https://ik.imagekit.io/tvlk/image/imageResource/2022/12/31/1672476893088-ecb63d072fed232f264089d90505c79c.jpeg?tr=q-75
จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปมอลตาที่ Traveloka

จองตั๋วเครื่องบิน
บริการรับส่งสนามบิน
เที่ยวเดียว / ไป-กลับ
เดินทางหลายเมือง

เปิดแผนที่

จาก
ถึง
จำนวนผู้โดยสาร
ชั้นโดยสาร
ค้นหาเที่ยวบิน
การแจ้งเตือนราคาเที่ยวบิน

จองตั๋วเครื่องบินในประเทศราคาถูกกับ Traveloka

จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกกับ Traveloka หลากหลายเส้นทาง พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดตั๋วเครื่องบินอีกเพียบ!

จองตั๋วราคาถูกด้วยคูปองส่วนลดจาก Traveloka

ใส่ส่วนลดเพื่อจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกกับ Traveloka รีบจองก่อนดีลจบเลย!
เที่ยวบิน

ส่วนลดเที่ยวบิน

ใช้ได้กับการจองครั้งแรกในแอป Traveloka เท่านั้น
TRAVELOKA
Copy

ข้อมูลเพิ่มเติมมอลตา

มอลตา (Malta) เป็นเกาะเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงาม เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางฤดูร้อนยอดนิยมของชาวยุโรป ด้วยตำแหน่งที่ตั้งระหว่างแอฟริกาและยุโรป มอลตาจึงมีความหลากหลายควรค่าแก่การเยี่ยมชม จากบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของยุโรปผสมผสานกับตะวันออกกลาง อาหารไปจนถึงทิวทัศน์ ชีวิตสมัยใหม่กับยุคก่อนประวัติศาสตร์ มอลตายังมีอากาศดีที่สุดในโลก ที่สำคัญคือค่าครองชีพถูกมากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปแผ่นดินใหญ่  

ประเทศเกาะเล็กๆ แห่งนี้ มีผู้คนที่เป็นมิตร เมืองที่มีเสน่ห์ ปราสาทยุคกลาง   หน้าผาหิน ชายหาดที่สวยงาม อาหารทะเลที่นี่ก็ยอดเยี่ยม หมู่บ้านชาวประมง เมืองมรดกโลกยูเนสโก แหล่งโบราณคดี รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งมากมายให้เพลิดเพลิน ทั้งดำน้ำลึกในน้ำทะเลสีฟ้าใส ล่องเรือรอบเกาะ เข้าร่วมเทศกาลคาร์นิวัล สำรวจป้อมปราการ เยี่ยมชมสุสานใต้ดินของเซนต์ปอล สำรวจหมู่บ้านป๊อปอาย ชมตลาดปลาในเช้าวันอาทิตย์ มอลตามีความหลากหลายมากกว่าที่ผู้คนคิด ต่อไปนี้คือเคล็ดลับการวางแผนเดินทางที่สำคัญ ก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบินไปมอลตา

 

สกุลเงิน

มอลตาใช้สกุลเงิน “ยูโร” (Euro - EUR) แบ่งออกเป็น

ธนบัตร  ได้แก่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร

เหรียญ ได้แก่ 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ 1 ยูโร และ 2 ยูโร

