สัมภาระใต้ท้องเครื่อง |
---|
20 kg |
สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง |
---|
7 kg |
เช็คอินภายใน |
---|
1 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง |
สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) เป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่สนามบินนานาชาติชางงี ประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นหนึ่งใน Star Alliance ที่บินไปยังจุดหมายปลายทาง 62 แห่งใน 32 ประเทศ และให้บริการชั้นโดยสารหลากหลาย ตั้งแต่ชั้นประหยัดไปจนถึงชั้นสวีต ในปี 2010 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ถูกบันทึกว่าเป็นสายการบินที่มีมูลค่าตามตลาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก
ผู้โดยสารสามารถเช็คมาตราการสนามบินทั้งใน และต่างประเทศ ได้ที่ Safetravel
สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) เป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่สนามบินนานาชาติชางงี ประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นหนึ่งใน Star Alliance ที่บินไปยังจุดหมายปลายทาง 62 แห่งใน 32 ประเทศ และให้บริการชั้นโดยสารหลากหลาย ตั้งแต่ชั้นประหยัดไปจนถึงชั้นสวีต ในปี 2010 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ถูกบันทึกว่าเป็นสายการบินที่มีมูลค่าตามตลาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก
ผู้โดยสารสามารถเช็คมาตราการสนามบินทั้งใน และต่างประเทศ ได้ที่ Safetravel
ที่นั่งชั้นประหยัดเริ่มให้บริการด้วยที่นั่งโดยสารรูปแบบใหม่ในปี 2013 ถือเป็นการเกิดใหม่ของที่นั่งชั้นประหยัดเลยทีเดียว ด้วยพื้นที่วางขาที่เพิ่มขึ้น ตัวพนักที่นั่งบางเรียบที่ปรับเอนส่วนพักศีรษะได้ รวมถึงความบันเทิงที่ผู้โดยสารจะได้รับจากกริซเวิร์ล (KrisWorld) ระบบสร้างความบันเทิงบนเที่ยวบินของสายการบิน สายการบินจะให้บริการที่นั่งรูปแบบใหม่นี้ในทุกเครื่องบิน
ผู้โดยสารที่นั่งชั้นประหยัดจะได้รับบริการเมนูอาหารมาตรฐานของทาง สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) มีความยินดีจะให้บริการตามข้อกำหนดเรื่องอาหารของผู้โดยสารแต่ละท่าน ผู้โดยสารที่ต้องการรับเมนูพิเศษต้องแจ้งสายการบินล่วงหน้าก่อนการเดินทาง
สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) เริ่มให้บริการที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยมในปี 2015 ด้วยความร่วมมือกับผู้ผลิตเบาะที่นั่งเครื่องบินโดยสารสัญชาติเยอรมัน ซิม ฟลูกซิตส์ (Zim Flugsitz) ที่นั่งสำหรับชั้นประหยัดพรีเมี่ยมจึงมีขนาดใหญ่กว่าของที่นั่งชั้นประหยัด พร้อมทั้งมีไฟสำหรับอ่านหนังสือ ช่องเสียบ USB จำนวน 2 ช่อง และปลั๊กไฟ
สายการบินพร้อมให้บริการด้วยอาหารหลากหลายเมนูพิเศษจากฝีมือของเชฟระดับโลกจาก Singapore Airlines International Culinary Panel ผู้โดยสารที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยมยังสามารถสั่งอาหารเมนูที่ต้องการเป็นพิเศษได้ เพียงแค่ใช้บริการ Book the Cook ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
