จองโรงแรมและเรียวกังเกียวโตง่ายๆ น่านอน ราคาประหยัด กับ Traveloka ผู้ให้บริการจองออนไลน์แสนสะดวก มาพร้อมกับที่พักเกียวโต ส่วนลดสูงสุด 80%
เกียวโตมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ก่อนยุคสงครามตกทอดมาให้เห็นได้มากมายจนถึงในปัจจุบัน โดยมีสถานที่สำคัญทางศาสนากว่า 2,000 แห่ง นอกจากนั้นยังมีพระราชวัง สวน และบ้านเรือนที่ยังคงความงามตามแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ วัดหลายแห่งในเมืองนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อาทิ วัดคิโยมิสุ (วัดน้ำใส) วัดคิงกากุ (วัดศาลาทอง) และวัดกิงกากุ (วัดศาลาเงิน) เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีย่านสำคัญทางวัฒนธรรมอีกมากมายที่เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว อย่างเช่น ย่านอาราชิยามะ และย่านกิอง ซึ่งเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวอาจจะมีโอกาสได้เห็นเหล่าไมโกะหรือเกอิชาตัวจริง รวมถึงยังมีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอีกมากมาย เรียกได้ว่าหากคุณหลงรักและอยากสัมผัสกลิ่นอาย บรรยากาศหรือวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ เกียวโตนี่แหละเป็นจุดหมายที่คุณพลาดไม่ได้เลยจริงๆ
เกียวโตเป็นศูนย์กลางของเกาะฮอนชู อยู่ในภูมิภาคคันไซ เป็นอดีตเมืองหลวงเก่าซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมานานกว่า 1,100 ปี ก่อนจะมีการโยกย้ายเมืองหลวงไป เดิมทีเมืองนี้มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า เคียว และ มิยาโกะ หรือบางครั้งก็เรียกรวมว่า เคียวโนะมิยาโกะ และเปลี่ยนชื่อมาเป็น เกียวโต ซึ่งแปลว่าเมืองหลวง ในสมัยศตวรรษที่ 11 จากนั้นเมื่อมีการย้ายเมืองหลวงไปยังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อจากเอโดะเป็นโตเกียว ซึ่งแปลว่า เมืองหลวงตะวันออก เกียวโตจึงมีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ไซเกียว ซึ่งแปลว่าเมืองหลวงตะวันตกในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเกียวโตอีกครั้งจนถึงยุคปัจจุบัน
กล่าวกันว่าความสวยงามทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของเกียวโต มีส่วนช่วยให้สหรัฐอเมริกาทำการถอดชื่อเมืองนี้ออกจากรายชื่อเมืองเป้าหมายที่จะทำการทิ้งระเบิดปรมาณู และเปลี่ยนไปเป็นนางาซากิแทน โดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาเคยมีแผนจะทิ้งระเบิดที่เกียวโตเพราะเหตุผลว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางทางปัญญาของญี่ปุ่น แต่ เฮนรี แอล. สติมสัน รัฐมนตรีสงครามของสหรัฐฯ ในขณะนั้น เคยรู้จักเมืองนี้จากการมาเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต และยังเคยใช้เกียวโตเป็นสถานที่ฮันนีมูนอีกด้วย เขาจึงต้องการจะรักษาเมืองวัฒนธรรมที่งดงามแห่งนี้ไว้ และนั่นทำให้เมืองเกียวโตยังคงมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ก่อนยุคสงครามตกทอดมาให้เห็นได้มากมายจนถึงในปัจจุบัน โดยมีสถานที่สำคัญทางศาสนากว่า 2,000 แห่ง นอกจากนั้นยังมีพระราชวัง สวน และบ้านเรือนที่ยังคงความงามตามแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ วัดหลายแห่งในเมืองนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อาทิ วัดคิโยมิสุ (วัดน้ำใส) วัดคิงกากุ (วัดศาลาทอง) และวัดกิงกากุ (วัดศาลาเงิน) เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีย่านสำคัญทางวัฒนธรรมอีกมากมายที่เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว อย่างเช่น ย่านอาราชิยามะ และย่านกิอง ซึ่งเป็นย่านที่นักท่องเที่ยวอาจจะมีโอกาสได้เห็นเหล่าไมโกะหรือเกอิชาตัวจริง รวมถึงยังมีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอีกมากมาย เรียกได้ว่าหากคุณหลงรักและอยากสัมผัสกลิ่นอาย บรรยากาศหรือวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ เกียวโตนี่แหละเป็นจุดหมายที่คุณพลาดไม่ได้เลยจริงๆ
เกียวโตถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายใหญ่ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณจะได้พบเห็นที่พักมากมายในหลากหลายรูปแบบและบรรยากาศ ทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ที่ทันสมัยใจกลางเมือง โรงแรมสไตล์เรียวกังดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นแท้ในบรรยากาศสุดสงบขรึมขลัง โรงแรมขนาดกลางและเล็กที่สะดวกสบายในราคาย่อมเยา ไปจนถึงที่พักในรูปแบบโฮสเทลและเกสท์เฮ้าส์ที่บางแห่งก็มีราคาถูกจนคุณอาจจะต้องประหลาดใจ ดังนั้น คุณจึงสามารถเลือกหาที่พักเกียวโตในรูปแบบที่ต้องการได้ในทุกระดับงบประมาณที่มีอยู่ และมั่นใจได้ว่าการเดินทางไปพักผ่อนในทริปเกียวโตของคุณครั้งนี้ จะสะดวกสบายและไม่ทำให้คุณต้องปวดหัวกับค่าใช้จ่ายที่บานปลายอย่างแน่นอน ถ้าหากคุณกำลังมองหาที่พักในเกียวโตอยู่พอดี เรามีตัวอย่างที่พักน่าสนใจมาแนะนำให้คุณได้ลองทำความรู้จักกัน นั่นคือ
นี่คือที่พักในเกียวโตอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลสุดสะดวก ใกล้สถานีรถไฟเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตร แถมยังอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเกียวโตทาวเวอร์ วัด และห้างสรรพสินค้า รอบโรงแรมมีตลาด ร้านอาหาร และร้านค้าที่น่าสนใจ สะดวกง่ายดายในการใช้ชีวิตประจำวัน บรรยากาศในโรงแรมตกแต่งอย่างทันสมัยสวยงาม มีร้านอาหารและบาร์ให้บริการอยู่ภายใน ห้องพักตกแต่งเรียบง่ายสวยงาม มีหลายสไตล์และหลายฟังก์ชั่นให้เลือกพัก ทุกห้องมาพร้อมกับเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก
เป็นโรงแรมใหญ่ในย่านใจกลางเมืองที่ควรเก็บไว้พิจารณา ตัวที่พักในเกียวโตแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่แสนสะดวกสบาย แวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าถึง 2 แห่ง อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟและเกียวโต ทาวเวอร์ เพียงไม่กี่ร้อยเมตร รายล้อมด้วยร้าอาหาร ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อ มีป้ายรถบัสอยู่ใกล้กับโรงแรม ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัยสวยงาม ห้องพักมีหลากหลายรูปแบบ ทุกห้องตกแต่งอย่างเรียบหรูให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และมีพร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก
หากคุณกำลังมองหาโรงแรมขนาดกำลังดีที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนซึ่งมีชีวิตชีวา แวดล้อมไปด้วยสถานีรถไฟจึงไม่ต้องห่วงในเรื่องความสะดวกง่ายดายในการเดินทาง อยู่ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมถึงยังเป็นที่พักในเกียวโตซึ่งง่ายในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะอยู่ใกล้แหล่งรวมร้านอาหาร ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อ ห้องพักตกแต่งแบบเรียบง่ายเหมาะแก่การใช้พักผ่อน มีให้เลือกพักหลากหลายตามความต้องการ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก
แม้ว่าจะเป็นที่พักในเกียวโตซึ่งนำเสนอผ่านรูปแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เน้นให้ความสงบและผ่อนคลาย แต่ตัวทำเลที่ตั้งกลับเดินทางง่ายและอยู่ในย่านชุมชนกลางตัวเมือง มีสถานีรถไฟถึง 2 แห่งในพื้นที่ใกล้เคียง แถมยังอยู่ไม่ไกลจากตลาดและวัดในท้องถิ่น ภายในที่พักตกแต่งในกลิ่นอายญี่ปุ่นแท้ๆ ผสานกับข้าวของเครื่องใช้ที่ให้ความรู้สึกร่วมสมัยแต่ไม่ขัดสายตา ห้องพักมาในสไตล์ดั้งเดิมพร้อมฟูกปูหนานุ่มนอนสบาย เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในชีวิตที่ครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก เ