โดย 1 ยูโร เท่ากับประมาณ 37.49 บาท

ฤดูกาลของมอลตา

มอลตาตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีฤดูร้อนที่ยาวนาน และมีฤดูหนาวที่อบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 22 องศาเซลเซียส ในเวลากลางวัน และ 15 องศาเซลเซียส ในเวลากลางคืน แม้ในฤดูหนาวอุณหภูมิไม่เคยลดลงต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม) เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุดแห่งปี มีฝนตกน้อย และอบอุ่นสบาย อุณหภูมิสูงสุดในตอนกลางวันอยู่ระหว่าง 20 - 25 องศาเซลเซียส แสงแดดเฉลี่ยต่อวันอยู่ระหว่าง 10 ชั่วโมงในเดือนพฤษภาคม ทะเลยังคงเย็นเกินไปสำหรับการว่ายน้ำ
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูร้อนของมอลตานั้นยาวนาน และร้อนจัด และแทบจะไม่มีฝนตกเลย มีแสงแดด 12 ชั่วโมงในเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยต่อวันประมาณ 28 - 35 องศาเซลเซียส และน้ำอุ่นขึ้นถึง 27 องศาเซลเซียส ในตอนเที่ยง 
  • ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) ความร้อนลดลง อุณหภูมิในตอนกลางวันอยู่ที่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส และลดลงเหลือ 20 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และมีฝนตกปรอยๆ แสงแดดเฉลี่ยต่อวันอยู่ระหว่าง 6 ชั่วโมง
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์) อากาศเย็นและชื้น ฤดูหนาวในมอลตาอากาศไม่หนาวจัด และเป็นช่วงเวลาที่ฝนตกชุกที่สุดของปี มีแสงแดดประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 - 17 องศาเซลเซียส   

 

ภูมิภาคของมอลตา

มอลตาเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีเพียง 3 เกาะที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ได้แก่ 

  1. เกาะมอลตา (Malta Island) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 3 เกาะของมอลตา เมืองหลวงคือวัลเลตตา เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือราบัต เกาะนี้ประกอบด้วยเมืองเล็กๆ มากมาย ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ มีนาขั้นบันได
  1. เกาะโกโซ (Gozo Island) เกาะใหญ่รองลงมา ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมด้วยชนบทที่สวยงามและประวัติศาสตร์อันยาวนาน โบสถ์เก่าแก่ ป้อมปราการทางและวัดหินขนาดใหญ่ 
  1. เกาะโคมิโน (Comino Island) เกาะเล็กๆ ที่มีผู้อาศัยน้อยที่สุด ส่วนใหญ่เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ และมีที่พักให้บริการ โคมิโนมีชื่อเสียงจากบลูลากูน ซึ่งมีน้ำทะเลใสราวคริสตัลให้ลงไปว่ายน้ำ

 

สนามบินสำคัญในมอลตา

สนามบินนานาชาติมอลตา (Malta International Airport)

สนามบินเพียงแห่งเดียวของมอลตา เป็นศูนย์กลางหลักของแอร์มอลตา (Air Malta)  ตั้งอยู่ระหว่างเมืองลูกาและกุดจา ห่างจากเมืองหลวงวัลเลตตาประมาณ 10 กิโลเมตร     

 

การเดินทางไปมอลตา

สายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินต่อ (พัก 1 - 2 จุด) กรุงเทพฯ - มอลตา ได้แก่ การบินไทย (Thai Airways) กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways) บวยลิงแอร์ไลน์ (Vueling Airlines) เตอร์กิชแอร์ไลน์ (Turkish Airlines) ลุฟท์ฮันซา (Lufthansa) สวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (Swiss International Air Lines) เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (Emirates Airlines) ออสเตรียนแอร์ไลน์ (Austrian Airlines) แอร์มอลตา (Air Malta) ฮ่องกงแอร์ไลน์ (Hong Kong Airlines) ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 17 ชั่วโมง 5 นาที 