ที่นั่งชั้นธุรกิจของสิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ที่นั่งชั้นธุรกิจแบบทั่วไป (Regular Business Class) ที่นั่งชั้นธุรกิจ (Business Class) และ ที่นั่งชั้นธุรกิจแบบใหม่ (New Business Class) ผู้โดยสารบนที่นั่งชั้นธุรกิจแบบทั่วไปจะได้รับบริการที่นั่งที่สามารถปรับเป็นเตียงนอนได้ ส่วนผู้โดยสารบนที่นั่งชั้นธุรกิจจะได้รับบริการที่นั่งที่ปรับเป็นเตียงที่ใหญ่ขึ้นและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และผู้โดยสารบนที่นั่งชั้นธุรกิจแบบใหม่จะได้รับบริการเตียงนอนเต็มรูปแบบเพื่อความสะดวกสบายขั้นสูงสุด บริการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลที่นั่งชั้นธุรกิจยอดเยี่ยมระดับโลกของ Skytrax Awards ในปี 2011
เพื่อให้ผู้โดยสารที่นั่งชั้นธุรกิจได้สัมผัสประสบการณ์บริการแบบภัตตาคารบนฟ้าเต็มรูปแบบ โปรดสั่งจองเมนูอาหารล่วงหน้าผ่านบริการ Book the Cook ของเรา ผู้โดยสารสามารถลิ้มลองเมนูเลิศรสโดยเชฟนานาชาติยอดฝีมือของสายการบิน พร้อมกับไวน์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี
สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) เริ่มให้บริการที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสในปี 2013 ด้วยบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบโดย James Park Associates ที่นั่งชั้นหน่ึงของเราให้บริการด้วยที่นั่งและเตียงนอนสุดกว้างขวาง พร้อมความบันเทิงเต็มรูปแบบจากกริชเวิร์ล (KrisWorld) พร้อมทั้งบริการอาหารมื้อเช้าและชาด้วย
บริการ Book the Cook พร้อมให้ผู้โดยสารที่นั่งชั้นหนึ่งได้เลือกสรรเมนูอาหารที่พึงใจภายใน 24 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ผู้โดยสารสามารถลิ้มลองอาหารพร้อมไวน์ชั้นเลิศได้จากทีมเชฟระดับโลกของสายการบิน
สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) พร้อมให้บริการผู้โดยสารที่เลือกบินกับเราเป็นประจำได้สะสมระยะทางด้วยกริชเวิร์ล (KrisWorld) โดยแบ่งออกเป็นหลายระดับ เช่น กริชฟลายเยอร์ (KrisFlyer) กริชฟลายเยอร์อีลิตซิลเวอร์ (KrisFlyer Elite Silver) กริชฟลายเยอร์อีลิตโกลด์ (KrisFlyer Elite Gold) และ Priority Passenger Service Club ผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินกับสิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นครั้งแรกจะได้ระดับกริชฟลายเยอร์ ส่วนกริชฟลายเยอร์อีลิตซิลเวอร์จะมอบให้กับผู้โดยสารที่เป็น Star Alliance ระดับ Silver กริชฟลายเยอร์อีลิตโกลด์จะมอบให้ผู้โดยสารที่อยู่ในประเภทโกลด์ และ Priority
มีให้บริการ
ไม่มีให้บริการ
มีให้บริการ
มีให้บริการ
มีให้บริการ
มีให้บริการ
มีให้บริการ
มีให้บริการ
มีให้บริการ
ชุด “โสร่งเกบาหยา” (Sarong Kebaya) ที่ทอจากผ้าบาติกได้รับการออกแบบโดยแฟชั่นดีไซเนอร์จากปารีส ปิแอร์ บัลแม็ง (Pierre Balmain) ในปี 1968 ชุดเครื่องแบบพนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องมี 4 สีแตกต่างกัน เพื่อแสดงถึงบทบาทหน้าที่ของผู้สวมใส่ที่ต่างกันไป เช่นเดียวกับโสร่งเกบาหยาสีน้ำเงินที่เป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ ผู้ให้บริการบนเครื่องจะสวมชุดสีน้ำเงิน ผู้ดูแลการให้บริการบนเครื่องจะสวมชุดสีเขียว หัวหน้าการให้บริการบนเครื่องจะสวมชุดแดง และผู้ดูแลระหว่างการเดินทางจะสวมชุดสีม่วง บทบาทหน้าที่ของพนักงานชายก็สามารถแยกแยะได้ด้วยสีของเนกไทที่สวมใส่ด้วยเช่นกัน
