COVID-19) มาฝากกัน
การเดินทางช่วงโควิด-19 (COVID-19) นั้นใช้เอกสารใบรับรองแพทย์อย่างเดียวอาจจะไม่พอ เนื่องจากเวลาที่จะเช็คอิน หรือว่าบอร์ดดิ้งนั้นจะต้องมีเอกสารรับรองหลายอย่าง Fit to Fly เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าหากใครที่มีความประสงค์จะเดินทางจากต่างประเทศ เข้ามายังราชอาณาจักรไทยจำเป็นจะต้องมีใบเอกสารรับรอง Fit to Fly ที่ออกโดยแพทย์จากโรงพยาบาล หรือคลีนิกที่มีการรองรับต่อสายการบินว่าคุณมีสุขภาพดีพอที่จะเดินทางโดยเครื่องบิน โดยเอกสาร Fit to Fly จะมีระยะเวลากำหนดใช้ได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาบิน
หลายๆ ประเทศรวมถึงมาตรการสนามบินของบางจังหวัดในประเทศไทยเองก็มีการตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าหากไม่ต้องการกักตัวก็สามารถยื่นผลตรวจ COVID-19 ผลเชื้อเป็นลบแบบ RT-PCR ได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยวิธีการตรวจแบบนี้เป็นวิธีการตรวจที่ได้ผลแน่นอน และองค์การอนามัยโลกรับรอง ทำให้ผลตรวจ COVID-19 ได้เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ใช้ยืนยันเชื้อได้แม้ว่าจะมีเชื้ออยู่ในปริมาณที่น้อยมากก็ตามที เนื่องจากสามารถตรวจจับเชื้อไวรัส COVID-19 ได้จากสารคัดหลั่งทุกส่วนของร่างกาย ผลดีก็คือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโควิด-19 จะรักษาตัวได้ทันทวงทีหากได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าไป และได้รับการตรวจหาเชื้อจากผลการตรวจแบบ RT-PCR ใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง
นอกเหนือจากผลการตรวจ COVID-19 ชนิด RT-PCR อีกหนึ่งผลตรวจที่ก็สามารถใช้ยื่นได้เหมือนกัน แต่บางประเทศอาจจะใช้ไม่ได้ หรือบางประเทศอาจจะต้องแสดงผลพร้อมกันกับตัวผลตรวจแบบ PCR เพื่อการยืนยันว่าผู้โดยสารไม่ได้มีเชื้อโควิด-19 ในร่างกาย การตรวจจะใช้ชุดการตรวจคล้ายกับชุดตรวจครรภ์ โดยใช้การเจาะเลือดเพื่อนำไปหาภูมิคุ้มกัน ข้อดีก็คือจะรวดเร็ว แต่อาจจะมีผลการคลาดเคลื่อนที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากจะไม่แสดงผลการพบเชื้อในช่วงแรก เพราะผลตรวจ ATK จะแสดงก็ต่อเมื่อรับเชื้อโควิด-19 มาแล้วประมาณ 5-14 วัน ส่วนใหญ่จึงอณุญาตให้มีการใช้ และจำหน่ายชุดตรวจประเภทนี้ในโรงพยาบาลเท่านั้น ทว่าบางประเทศก็อาจจะระบุว่าจำเป็นต้องแสดงผลการตรวจประเภทนี้ด้วย
ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปประเทศไหน แนะนำว่าควรที่จะตรวจสอบรายละเอียด เงื่อนไข และเอกสารที่ต้องใช้ให้ดี เนื่องจากบางประเทศแม้ว่าจะต้องใช้วีซ่า (Visa) ในกรณีที่ผู้โดยสารมีวีซ่าอยู่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถเดินทางได้เลย หรือเข้าประเทศได้เลยเช่นเดียวกัน อาจจะต้องติดต่อสถานฑูตประเทศนั้นในประเทศไทยเสียก่อน เพื่อให้ทางสถานฑูตออกเอกสารแจ้งเห็นจำนงเพื่อการเดินทางเข้าประเทศ และเอาไว้สำหรับใช้ตอนเช็คอิน
ไม่ใช่แค่เอกสารรับรองการตรวจเชื้อโควิด-19 เท่านั้นที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการเดินทางเป็นอย่างมาก เพราะว่าเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ถือว่าเป็นเอกสารสำคัญที่จะระบุว่าคุณได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วเมื่อไหร่ และได้รับวัคซีนไปทั้งหมดกี่เข็ม การเดินทางข้ามประเทศในช่วง COVID-19 เห็นทีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจะเป็นเอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้รองจากพาสปอร์ต และวีซ่ากันเลยทีเดียว
เอกสารในเรื่องของการตรวจโควิด-19 หรือวีซ่า (Visa) ครบถ้วนเรียบร้อยดีแล้ว หากประเทศปลายทางที่คุณกำลังจะไปต้องการให้ผู้โดยสารต้องมีประกัน หรือต้องซื้อประกันชีวิต ก็อย่าลืมศึกษาการซื้อประกันให้ครอบคลุมในเงื่อนไข และรายละเอียดของประเทศนั้นๆ พร้อมกับขอเอกสารการยืนยันมาให้เรียบร้อย นอกจากนั้นประกันจะต้องครอบคลุมในเรื่องของโควิด-19 รวมอยู่ด้วย
เหนือสิ่งอื่นใดก่อนการเตรียมเอกสาร ให้ลองติดต่อสถานฑูตเพื่อติดต่อสอบถามสถานการณ์ และการอนุญาตเข้าประเทศของวีซ่าประเภทต่างๆ เพราะบางทีเนื่องจากสถานการณ์ที่ยังไม่คลี่คลาย อาจจะทำให้มีการออกกฎ หรือเงื่อนไขเพิ่มเติมในกรณีฉุกเฉิน หลังจากเตรียมเอกสารครบเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมปริ้นท์หลักฐานการจองที่พัก หรือว่าตั๋วเครื่องบินเก็บไว้ เพราะบางประเทศจะขอเรียกดูหลักฐานในการจองที่พัก เนื่องจากอาจจะต้องมีการกักตัวเพิ่มเติม