การเดินทางในมอลตา

  • เครื่องบิน (Plane) ไม่มีเที่ยวบินภายในประเทศรอบมอลตา สนามบินนานาชาติมอลตา (Malta International Airport) คือสนามบินหลักและสนามบินหนึ่งเดียวของมอลตา  สายการบินแห่งชาติคือ แอร์มอลตา (Air Malta)  
  • รถประจำทาง (Bus) ค่าโดยสารเที่ยวเดียวคือ 1.50 ยูโรในฤดูหนาว และ 2 ยูโรในฤดูร้อน และ 3.00 ยูโรในตอนกลางคืน และยังมีรถบัสแบบ Hop-On Hop-Off ที่มีเส้นทางครอบคลุมสถานที่สำคัญบนเกาะ
  • เรือข้ามฟาก (Ferry) มีหลายเส้นทางในมอลตา เชื่อมระหว่างเมืองวัลเลตตา - สลีมา และวัลเลตตา - บีร์กู เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลา 10 นาที และมีค่าใช้จ่าย 2 ยูโร และยังมีเส้นทางระหว่างมอลตา - โกโซ และมอลตา - โคมิโนอีกด้วย
  • แท็กซี่ (Taxi) ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 6 ยูโร และราคาประมาณ 2 ยูโรต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีบริการเรียกรถ เช่น Uber, Bolt และ Bonju
  • รถเช่า (Car Rental) วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางในมอลตา ขับรถอย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงถนนสายหลักในชั่วโมงเร่งด่วน ค่าเช่ารถอยู่ระหว่าง 10-25 ยูโรต่อวันสำหรับรถขนาดเล็ก 

 

เทศกาลสำคัญของมอลตา

  1. เทศกาลบาโรกนานาชาติวัลเลตตา (Valletta International Baroque Festival) หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของมอลตา จัดขึ้นทุกปีในเดือนมกราคมเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์  งานแสดงคอนเสิร์ตคลาสสิกและโอเปรา จัดแสดงในอาคารสไตล์บาโรกหลายแห่งในเมืองวัลเลตตา โดยเน้นที่ดนตรีบาโรก และผลงานร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบาโรก หนึ่งในเวทีหลักคือโรงละครมาโนเอล ซึ่งเป็นโรงละครที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
  1. เทศกาลลอสท์แอนด์ฟาวด์ (Lost & Found Festival) เทศกาลดนตรีสุดแนวที่จัดขึ้นทุกฤดูใบไม้ผลิ ที่เน้นดนตรีเฮาส์ เทคโน ดรัมแอนด์เบส และแนวเพลงอื่นๆ ตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน สิ่งที่ไม่เหมือนใครของเทศกาลนี้ คือการผสมผสานดนตรีสดและปาร์ตี้เข้ากับบรรยากาศแนวชายฝั่ง ปราสาทโบราณ และริมสระน้ำที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกดิน งานนี้จัดขึ้นใน 8 สถานที่บนเกาะมอลตา 
  1. เทศกาลดอกไม้ไฟนานาชาติมอลตา (Malta International Fireworks Festival) เทศกาลดอกไม้ไฟสุดอลังการของมองตา จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน เป็นเวลา 2 วัน ในสถานที่ต่างกัน 7 แห่ง ในเมืองวัลเลตตา  ไฮไลท์คือการแสดงดอกไม้ไฟของชาวมอลตาแบบดั้งเดิมที่ซับซ้อน ผสมผสานกับเสียงดนตรี นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตดอกไม้ไฟ สถานที่หลักในการแสดงดอกไม้ไฟคือบริเวณใกล้กับแกรนด์ฮาร์เบอร์  งานนี้จะจัดขึ้นในสถานที่ที่แตกต่างกัน 7 แห่งในวันต่างๆ โดย 3 แห่งจะจัดการแข่งขันระหว่างผู้แข่งขันจากต่างประเทศและในท้องถิ่น ในขณะที่วันสุดท้ายของเทศกาลคือ 'Grand Finale' ซึ่งการท่องเที่ยวมอลตาจะใช้โอกาสนี้ในการประกาศ ผู้ชนะที่คณะกรรมการตัดสินเลือก 

 