เส้นทางการบิน | ชั้นโดยสาร | สัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง | สัมภาระใต้ท้องเครื่อง |
เส้นทางทั้งหมด | ที่นั่งชั้นประหยัด | ไม่เกิน 7 กก (ขนาด: สูงสุด 115 ซม) | ไม่เกิน 30 กก |
ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม | ไม่เกิน 35 กก | ||
ที่นั่งชั้นธุรกิจ | 2 ชิ้น (สูงสุด 7 กก./ชิ้น) (ขนาด: สูงสุด 115 ซม) | ไม่เกิน 40 กก | |
ที่นั่งชั้นหนึ่ง | ไม่เกิน 50 กก | ||
เที่ยวบินไป America ทั้งหมด | ที่นั่งชั้นประหยัด | ไม่เกิน 7 กก (ขนาด: สูงสุด 115 ซม) | 2 ชิ้น (สูงสุด 23 กก./ชิ้น) (ขนาด: สูงสุด 158 ซม) |
ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม | |||
ที่นั่งชั้นธุรกิจ | 2 ชิ้น (สูงสุด 7 กก./ชิ้น) (ขนาด: สูงสุด 115 ซม) | 2 ชิ้น (สูงสุด 32 กก./ชิ้น) (ขนาด: สูงสุด 158 ซม) | |
ที่นั่งชั้นหนึ่ง |
คุณสามารถตรวจสอบเวลาเช็คอินของเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ที่ตารางด้านล่างนี้ ทั้งนี้เวลาเช็คอินอาจแตกต่างจากรายละเอียดที่แสดงได้ หากเที่ยวบินมีการปฏิบัติการโดยสายการบินพันธมิตรอื่น เพื่อความแน่ใจ กรุณาตรวจสอบรายละเอียดบนตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ของคุณ
เส้นทางการบิน | เวลาเช็คอินที่แนะนำ | เช็คอินภายใน |
เส้นทางทั้งหมด | 2 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง | 1 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง |
คุณสามารถเช็คอินออนไลน์ได้ เพียงทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้:
โดยทั่วไป สามารถคืนเงินเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว (การยกเลิกด้วยตนเอง การเจ็บป่วย การตั้งครรภ์ หรือการเสียชีวิตของผู้โดยสาร) การยกเลิกเที่ยวบิน/เปลี่ยนตารางบินโดยสารการบิน เหตุสุดวิสัย หรือการจองซ้ำ ทั้งนี้เงื่อนไขในการยอมรับเหตุผลในการขอคืนเงินอาจแตกต่างกันตามแต่ละสายการบิน กรุณาตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการคืนเงินของสิงคโปร์แอร์ไลน์
คุณสามารถเปลี่ยนเที่ยวบิน หรือแก้ไขแผนการเดินทางได้ง่ายๆผ่านฟีเจอร์ Easy Reschedule ทั้งนี้บางสายการบินอาจอนุญาตให้เปลี่ยนแปลง วันเดินทาง เวลา เส้นทางการบิน และสายการบิน ขณะที่บางสายการบินอาจอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงเฉพาะวันและเวลาเดินทางเท่านั้น สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการเปลี่ยนเที่ยวบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์ หากเที่ยวบินของคุณไม่สามารถใช้บริการ Easy Reschedule กรุณาติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของสิงคโปร์แอร์ไลน์เพื่อดำเนินการเปลี่ยนตารางบิน
บริษัทสิงคโปร์แอร์ไลน์จำกัด (รหัส IATA: SQ) ตั้งอยู่ที่สนามบินนานาชาติชางงี ประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) ก้าวขึ้นมาเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียพร้อมด้วยสโลแกน “A Great Way to Fly” นอกจากนั้น สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้ประกาศว่าสิงคโปร์แอร์ไลน์มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกอีกด้วย สิงคโปร์แอร์ไลน์จะพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายมากกว่า 