สำหรับคนที่ชื่นชอบในบรรยากาศแสนสงบและเรียบง่ายในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ แบบดั้งเดิม อยากให้ลองเก็บที่พักในเกียวโตแห่งนี้ไว้พิจารณา เนื่องด้วยเป็นที่พักในขนาดไม่ใหญ่ แต่จัดวางพื้นที่ได้อย่างสวยงามเรียบง่ายและลงตัว สวนแบบญี่ปุ่นกลางเรียวกังให้ความรู้สึกสงบและสวยงาม ภายในเรียวกังตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากับไปในยุคก่อน ห้องพักมีให้เลือกหลากหลายขนาด พร้อมมีบริการอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นและอาหารเย็นเสิร์ฟเป็นเซ็ตน่าตื่นตาตื่นใจ
คลิกเพื่อจองที่พัก
ถ้าคุณเป็นคนที่หลงรักวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบจริงจัง ที่นี่น่าจะเป็นที่พักในเกียวโตที่คุณต้องถูกใจ เริ่มด้วยทำเลที่ตั้งซึ่งแวดล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทั้งวัด พิพิธภัณฑ์ และสวนสัตว์ ภายในรัศมีประมาณ 500 เมตรรอบที่พัก ภายในเรียวกังมีสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ขนาดใหญ่ที่จัดวางไว้ได้อย่างสวยงามน่าชม ที่พักตกแต่งในรูปแบบเรียบหรูแบบดั้งเดิมให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบเตียงนอนสไตล์สากล และห้องพักในบรรยากาศญี่ปุ่นแบบเต็มรูปแบบ ที่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ สงบ สะดวก สบาย และเป็นสวรรค์ในการพักผ่อนครั้งนี้ของคุณ
คลิกเพื่อจองที่พัก
ที่พักในเกียวโตแห่งนี้ เป็นโรงแรมแคปซูลที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ใกล้กับตลาด Nishiki และไม่ไกลจากย่านกิอง รวมถึงยังใกล้กับสถานีรถไฟจึงง่ายต่อการเดินทาง และสะดวกในการมองหาร้านอาหาร ร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ บรรยากาศที่พักตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกทันสมัย แม้จะอยู่ในพื้นที่กะทัดรัดแต่ให้ความรู้สึกโปร่งสบายเพราะเน้นใช้สีขาวเป็นหลักในการตกแต่งจนได้รูปแบบที่สวยแปลกตา มาพร้อมบริการข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้ครบครัน
สำหรับคนที่ชื่นชอบในการได้พบเพื่อนใหม่ในการเดินทาง การเข้าพักในโฮสเทลอาจจะเป็นทางเลือกที่คุณชอบใจ ที่พักในเกียวโตแห่งนี้ค่อนข้างสะดวกสบายเพราะตั้งอยู่ในทำเลย่านกลางเมืองและชุมชน จึงเดินทางง่ายเนื่องจากอยู่ใกล้สถานีรถไฟ และอยู่ไม่ไกลจากย่านตลาด ร้านค้า ร้านอาหาร รวมทั้งย่านกิองอันขึ้นชื่อ ตัวพื้นที่ส่วนกลางของที่พักตกแต่งอย่างเรียบง่ายให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ๆ มีห้องครัวขนาดเล็กให้ใช้งาน ห้องพักมีให้เลือกมากมายทั้งห้องเดี่ยวและห้องรวม พร้อมมีบริการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันที่ครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก
หากคุณหลงใหลในความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และกำลังมองหาที่พักในเกียวโตที่มีสไตล์เรียบง่ายและให้อารมณ์ญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ราคาสบายกระเป๋า ควรเก็บที่นี่ไว้เป็นหนึ่งตัวเลือกในการพิจารณา เพราะมีให้เลือกพักทั้งห้องรวมแบบฟูกญี่ปุ่น ห้องพักเดี่ยวขนาดกะทัดรัดพร้อมเตียงนอน และห้องรวมในสไตล์โฮสเทล มีพื้นที่สวนส่วนกลางให้ได้เดินชมเพื่อความเพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางง่าย อยู่ใกล้สถานีรถไฟและย่านชุมชน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้บริการ