สถานที่เที่ยวสำคัญของมอลตา

  1. เมืองวัลเลตตา (Valletta) เมืองหลวงของมอลตาแห่งนี้ เป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยตำนานในอดีต ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยยูเนสโก เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรมแบบบาโรกอันยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 16  ที่โดดเด่นคืออาสนวิหารและป้อมปราการอื่นๆ ที่สร้างโดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น สะท้อนถึงความสูงส่งของอัศวินในฐานะผู้ดีจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ วัลเลตตาถูกเรียกว่า "เมืองที่สร้างโดยสุภาพบุรุษเพื่อสุภาพบุรุษ"
  1. เมืองสลีมา (Sliema) เมืองชายทะเล “สลีมา” ตั้งอยู่บนคาบสมุทรทางฝั่งตะวันออกของเกาะมอลตา อยู่ห่างจากเมืองวัลเลตตาเพียง 5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นศูนย์กลางของแหล่งช้อปปิ้งและอาหารอร่อย ทางเดินริมทะเลทอดยาวกว่า 2 กิโลเมตร มีทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอยู่เบื้องหน้า และมีโรงแรมหรู ร้านอาหาร คาเฟ ผับและบาร์ตั้งเรียงราย ตลอดทางเดินยังมีสระว่ายน้ำสไตล์วิกตอเรียนที่ถูกแกะสลักอยู่ในหินให้ได้ชมด้วย 
  1. เมืองเมลลีฮา (Mellieha) “เมลลีฮา” หนึ่งในเมืองทางตอนเหนือสุดของเกาะมอลตา ล้อมรอบด้วยหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้ได้ภาพพาโนรามาที่สวยงาม และฉากหมู่บ้านที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนักในหมู่เกาะมอลตา ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ “อ่าวเมลลีฮาเบย์” หาดทรายที่ใหญ่ที่สุด และเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในมอลตา นอกจากนี้เมลลีฮายังอยู่ห่างจาก “อีร์คิววา” ท่าเรือที่ตั้งอยู่เหนือสุดของมอลตา เพียง 5 - 10 นาที โดยรถยนต์  
  1. เมืองมดินา (Mdina) เมืองมดินาสร้างขึ้นบนเนินเขาขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพงในยุคกลาง เชิงเทินโบราณขนาดมหึมา ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ราวกับเทพนิยาย ตามตรอกซอกซอยแคบๆ เป็นที่ตั้งของอาคารเก่าแก่ จัตุรัสในร่ม โบสถ์และพระราชวังอันงดงาม ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ซ่อนอยู่หลังประตูไม้บานใหญ่ ที่นี่มีฉายาว่า "เมืองเงียบ" ที่นักเดินทางข้ามคืนจะได้สัมผัสกับบรรยากาศและความเงียบสงบของโลกยุคเก่าที่ชวนฝัน 
  1. เมืองบีร์กู (Birgu) “บีร์กู” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของแกรนด์ฮาร์เบอร์ หรือที่เรียกว่าท่าเรือวัลเลตตา เป็นเมืองที่มีป้อมปราการเก่าแก่ 3 แห่ง เคยทำหน้าที่เมืองหลวงของมอลตาระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งยังมีความสำคัญทางทหารมานานหลายศตวรรษ บีร์กูในปัจจุบันยังคงเหลือประวัติศาสตร์ยุคกลาง ผ่านถนนแคบๆ ตรอกซอกซอย พระราชวัง และอาคารบ้านเรือนที่ได้รับการดัดแปลงเป็น บาร์ไวน์ และร้านอาหารเก๋ๆ  

เคล็ดลับการเดินทางไปมอลตา 

  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปมอลตา คือช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ไฮซีซันของมอลตาคือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 
  • เดือนสิงหาคมคือช่วงวันหยุดฤดูร้อนของคนท้องถิ่น ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากปิดให้บริการ ซึ่งทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแออัดมากยิ่งขึ้น  
  • บัตรเดินทาง ExplorePlus ราคา 39 ยูโร ใช้สำหรับระบบขนส่งสาธารณะไม่จำกัด 7 วัน และการเดินทาง 2 ครั้งบนเรือข้ามฟาก Valletta 
  • หากต้องการนั่งรถบัสเท่านั้น สามารถซื้อบัตร Explore ได้ในราคา 21 ยูโรต่อคนเป็นเวลา 7 วัน
  • หากวางแผนเช่ารถ ให้เลือกเช่ารถขนาดเล็ก เนื่องจากถนนในเมืองแคบ และที่จอดรถมีจำกัด รถยิ่งเล็กยิ่งดี 