62 แห่งใน 32 ประเทศใน 5 ทวีป ด้วยเครื่องบินพร้อมบริการ 7 ลำ นกสีเหลืองบนโลโก้ของสายการบินเกิดจากแรงบันดาลใจที่มาจากกริช (Keris) กริชนั้นเป็นอาวุธพกพาที่ใช้กันในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏอยู่โดยทั่วไปในนิทานพื้นบ้านต่างๆ กริชได้กลายเป็นแก่นสำคัญของแบรนด์สิงคโปร์แอร์ไลน์ อย่างที่ได้เห็นบนหางเสือเครื่องและบนประกาศรับรองของทางสายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์ใช้โลโก้นี้มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นสมาชิกของระบบสายการบินมาเลย์เซีย-สิงคโปร์ สิงคโปร์แอร์ไลน์มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เลือกเดินทางกับสายการบินเป็นประจำ โดยแบ่งเป็น 4 ระดับคือ กริชฟลายเยอร์ (KrisFlyer) กริชฟลายเยอร์อีลิตซิลเวอร์ (KrisFlyer Elite Silver) กริชฟลายเยอร์อีลิตโกลด์ (KrisFlyer Elite Gold) และ Priority Passenger Service Club ผู้โดยสารในแต่ละระดับจะได้รับบริการและความสะดวกสบายสุดหรูหราเฉพาะตัว นอกจากนี้ สิงคโปร์แอร์ไลน์ยังมีสิทธิพิเศษบอร์ดดิ้งพาส ที่จะสมนาคุณผู้โดยสารด้วยการเข้าพักในโรงแรมที่สายการบินเลือกสรร รวมถึงห้างสรรพสินค้าและร้านค้าด้วย นอกจากนี้ สิงคโปร์แอร์ไลน์ยังพร้อมให้บริการพาเที่ยวชมประเทศสิงคโปร์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งและบริการ SIA Hop-on Bus ที่จะพาผู้โดยสารไปเยียมชมสถานที่น่าสนใจในสิงคโปร์ทั้งหมดภายใน 1 วัน สิงคโปร์แอร์ไลน์ให้บริการที่นั่ง 5 ระดับ ได้แก่ ที่นั่งชั้นประหยัด ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม ที่นั่งชั้นธุรกิจ ที่นั่งชั้นหนึ่ง และที่นั่งชั้นสวีต ผู้โดยสารในที่นั่งทุกชั้นจะได้รับริการความบันเทิงคัดสรรครบครัน มีทั้งภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ดนตรี เกมส์ แอปพลิเคชันบนมือถือ รวมถึงบริการอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ที่มาพร้อมที่นั่ง และช่องเสียบ USB ผู้โดยสารที่นั่งชั้นประหยัดและที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยมสามารถพกสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 1 ชิ้นที่มีน้ำหนักไม่เกิน 7 กก. และขนาดไม่เกิน 115 ซม. ส่วนผู้โดยสารที่นั่งชั้นธุรกิจ ที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส และที่นั่งชั้นสวีตคลาส สามารถพกสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 2 ชิ้น ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 7 กก. และขนาดไม่เกิน 115 ซม. ผู้โดยสารบนที่นั่งชั้นประหยัดสามารถโหลดสัมภาระได้ที่น้ำหนักสูงสุด 30 กก. ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยมได้ที่น้ำหนักสูงสุด 35 กก. ที่นั่งชั้นธุรกิจได้ที่น้ำหนักสูงสุด 40 กก. ที่นั่งชั้นหนึ่งได้ที่น้ำหนักสูงสุด 45 กก. และที่นั่งชั้นสวีตได้ที่น้ำหนักสูงสุด 50 กก. ผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศของสิงคโปร์แอร์ไลน์จะต้องเช็คอินในเวลาไม่เกิน 40 นาทีก่อนขึ้นเครื่อง ส่วนผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศจะต้องเช็คอินไม่เกิน 90 นาทีก่อนขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารสามารถเช็คอินผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านเคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบิน หรือตู้บริการเช็คอินในสนามบินของหลายๆ ประเทศได้