คลิกเพื่อจองที่พัก
แลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองนี้จากมุมสูงด้วยความสูง 100 เมตร ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบ 360 องศา ในวันที่อากาศดีอาจจะมองเห็นถึงเมืองโอซาก้าซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ 100 กิโลเมตรได้เลยทีเดียว หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 และได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดของเมืองเกียวโต โดยมีความสูงรวมทั้งหมด 131 เมตร ว่ากันว่าตัวเลขความสูงนี้มาจากจำนวนประชากร 1.31 ล้านคนของเกียวโตในปีที่ทำการก่อสร้างหอคอยแห่งนี้นั่นเอง แม้ว่าจะสร้างมาค่อนข้างนานแต่เกียวโต ทาวเวอร์ ก็ได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อภัยธรรมชาติทั้งหลายได้เป็นอย่างดี จึงสบายใจได้ในยามที่ขึ้นไปชมวิวอยู่ด้านบน ทำเลที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเกียวโตจึงสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมวิวด้านบนจากหอคอยแห่งนี้ก็คงหนีไม่พ้นในช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็น ภายในหอคอยแห่งนี้ยังแบ่งพื้นที่เป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม และโรงอาบน้ำสาธารณะผู้คนได้มาใช้บริการกันอีกด้วย หากว่าคุณสนใจอยากได้ที่พักซึ่งอยู่ใกล้กับแลนด์มาร์คของเกียวโตแห่งนี้ เราก็มีที่พักซึ่งน่าสนใจลองใช้บริการมาแนะนำให้คุณได้พิจารณา ได้แก่
เรียกได้ว่านี่คือสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตระดับท้อปของเมืองเกียวโต หลายคนรู้จักที่นี่ในชื่อของศาลเจ้าจิ้งจอก กับภาพคุ้นตาที่เป็นเสาโทริอิสีแดงสดตั้งเรียงรายเป็นระยะทางยาวเหยียดนับหมื่นต้น ในบริเวณทั่วทั้งภูเขาอินาริด้านหลังศาลเจ้า ซึ่งเสาโทริอิเหล่านี้ได้มาจากการบริจาคของชาวบ้าน ร้านค้า และองค์กรต่างๆ ทั้งหลาย โดยเสาแต่ละต้นจะมีชื่อของผู้บริจาคสลักเอาไว้ จนเสามากมายเหล่านี้กลายเป็นภาพจำที่ใช้ในการโปรโมทการท่องเที่ยวของเมืองนี้มาอย่างยาวนาน โดยผู้คนท้องถิ่นต่างเชื่อว่าภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สิงสถิตของเทพอินาริตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลจากการเกษตร และมักมีสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย อันเป็นที่มาของรูปปั้นจิ้งจอกจำนวนมากในบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้นั่นเอง เชื่อกันว่าศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.794 ซึ่งอาจจะมีความเก่าแก่มากกว่าเมืองเกียวโตเสียอีก อาคารต่างๆ ในศาลเจ้าแห่งนี้มีความสวยงามและน่าสนใจด้วยการสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และหากเดินไปตามทางเดินในภูเขาขึ้นไป ด้านบนจะยังเป็นจุดที่สามารถชมวิวเมืองเกียวโตได้สวยงามจุดหนึ่งอีกด้วย และหากคุณกำลังมองหาที่พักในเกียวโตซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวบริเวณนี้ เราขอนำเสนอ
เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
นับว่าเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโต ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานหลายศตวรรษ โดยร้านค้าร้านแรกของที่นี่ถูกเปิดขึ้นในปี ค.