มอลตา (Malta) เป็นเกาะเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงาม เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางฤดูร้อนยอดนิยมของชาวยุโรป ด้วยตำแหน่งที่ตั้งระหว่างแอฟริกาและยุโรป มอลตาจึงมีความหลากหลายควรค่าแก่การเยี่ยมชม จากบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของยุโรปผสมผสานกับตะวันออกกลาง อาหารไปจนถึงทิวทัศน์ ชีวิตสมัยใหม่กับยุคก่อนประวัติศาสตร์ มอลตายังมีอากาศดีที่สุดในโลก ที่สำคัญคือค่าครองชีพถูกมากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปแผ่นดินใหญ่  

ประเทศเกาะเล็กๆ แห่งนี้ มีผู้คนที่เป็นมิตร เมืองที่มีเสน่ห์ ปราสาทยุคกลาง   หน้าผาหิน ชายหาดที่สวยงาม อาหารทะเลที่นี่ก็ยอดเยี่ยม หมู่บ้านชาวประมง เมืองมรดกโลกยูเนสโก แหล่งโบราณคดี รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งมากมายให้เพลิดเพลิน ทั้งดำน้ำลึกในน้ำทะเลสีฟ้าใส ล่องเรือรอบเกาะ เข้าร่วมเทศกาลคาร์นิวัล สำรวจป้อมปราการ เยี่ยมชมสุสานใต้ดินของเซนต์ปอล สำรวจหมู่บ้านป๊อปอาย ชมตลาดปลาในเช้าวันอาทิตย์ มอลตามีความหลากหลายมากกว่าที่ผู้คนคิด ต่อไปนี้คือเคล็ดลับการวางแผนเดินทางที่สำคัญ ก่อนที่จะจองตั๋วเครื่องบินไปมอลตา

 

สกุลเงิน

มอลตาใช้สกุลเงิน “ยูโร” (Euro - EUR) แบ่งออกเป็น

ธนบัตร  ได้แก่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร

เหรียญ ได้แก่ 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ 1 ยูโร และ 2 ยูโร

โดย 1 ยูโร เท่ากับประมาณ 37.49 บาท

ฤดูกาลของมอลตา

มอลตาตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีฤดูร้อนที่ยาวนาน และมีฤดูหนาวที่อบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 22 องศาเซลเซียส ในเวลากลางวัน และ 15 องศาเซลเซียส ในเวลากลางคืน แม้ในฤดูหนาวอุณหภูมิไม่เคยลดลงต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม) เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุดแห่งปี มีฝนตกน้อย และอบอุ่นสบาย อุณหภูมิสูงสุดในตอนกลางวันอยู่ระหว่าง 20 - 25 องศาเซลเซียส แสงแดดเฉลี่ยต่อวันอยู่ระหว่าง 10 ชั่วโมงในเดือนพฤษภาคม ทะเลยังคงเย็นเกินไปสำหรับการว่ายน้ำ
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูร้อนของมอลตานั้นยาวนาน และร้อนจัด และแทบจะไม่มีฝนตกเลย มีแสงแดด 12 ชั่วโมงในเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยต่อวันประมาณ 28 - 35 องศาเซลเซียส และน้ำอุ่นขึ้นถึง 27 องศาเซลเซียส ในตอนเที่ยง 
  • ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) ความร้อนลดลง อุณหภูมิในตอนกลางวันอยู่ที่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส และลดลงเหลือ 20 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และมีฝนตกปรอยๆ แสงแดดเฉลี่ยต่อวันอยู่ระหว่าง 6 ชั่วโมง
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์) อากาศเย็นและชื้น ฤดูหนาวในมอลตาอากาศไม่หนาวจัด และเป็นช่วงเวลาที่ฝนตกชุกที่สุดของปี มีแสงแดดประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 - 17 องศาเซลเซียส   