สิงคโปร์แอร์ไลน์เริ่มต้นการเดินทางในวันที่ 1 พฤษภาคม 1947 ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างบริษัทมาลายาแอร์เวย์จำกัด (MAL) บริษัทเรือเดินสมุทรแห่งลิเวอร์พูล บริษัทเรือเดินผ่านช่องแคบแห่งสิงคโปร์ และสายการบินอิมพีเรียลแอร์เวย์ เที่ยวบินแรกของสายการบินเป็นการบินแบบเช่าเหมาลำ ด้วยเครื่องบิน Airspeed Consul จากนิคมช่องแคบในสิงคโปร์ไปกัวลาลัมเปอร์ สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เติบโตต่อเนื่องในระหว่างทศวรรษ 1940 ถึง 1950 ในปี 1955 เครื่องบินให้บริการของมาลายาแอร์เวย์ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อเครื่อง Douglas DC-3 เข้ามาเสริม เครื่องบินรุ่นที่ให้บริการของสายการบินในช่วง 20 ปีแรกนั้นมีทั้งเครื่อง Douglas DC-4 Skymaster เครื่อง Vickers Viscount เครื่อง Lockhead 1049 Super Constellation เครื่อง Bristol Britania เครื่อง de Havilland Comet4 และเครื่อง Fokker F27 ในปี 1963 เมื่อมาลายา สิงคโปร์ ซาบาห์ และซาราวัก ได้รวมตัวกันเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย ชื่อของสายการบินจึงเปลี่ยนจาก มาลายาแอร์เวย์ เป็น มาเลเซียแอร์เวย์ ที่ต่อมาได้ควบรวมบอร์เนียวแอร์เวย์เข้ามาด้วย หลังจากการแยกตัวของสิงคโปร์ในปี 1966 สายการบินมาเลเซียแอร์เวย์ก็เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น มาเลเซีย-สิงคโปร์แอร์ไลน์ (MSA) สายการบิน MSA เติบโตอย่างรวดเร็วและได้สั่งซื้อเครื่อง Boeing 707 ลำแรก ตามมาด้วยการก่อตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นที่สิงคโปร์ และได้สั่งซื้อเครื่อง Boeing 737 เป็นลำแรก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ในปี 1972 สายการบิน MSA จึงปิดให้บริการ ในขณะที่สิงคโปร์ต้องการสร้างเส้นทางบินในต่างประเทศ ฝ่ายมาเลเซียก็ต้องการเน้นไปที่การเดินทางภายในประเทศ ความเห็นที่ไม่ตรงกันนี้นำไปสู่การล้มเลิกความร่วมมือใน MSA และสู่การก่อตั้งสิงคโปร์แอร์ไลน์และมาเลเซียแอร์ไลน์ซิสเท็ม จากนั้น สิงคโปร์แอร์ไลน์ก็ได้ซื้อเครื่องบิน Boeing 707 และ 737 ต่อจากสายการบิน MSA และคงเส้นทางบินไปต่างประเทศไว้ เมื่อแยกออกมาจากสายการบิน MSA แล้ว สิงคโปร์แอร์ไลน์ก็เติบโตขึ้นอย่างน่าจับตามอง สายการบินขยายการให้บริการเที่ยวบินครอบคลุมจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ในทวีปเอเชีย พร้อมกับเพิ่มเครื่องบิน Boeing 727 เครื่อง Boeing 747 และเครื่อง Douglas DC-10 เข้ามาให้บริการ เครื่องบินรุ่น Boeing 747 จำนวน 2 ลำที่สั่งซื้อมาในปี 1973 ก็บินบนเส้นทางระหว่างสิงคโปร์-ฮ่องกง และ ไทเป-โตเกียว ในขณะที่ เครื่องบินรุ่น Boeing 747-200 เดินทางไปยังลอนดอน ปารีส โรม ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ในปี 1977 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ให้บริการขนส่งครั้งแรกด้วยเครื่องบินรุ่น Boeing 747-200 เดินทางจากสิงคโปร์สู่มะนิลา ในปีเดียวกันนั้น สิงคโปร์แอร์ไลน์ร่วมกับสายการบินบริติชแอร์เวย์ ให้บริการด้วยเครื่องบิน Concorde โดยใช้เส้นทางทางจากลอนดอนสู่สนามบินปายาเลบาในสิงคโปร์ผ่านประเทศบาห์เรน