ศ.1310 เดิมทีบริเวณนี้เป็นตลาดค้าส่งปลา แต่ในภายหลังต่อมาจึงมีร้านค้าทยอยมาเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันตรอกเล็กๆ ความยาวเพียงแค่ประมาณห้าช่วงตึกตรงนี้ มีร้านอาหารและร้านค้าเปิดให้บริการอยู่กว่า 100 ร้านเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาอย่างยาวนานและสืบต่อกิจการกันมาจากรุ่นสู่รุ่น บรรยากาศของตลาดแห่งนี้จึงยังคงมีกลิ่นอายความเก่าแก่ให้ได้สัมผัสกัน ซึ่งกลายมาเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาเยี่ยมเยือน จนกลายเป็นตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่านคึกคักอยู่แทบจะตลอดเวลา ร้านค้าในบริเวณนี้มีทั้งร้านขายของสดอย่างอาหารทะเลต่างๆ รวมถึงผักและผลไม้ตามฤดูกาล ไปจนถึงของแห้งที่นับเป็นของขึ้นชื่อของเมืองเกียวโตอย่างเช่น ขนมหวาน ผักดอง และของทะเลตากแห้งแปลกๆ ที่หายาก ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ รวมทั้งมีร้านอาหารมากมาย อาทิ ร้านซูชิในสไตล์ดั้งเดิมของเกียวโตอีกด้วย ความคับคั่งของร้านอาหารและการเป็นแหล่งรวมของกินในย่านนี้ ทำให้ตลาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น Kyoto’s Kitchen เลยทีเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวสายชิมทั้งหลาย ขอแนะนำว่าพลาดตลาดนี้ไปไม่ได้จริงๆ เนื่องจากที่นี่อัดแน่นไปด้วยร้านค้าและแผงลอยที่ขายอาหารท้องถิ่นไว้เพียบ ทั้งของคาวและของหวาน และด้วยความมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของตลาดแห่งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจะได้รับความเพลิดเพลินในบรรยากาศที่ไม่เหมือนกับที่ไหน ทั้งสนุก อิ่มท้อง และอิ่มใจไปในเวลาเดียวกันได้อย่างแน่นอน หากคุณกำลังมองหาที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดแห่งนี้ เราขอแนะนำ
เปิดบริการทุกวัน (บางร้านมักจะปิดในวันพุธและวันอาทิตย์) ร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ประมาณ 9.00 – 18.00 น.
อีกหนึ่งสถานที่ที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเยือนเมืองเกียวโต นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักวัดนี้ในนาม วัดน้ำใส ถือได้ว่านี่คือหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ชื่อวัดแห่งนี้มีที่มาจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ซึ่งแบ่งทางน้ำออกเป็น 3 สาย ไหลลงมาภายในบริเวณวัด และเนื่องจากสายน้ำทั้งหมดมีความใสสะอาดบริสุทธิ์ ชาวบ้านจึงเรียกชื่อวัดนี้ตามลักษณะน้ำดังกล่าว ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าหากผู้ใดได้ดื่มน้ำใสของที่นี่แล้ว จะสมปรารถนาในสิ่งที่หวังไว้ โดยแม่น้ำสายที่ 1 จะเป็นเรื่องของสติปัญญา สายที่ 2 เป็นเรื่องความรัก และสายที่ 3 เป็นเรื่องของสุขภาพนั่นเอง วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ.778 และมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่มีเสน่ห์ดึงดูดและน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ Unesco ไปเรียบร้อยแล้ว โดยมีจุดไฮไลท์ที่ใครๆ ก็ต่างอยากมาเห็นความสวยงามด้วยตาตนเอง เป็นอาคารไม้ขนาดอลังการสูงใหญ่ สร้างยกจากพื้นดินขึ้นมาประมาณ 13 เมตร และมีเสาไม้หลายร้อยต้นเป็นฐานค้ำยันตัวโถงอาคารที่สร้างยื่นออกไป ซึ่งความอัศจรรย์ก็คือทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูในการยึดโครงสร้างเลยแม้แต่ตัวเดียว! และบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเกียวโตอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งจะมีความงดงามโดดเด่นน่าประทับใจ ด้านในวัดเป็นที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์ซึ่งมีถึง 11 พักตร์ 1,000 กร รวมถึงยังมีเทพเอบิสึซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ให้ผู้คนได้เข้าไปสักการะกันอีกด้วย นอกจากจุดอาคารหลักแล้ว วัดนี้ยังมีอาคารที่สวยงามให้ได้ชมกันอีกหลายหลัง รวมทั้งใกล้กันยังมีถนนสายช้อปปิ้งที่อัดแน่นไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมายให้ได้แวะจับจ่ายกันไปตลอดทาง และถ้าคุณกำลังมองหาที่พักน่าสนใจใกล้ๆ กับบริเวณวัดแห่งนี้ เราขอนำเสนอที่พักดีๆ อาทิ
เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมอันงดงามและเก่าแก่ ชาวไทยจะคุ้นเคยกันในชื่อ วัดทอง เนื่องจากวัดนี้มีตัวอาคารหลักขนาดใหญ่เป็นสีทองสุกปลั่ง ซึ่งเกิดจากการปิดทองด้วยมือไม่ใช่ด้วยการทาสี ตั้งอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำและสวนอันงดงามแบบญี่ปุ่น จนที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ติดตราตรึงใจของเมืองเกียวโตไปแล้วเช่นกัน วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1940 หรือราวๆ ค.ศ.1397 และได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ Unesco ไปแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 โดยแรกเริ่มเดิมที วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของโชกุน Ashikaga Yoshimitsu ที่หลายคนคุ้นชื่อจากในการ์ตูนเรื่องอิคคิวซัง ซึ่งท่านเป็นผู้สูงศักดิ์ซึ่งชื่นชอบการทายปัญหากับเณรน้อยอิคคิวนั่นเอง โดยวัดนี้ก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของฉากในการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และภายหลังจากที่ท่านเสียชีวิตลง ที่นี่จึงถูกยกให้เป็นวัดในนิกายเซนดังเช่นในปัจจุบัน และด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้ จึงได้มีการนำรูปแบบไปจำลองและสร้างต่อเป็นวัดเงิน หรือ วัด Ginkakuji ในยุคถัดมา ช่วงที่วัดนี้ได้ชื่อว่ามีความงดงามมากที่สุดได้แก่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของทุกปี ซึ่งจะเห็นตัวอาคารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางต้นไม้ในหลายเฉดสี ตั้งแต่ เขียว เหลือง ส้ม ไปจนถึงแดง โดยเมื่อยามทิวทัศน์เหล่านั้นสะท้อนเป็นเงาทาบลงบนผิวน้ำ จะถือได้ว่างดงามเหมือนอยู่ในความฝันกันเลยทีเดียว และหากคุณกำลังมองหาที่พักดีๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนี้ เราก็มีตัวเลือกที่พักในเกียวโตมานำเสนอ อาทิ
ร้านสุกียากี้ดั้งเดิมในแบบฉบับของเมืองเกียวโต ซึ่งเปิดร้านมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1873 จึงเป็นร้านเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 150 ปี! สำหรับใครที่เป็นสายเนื้อขอบอกว่าน่าจะฟิน เพราะร้านนี้เน้นใช้เนื้อวากิวของเกียวโตที่คัดมาเป็นพิเศษจึงนุ่มนวลหอมหวาน และด้วยความที่เป็นร้านดังซึ่งเปิดมาอย่างยาวนานจึงมีให้เลือกหลายสาขา โดยร้านหลักอาจจะราคาสูงซักนิดตามทำเลและความเก่าแก่ของตำนาน แนะนำว่าให้ไปลองที่ร้านสาขาห้างสรรพสินค้า Takashimaya บริเวณชั้น 7 ซึ่งราคาจะถือว่าจับต้องได้ และนี่คือสุกียากี้ในแบบฉบับของคันไซที่คุณไม่ควรพลาดการแวะไปชิม
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น.
อาหารอย่างหนึ่งซึ่งทุกคนต้องกินหากไปญี่ปุ่นนั่นคือซูชิ ที่เรียกได้ว่ามีให้ชิมกันได้แทบจะทุกตารางเมตรในประเทศนี้ แต่มาเกียวโตทั้งที ก็ต้องไม่พลาดการตามหาซูชิในแบบดั้งเดิมของเกียวโตมาลองชิมดูซักครั้งนึงเป็นประสบการณ์ ร้านซูชิแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งร้านเก่าแก่ที่เปิดร้านอยู่คู่กับเมืองเกียวโตมาอย่างยาวนานถึงประมาณ 230 ปี!! โดยเปิดร้านมาตั้งแต่ ค.ศ.1781 โดยร้านนี้ค่อนข้างพิถีพิถันในการเลือกใช้วัตถุดิบมาก เช่น ปลาซาบะเฉพาะที่จับได้จากน่านน้ำญี่ปุ่น ข้าวซูชิคุณภาพเยี่ยมจากจังหวัดชิกะ สาหร่ายคมบุที่ใช้ห่อหุ้มซูชินั้นมาจากฮอกไกโด และเพื่อให้คงความสดอร่อยได้ยาวนาน ชาวเกียวโตจะทำการห่อซาบะซูชินี้ด้วยใบไผ่อีกหนึ่งชั้น ถือเป็นซูชิอีกรูปแบบที่พิถีพิถันและหากินได้ไม่ง่ายเลย
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 – 23.00 น.