 

ภูมิภาคของมอลตา

มอลตาเป็นประเทศหมู่เกาะที่มีเพียง 3 เกาะที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ได้แก่ 

  1. เกาะมอลตา (Malta Island) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 3 เกาะของมอลตา เมืองหลวงคือวัลเลตตา เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือราบัต เกาะนี้ประกอบด้วยเมืองเล็กๆ มากมาย ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ มีนาขั้นบันได
  1. เกาะโกโซ (Gozo Island) เกาะใหญ่รองลงมา ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมด้วยชนบทที่สวยงามและประวัติศาสตร์อันยาวนาน โบสถ์เก่าแก่ ป้อมปราการทางและวัดหินขนาดใหญ่ 
  1. เกาะโคมิโน (Comino Island) เกาะเล็กๆ ที่มีผู้อาศัยน้อยที่สุด ส่วนใหญ่เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ และมีที่พักให้บริการ โคมิโนมีชื่อเสียงจากบลูลากูน ซึ่งมีน้ำทะเลใสราวคริสตัลให้ลงไปว่ายน้ำ

 

สนามบินสำคัญในมอลตา

สนามบินนานาชาติมอลตา (Malta International Airport)

สนามบินเพียงแห่งเดียวของมอลตา เป็นศูนย์กลางหลักของแอร์มอลตา (Air Malta)  ตั้งอยู่ระหว่างเมืองลูกาและกุดจา ห่างจากเมืองหลวงวัลเลตตาประมาณ 10 กิโลเมตร     

 

การเดินทางไปมอลตา

สายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินต่อ (พัก 1 - 2 จุด) กรุงเทพฯ - มอลตา ได้แก่ การบินไทย (Thai Airways) กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways) บวยลิงแอร์ไลน์ (Vueling Airlines) เตอร์กิชแอร์ไลน์ (Turkish Airlines) ลุฟท์ฮันซา (Lufthansa) สวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (Swiss International Air Lines) เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (Emirates Airlines) ออสเตรียนแอร์ไลน์ (Austrian Airlines) แอร์มอลตา (Air Malta) ฮ่องกงแอร์ไลน์ (Hong Kong Airlines) ใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 17 ชั่วโมง 5 นาที 

การเดินทางในมอลตา

  • เครื่องบิน (Plane) ไม่มีเที่ยวบินภายในประเทศรอบมอลตา สนามบินนานาชาติมอลตา (Malta International Airport) คือสนามบินหลักและสนามบินหนึ่งเดียวของมอลตา  สายการบินแห่งชาติคือ แอร์มอลตา (Air Malta)  
  • รถประจำทาง (Bus) ค่าโดยสารเที่ยวเดียวคือ 1.50 ยูโรในฤดูหนาว และ 2 ยูโรในฤดูร้อน และ 3.00 ยูโรในตอนกลางคืน และยังมีรถบัสแบบ Hop-On Hop-Off ที่มีเส้นทางครอบคลุมสถานที่สำคัญบนเกาะ
  • เรือข้ามฟาก (Ferry) มีหลายเส้นทางในมอลตา เชื่อมระหว่างเมืองวัลเลตตา - สลีมา และวัลเลตตา - บีร์กู เรือออกทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลา 10 นาที และมีค่าใช้จ่าย 2 ยูโร และยังมีเส้นทางระหว่างมอลตา - โกโซ และมอลตา - โคมิโนอีกด้วย
  • แท็กซี่ (Taxi) ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 6 ยูโร และราคาประมาณ 2 ยูโรต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีบริการเรียกรถ เช่น Uber, Bolt และ Bonju
  • รถเช่า (Car Rental) วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางในมอลตา ขับรถอย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงถนนสายหลักในชั่วโมงเร่งด่วน ค่าเช่ารถอยู่ระหว่าง 10-25 ยูโรต่อวันสำหรับรถขนาดเล็ก 