แต่แล้วเส้นทางบินก็ถูกยกเลิกไปในปี 1980 เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลมาเลเซียและอินเดีย ในปี 1980 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ไปยังจุดหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และหลายเมืองในทวีปยุโรป โดยมีแมดริดเป็นเมืองแรกของประเทศสเปนที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ให้บริการเดินทางไปถึง จากนั้น สายการบินก็ยังคงขยับขยายเติบโตต่อไป ด้วยการซื้อเครื่อง “Big Tops” Boeing 737-400 โดยเครื่องบินลำนี้จะให้บริการบนเส้นทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด รวมถึงเส้นทางหลักๆ ของสายการบินในทวีปยุโรปด้วย อีกหมุดหมายสำคัญของสิงคโปร์แอร์ไลน์คือการนำเสนอบริการโทรศัพท์ส่วนตัวผ่านดาวเทียม ที่ผู้โดยสารสามารถโทรระหว่างเดินทางได้ จากนั้นในปี 1993 หุ่นขี้ผึ้ง Singapore Girl (ที่สร้างตามรูปของพนักงานต้อนรับบนเครื่องของสิงคโปร์แอร์ไลน์) ได้ถูกจัดแสดงขึ้นที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซในลอนดอน เพื่อเป็นเกียรติแก่สายการบิน ในปี 2004 Singapore Girl ได้รับรางวัล Outstanding Contribution to Tourism Award จากการมอบรางวัล Singapore Tourism Board’s Tourism Award ครั้งที่ 18 ในปี 2000 สิงคโปร์แอร์ไลน์ร่วมกับสุดยอดเชฟ 8 คนจากทั่วโลก ก่อตั้ง International Culinary Panel ขึ้นเพื่อให้บริการผู้โดยสารด้วยเมนูอาหารหรูหราระดับโลกระหว่างเที่ยวบิน จากนั้นในปี 2010 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้จัดพิมพ์สูตรอาหารในหนังสือชื่อ Above and Beyond: A Collection of Recipes from the Singapore Airlines International Culinary Panel ซึ่งรวบรวมสูตรอาหารกว่า 50 สูตรโดยเชฟของสายการบิน ผู้โดยสารสามารถเลือกชมและซื้อหาหนังสือเล่มนี้ได้บนที่นั่งชั้นธุรกิจ ชั้นหนึ่ง และชั้นสวีต ของสายการบินเท่านั้น ในปี 2003 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้เครื่องบินรุ่น Airbus A340-500s มาร่วมเดินทาง ด้วยที่นั่งของเครื่องที่เพิ่มมาทำให้สายการบินสามารถปรับที่นั่งชั้นธุรกิจ 64 ที่นั่งและที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม 117 ที่นั่ง ให้กลายเป็นที่นั่งชั้นธุรกิจ 100 ที่นั่ง เพื่อให้บริการบนเส้นทางไปยังนวร์กและลอสแอนเจลิส เส้นทางบินจากสิงคโปร์-นวร์กและลอสแอนเจลิสเป็นสองเส้นทางเที่ยวเดียวที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน และสองเส้นทางบินก็เป็นเส้นทางบินเที่ยวเดียวเส้นแรกระหว่างสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกาด้วย เป็นเที่ยวบินที่ที่ยาวนานที่สุดใช้เวลาบินทั้งหมด 18 ชั่วโมง ในปี 2005 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้กลายเป็นสายการบินแรกที่ให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่น Airbus 380 สายการบินได้เปิดตัวสโลแกน “First to Fly the A380 – Experience the Difference in 2006” เพื่อโปรโมตการเปิดให้บริการด้วย ในปี 2007 เที่ยวบินแรกของเครื่องบิน Airbus A380 ได้เดินทางจากสิงคโปร์ไปยังซิดนีย์พร้อมด้วยผู้โดยสารจำนวน 455 ท่าน นับแต่นั้นมา เครื่องบิน Airbus A380 ก็ได้ให้บริการบนเส้นทางบินยาวไปยังปลายทางอย่างลอนดอน