ร้านนี้มีจุดเด่นที่การเสิร์ฟเมนูอาหารแบบเรียบง่าย ในสไตล์กับข้าวหรือเครื่องเคียงที่ชาวเกียวโตต้องมีติดบ้านกันเอาไว้เป็นประจำ ซึ่งมีคำเฉพาะเรียกอาหารประเภทนี้ว่า ‘โอะบันไซ’ โดยอาหารประเภทนี้จะปรุงรสอย่างง่ายๆ และเน้นที่การคงไว้ซึ่งรสชาติเดิมของวัตถุดิบให้มากที่สุด ร้านนี้มีจุดเด่นที่การเสิร์ฟในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ และเมนูส่วนใหญ่ใช้ผลผลิตผักปลอดสารพิษที่ปลูกในเกียวโตเท่านั้น จึงสามารถอิ่มแบบไม่อั้นกันได้อย่างปลอดภัยสบายใจ แถมราคายังสบายกระเป๋าอีกด้วย
เปิดบริการทุกวัน แบ่งเป็นรอบมื้อเช้า 7.00 – 10.00 น. มื้อเที่ยง 11.00 – 16.00 น. และมื้อเย็น 17.00 – 23.00 ซึ่งแต่ละมื้อจะมีราคาต่างกันไป
เกียวโตไม่มีสนามบินในเมืองของตัวเอง แต่คุณสามารถเลือกนั่งเครื่องบินไปลงยังสนามบินใกล้เคียงซึ่งแวดล้อมเมืองเกียวโตอยู่หลายสนามบิน โดยสนามบินนานาชาติคันไซ ถือเป็นสนามบินที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปใช้บริการมากที่สุด แต่นอกจากนั้น คุณยังสามารถเลือกเส้นทางบินไปลงยังสนามบินโอซาก้า สนามบินโกเบ และสนามบินในนาโกย่า ได้อีกด้วย จากนั้นจึงนั่งรถไฟเพื่อเดินทางต่อมายังเมืองเกียวโต
คุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองเกียวโตได้ด้วยการใช้รถไฟ JR รถไฟใต้ดิน รถบัส รถแท็กซี่ และรถจักรยาน ซึ่งรถโดยสารแต่ละอย่างจะครอบคลุมเส้นทางสถานที่ท่องเที่ยวโดยมีระยะใกล้หรือไกลต่างกันออกไป และสามารถใช้รถไฟชินคันเซ็น หรือรถไฟ JR เพื่อเดินทางจากเกียวโตไปยังเมืองอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบได้อีกด้วย
เกียวโตเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันเก่าแก่ จึงเป็นเมืองที่เหมาะในการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สบายๆ และไม่เร่งร้อน นอกจากวัดและโบราณสถานเก่าแก่ที่มีให้เยี่ยมชมกันมากมายแล้ว คุณยังสามารถดื่มด่ำกับการนั่งรถไฟสายโรแมนติก Sagano เพื่อชมทิวทัศน์งดงามน่าประทับใจ นอกจากนั้นยังมีธรรมชาติของป่าไผ่ Arashiyama ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่หลายคนไม่ยอมพลาด นั่นคือการแต่งชุดกิโมโนแบบโบราณเดินเล่นในย่านเก่าแก่ หรือหากคุณเป็นคนรักการออกกำลังกาย อาจจะเลือกการซื้อทัวร์ หรือเช่าจักรยานเพื่อใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ของเมืองเกียวโตก็ได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าสนใจเช่นกัน
จำนวนที่พักทั้งหมด | 2,973 แห่ง |
เมืองยอดนิยม | เกียวโตชิ, Ine |
โรงแรมยอดนิยม | ดุสิตธานี คีย์โต, เดอะ เวสทิน มิยาโกะ เกียวโต |
แลนด์มาร์คยอดนิยม | Nishiki Market, Kiyomizudera Temple |