 

เทศกาลสำคัญของมอลตา

  1. เทศกาลบาโรกนานาชาติวัลเลตตา (Valletta International Baroque Festival) หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของมอลตา จัดขึ้นทุกปีในเดือนมกราคมเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์  งานแสดงคอนเสิร์ตคลาสสิกและโอเปรา จัดแสดงในอาคารสไตล์บาโรกหลายแห่งในเมืองวัลเลตตา โดยเน้นที่ดนตรีบาโรก และผลงานร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบาโรก หนึ่งในเวทีหลักคือโรงละครมาโนเอล ซึ่งเป็นโรงละครที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
  1. เทศกาลลอสท์แอนด์ฟาวด์ (Lost & Found Festival) เทศกาลดนตรีสุดแนวที่จัดขึ้นทุกฤดูใบไม้ผลิ ที่เน้นดนตรีเฮาส์ เทคโน ดรัมแอนด์เบส และแนวเพลงอื่นๆ ตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน สิ่งที่ไม่เหมือนใครของเทศกาลนี้ คือการผสมผสานดนตรีสดและปาร์ตี้เข้ากับบรรยากาศแนวชายฝั่ง ปราสาทโบราณ และริมสระน้ำที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกดิน งานนี้จัดขึ้นใน 8 สถานที่บนเกาะมอลตา 
  1. เทศกาลดอกไม้ไฟนานาชาติมอลตา (Malta International Fireworks Festival) เทศกาลดอกไม้ไฟสุดอลังการของมองตา จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน เป็นเวลา 2 วัน ในสถานที่ต่างกัน 7 แห่ง ในเมืองวัลเลตตา  ไฮไลท์คือการแสดงดอกไม้ไฟของชาวมอลตาแบบดั้งเดิมที่ซับซ้อน ผสมผสานกับเสียงดนตรี นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตดอกไม้ไฟ สถานที่หลักในการแสดงดอกไม้ไฟคือบริเวณใกล้กับแกรนด์ฮาร์เบอร์  งานนี้จะจัดขึ้นในสถานที่ที่แตกต่างกัน 7 แห่งในวันต่างๆ โดย 3 แห่งจะจัดการแข่งขันระหว่างผู้แข่งขันจากต่างประเทศและในท้องถิ่น ในขณะที่วันสุดท้ายของเทศกาลคือ 'Grand Finale' ซึ่งการท่องเที่ยวมอลตาจะใช้โอกาสนี้ในการประกาศ ผู้ชนะที่คณะกรรมการตัดสินเลือก 

 