มุมไบ ปักกิ่ง ปารีส และที่อื่นๆ ในปี 2009 มีรายงานข่าวว่าสิงคโปร์แอร์ไลน์จะปรับลดจำนวนเครื่องบินเพื่อรับมือกับจำนวนผู้โดยสารและความต้องการขนส่งที่ลดลง แต่แท้จริงแล้ว ทางสายการบินไม่เคยหยุดคว้าความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่เลย ดังที่เห็นได้จากความสำเร็จอันน่าประทับใจในปี 2012 ที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ขนส่งแพนด้า 2 ตัวจากเฉิงตู ประเทศจีน ด้วยเที่ยวบินที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมงครึ่งบนเครื่องบินขนส่ง Boeing 747-400 ในระยะเวลา 40 ปีของการให้บริการ สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ปลดระวางเครื่องบิน Boeing 747 จากกองบินในปี 2012 เที่ยวบินสุดท้ายของเครื่องเป็นการเดินทางระหว่างสิงคโปร์กับฮ่องกง โดยมีบริการเสริมพิเศษระหว่างเที่ยวบินด้วย สายการบินยังได้ประกาศยกเลิกเส้นทางบินสิงคโปร์-นวร์กและสิงคโปร์-ลอสแอนเจลิสในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน ปี 2013 การบริการเดินทางจากสิงคโปร์ไปลอสแอนเจลิสยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องผ่านสนามบินนานาชาตินาริตะที่โตเกียวเท่านั้น บริษัทสิงคโปร์แอร์ไลน์กรุ๊ปยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการจัดตั้งบริษัทในเครือมากมาย บริษัท SIA Engineering Company ประกอบธุรกิจด้านการซ่อมบำรุงใน 9 ประเทศผ่านเครือกิจการร่วม 27 แห่ง บริษัท Singapore Airline Cargo ทำธุรกิจขนส่งทางอากาศยาน และยังมีบริษัทอื่นๆ ในเครืออย่าง SilkAir, Scoot และ Tigerair ตลอด 76 ปีของการให้บริการ สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้รับรางวัลเกียรติคุณมากมาย ในปี 2017 สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้มีรายชื่อในลำดับที่ 33 ในการจัดลำดับบริษัทที่น่ายกย่องที่สุดในโลกของนิตยสาร Fortune Magazine นอกจากนั้น สายการบินยังได้รับการขนานนามว่ามีบริการยอดเยี่ยมสำหรับที่นั่งชั้นประหยัด ที่นั่งชั้นธุรกิจ และที่นั่งชั้นหนึ่ง ในขณะเดียวกัน นิตยสาร DestinAsian Magazine ก็ได้กล่าวขวัญว่า กริชฟลายเยอร์ เป็นโปรแกรมสมนาคุณผู้โดยสารที่ใช้บริการประจำโปรดปราน และกล่าวว่า กริชเวิร์ล เป็นระบบบริการความบันเทิงระหว่างเที่ยวบินที่ดีที่สุดด้วย
จองตั๋ว สิงคโปร์แอร์ไลน์ ออนไลน์ง่ายๆด้วยขั้นตอนดังนี้:
ชำระเงินสำหรับการจองตั๋ว สิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านทาง การโอนเงิน อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ชำระบิลผ่าน ATM เคาน์เตอร์ชำระเงิน 7-Eleven หรือ บัตรเครดิต/เดบิต อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการชำระเงิน
ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ของ สิงคโปร์แอร์ไลน์ เป็นหลักฐานการจองเที่ยวบินสายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์คุณสามารถแสดงตั๋วอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน สิงคโปร์แอร์ไลน์หรือใช้เพื่อเช็คอินด้วยตนเอง (ออนไลน์ หรือ ที่สนามบิน) เพื่อรับบอร์ดดิ้งพาส หากคุณไม่ได้รับตั๋วอิเล็กทรอนิกส์หลังจากทำการจอง 60 นาที กรุณาติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ Traveloka