สถานที่เที่ยวสำคัญของมอลตา

  1. เมืองวัลเลตตา (Valletta) เมืองหลวงของมอลตาแห่งนี้ เป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยตำนานในอดีต ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยยูเนสโก เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรมแบบบาโรกอันยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 16  ที่โดดเด่นคืออาสนวิหารและป้อมปราการอื่นๆ ที่สร้างโดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น สะท้อนถึงความสูงส่งของอัศวินในฐานะผู้ดีจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ วัลเลตตาถูกเรียกว่า "เมืองที่สร้างโดยสุภาพบุรุษเพื่อสุภาพบุรุษ"
  1. เมืองสลีมา (Sliema) เมืองชายทะเล “สลีมา” ตั้งอยู่บนคาบสมุทรทางฝั่งตะวันออกของเกาะมอลตา อยู่ห่างจากเมืองวัลเลตตาเพียง 5 กิโลเมตร ที่นี่เป็นศูนย์กลางของแหล่งช้อปปิ้งและอาหารอร่อย ทางเดินริมทะเลทอดยาวกว่า 2 กิโลเมตร มีทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอยู่เบื้องหน้า และมีโรงแรมหรู ร้านอาหาร คาเฟ ผับและบาร์ตั้งเรียงราย ตลอดทางเดินยังมีสระว่ายน้ำสไตล์วิกตอเรียนที่ถูกแกะสลักอยู่ในหินให้ได้ชมด้วย 
  1. เมืองเมลลีฮา (Mellieha) “เมลลีฮา” หนึ่งในเมืองทางตอนเหนือสุดของเกาะมอลตา ล้อมรอบด้วยหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้ได้ภาพพาโนรามาที่สวยงาม และฉากหมู่บ้านที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนักในหมู่เกาะมอลตา ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ “อ่าวเมลลีฮาเบย์” หาดทรายที่ใหญ่ที่สุด และเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในมอลตา นอกจากนี้เมลลีฮายังอยู่ห่างจาก “อีร์คิววา” ท่าเรือที่ตั้งอยู่เหนือสุดของมอลตา เพียง 5 - 10 นาที โดยรถยนต์  
  1. เมืองมดินา (Mdina) เมืองมดินาสร้างขึ้นบนเนินเขาขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพงในยุคกลาง เชิงเทินโบราณขนาดมหึมา ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ราวกับเทพนิยาย ตามตรอกซอกซอยแคบๆ เป็นที่ตั้งของอาคารเก่าแก่ จัตุรัสในร่ม โบสถ์และพระราชวังอันงดงาม ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่ซ่อนอยู่หลังประตูไม้บานใหญ่ ที่นี่มีฉายาว่า "เมืองเงียบ" ที่นักเดินทางข้ามคืนจะได้สัมผัสกับบรรยากาศและความเงียบสงบของโลกยุคเก่าที่ชวนฝัน 
  1. เมืองบีร์กู (Birgu) “บีร์กู” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของแกรนด์ฮาร์เบอร์ หรือที่เรียกว่าท่าเรือวัลเลตตา เป็นเมืองที่มีป้อมปราการเก่าแก่ 3 แห่ง เคยทำหน้าที่เมืองหลวงของมอลตาระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งยังมีความสำคัญทางทหารมานานหลายศตวรรษ บีร์กูในปัจจุบันยังคงเหลือประวัติศาสตร์ยุคกลาง ผ่านถนนแคบๆ ตรอกซอกซอย พระราชวัง และอาคารบ้านเรือนที่ได้รับการดัดแปลงเป็น บาร์ไวน์ และร้านอาหารเก๋ๆ  

เคล็ดลับการเดินทางไปมอลตา 

  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปมอลตา คือช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ไฮซีซันของมอลตาคือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 
  • เดือนสิงหาคมคือช่วงวันหยุดฤดูร้อนของคนท้องถิ่น ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากปิดให้บริการ ซึ่งทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแออัดมากยิ่งขึ้น  
  • บัตรเดินทาง ExplorePlus ราคา 39 ยูโร ใช้สำหรับระบบขนส่งสาธารณะไม่จำกัด 7 วัน และการเดินทาง 2 ครั้งบนเรือข้ามฟาก Valletta 
  • หากต้องการนั่งรถบัสเท่านั้น สามารถซื้อบัตร Explore ได้ในราคา 21 ยูโรต่อคนเป็นเวลา 7 วัน
  • หากวางแผนเช่ารถ ให้เลือกเช่ารถขนาดเล็ก เนื่องจากถนนในเมืองแคบ และที่จอดรถมีจำกัด รถยิ่งเล็กยิ่งดี 

สายการบินพันธมิตร

สายการบินพันธมิตรทั้งในและระหว่างประเทศ
เราร่วมมือกับสายการบินต่างๆ ทั่วโลก เพื่อรองรับทุกจดหมายปลายทางที่คุณต้องการ
Garuda Indonesia

พันธมิตรผู้ให้บริการชำระเงิน

เราร่วมมือกับผู้ให้บริการชำระเงินที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าการชำระเงินของคุณสะดวกและปลอดภัย