จองโรงแรมและโฮสเทลโอซาก้าง่ายๆ ติดที่เที่ยวชั้นนำ ราคาประหยัด กับ Traveloka ผู้ให้บริการจองออนไลน์แสนสะดวก มาพร้อมกับที่พักโอซาก้า ส่วนลดสูงสุด 80%
โอซาก้า หรือ โอซะกะ ได้ชื่อว่าเป็นนคร ซึ่งเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนครมีไม่มากนัก นครโอซาก้าเป็นเมืองที่มีประชากรจำนวนมากเป็นเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่นและมีความสำคัญในเรื่องของเศรษฐกิจรองจากโตเกียว อีกทั้งยังมีนักเดินทางหลากหลายเชื้อชาติมาเที่ยวจำนวนมาก ทำให้เมืองโอซาก้ามีที่พักจำนวนมาก ทั้งที่พักสไตล์โมเดิร์น ที่พักญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบเรียวกังก็มีเยอะ หรือแม้แต่ที่พักแคปซูลราคาถูกหลักร้อยบาทต่อคืนไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัด
โอซาก้าเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของญี่ปุ่น นอกจากจะมีความสำคัญในด้านการเป็นเมืองแห่งการค้าและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแล้ว โอซาก้ายังได้ชื่อว่าเป็นครัวของชาติ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการค้าขายข้าวมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะเลยทีเดียว ในช่วงประมาณปี พ.ศ.1188 ในยุคของจักรพรรดิโคโตกุ เมืองนี้เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวง ซึ่งในขณะนั้นผู้คนรู้จักเมืองนี้ในชื่อ นานิวะ และแม้ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดว่าได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น โอซาก้า ในสมัยใด แต่ในยุคต่อๆ มาก็ยังคงมีการใช้ชื่อนานิวะเรียกบริเวณพื้นที่ศูนย์กลางของโอซาก้าอยู่ เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนและกร่อนคำลงมาจนกลายเป็น นัมบะ ในยุคปัจจุบัน
เพราะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าว จึงทำให้โอซาก้ามีฐานะเป็นเมืองท่าค้าขายขนาดใหญ่มาตั้งแต่ในยุคก่อน และยังเป็นเมืองที่มีการคมนาคมสะดวกสบายโดยมีสนามบินถึงสองแห่ง มีระบบรถไฟ มีท่าเรือขนถ่ายสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงมีท่าเรือโดยสารที่เชื่อมต่อได้ทั้งในและต่างประเทศทั้งคิตะคิวชู คาโงชิมะ มิยาซากิ โอกินาว่า เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน เกาหลี และไต้หวัน ซึ่งทั้งหมดนั้นยิ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเยือนเมืองนี้ได้จากหลากหลายเส้นทาง และนอกจากจะเดินทางในเมืองได้อย่างสะดวกสบายเพราะมีระบบรถไฟใต้ดินและบนดินที่ทันสมัยไม่แพ้เมืองหลวงอย่างโตเกียวแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้โอซาก้าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวนั่นก็คือเรื่องของอาหาร ซึ่งมีทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารนานาชาติที่ได้รับอิทธิพลจากการเป็นเมืองท่าซึ่งต้องติดต่อกับหลากหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงยังมีแหล่งช้อปปิ้งหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามในรูปแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมและสมัยใหม่ให้เลือกเที่ยวชมกันได้หลากหลาย ด้วยความพร้อมทั้งหมดนั้นจึงทำให้โอซาก้ากลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายของนักเดินทางที่ต่างก็ชื่นชอบในความเป็นญี่ปุ่นไม่แพ้เมืองหลวงอย่างโตเกียวกันเลย
ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่จึงทำให้ที่พักในโอซาก้ามีให้เลือกมากมายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งหลายได้อย่างทั่วถึง นักท่องเที่ยวจึงสามารถมองหาที่พักที่ตรงกับใจได้อย่างไม่ยากนัก เพราะมีให้เลือกตั้งแต่โรงแรมห้าดาวขนาดใหญ่ และโรงแรมขนาดย่อมลงมาในระดับสี่ สาม หรือสองดาว ซึ่งมีให้เลือกหลายสไตล์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบโมเดิร์นสวยงามทันสมัย หรือรูปแบบดั้งเดิมในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ นอกจากนั้นยังมี เซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ โฮสเทล และโรงแรมแคปซูล ให้ได้ลองเลือกพัก ซึ่งทั้งหมดอาจจะแตกต่างกันในด้านของราคา ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และทำเลที่ตั้งใกล้ไกล แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้อย่างครบครัน โดยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางเพราะมีระบบรถไฟที่ค่อนข้างครอบคลุมในทุกสถานที่ทั้งในตัวเมืองและย่านชานเมือง และหากคุณสนใจอยากทำความรู้จักกับที่พักในโอซาก้า เราขอนำเสนอตัวอย่างที่พักดีๆ ไว้เพื่อให้คุณได้ลองใช้ในการพิจารณา อาทิ
นี่คือที่พักในโอซาก้าซึ่งสะดวกสบายในด้านการเดินทาง เพราะอยู่ใกล้ถนนใหญ่และใกล้สถานีรถไฟฟ้าหลักอย่างสถานี Shin – Osaka ไม่ถึง 500 เมตร จึงง่ายมากหากต้องการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทั้งในตัวเมืองโอซาก้าและพื้นที่ใกล้เคียง ตัวโรงแรมตกแต่งอย่างทันสมัย เน้นความเรียบหรูในโทนสีเคร่งขรึม ห้องพักมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบตามความต้องการ ทุกห้องมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน รอบด้านมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อเปิดให้บริการ
คลิกเพื่อจองที่พัก
หากใครกำลังมองหาที่พักในโอซาก้าซึ่งอยู่กลางใจเมือง มีสถานที่ท่องเที่ยวแวดล้อมอยู่ไม่ไกล และอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ที่นี่อาจเป็นที่พักที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ เพราะนี่คือโรงแรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนซึ่งสะดวกสบาย มีร้านอาหาร ร้านค้า และร้านสะดวกซื้ออยู่ในละแวกใกล้เคียง ห้องพักตกแต่งอย่างเรียบหรูดูดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน มีสปา ร้านกาแฟ และออนเซ็นส่วนกลางให้ได้ใช้บริการ
คลิกเพื่อจองที่พัก
ถ้าคุณอยากได้โรงแรมราคากำลังดีที่ตั้งอยู่ในทำเลยอดฮิตอย่างโดทงโบริและป้ายกุลิโกะที่ทุกคนรู้จักกันดี นี่คือที่พักในโอซาก้าที่คุณน่าจะถูกใจ รอบด้านแวดล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิต ให้คุณใช้ชีวิตแบบสะดวกสบายได้ได้ทั้งกลางวันและยามค่ำคืน ตัวโรงแรมตกแต่งอย่างเรียบง่ายให้กลิ่นอายทันสมัย มีห้องพักให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการทั้งแบบสากลและแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ทุกห้องเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก
เรียกว่านี่คือสวรรค์ของใครที่กำลังมองหาโรงแรมราคาดีเพื่อเป็นที่พักในโอซาก้า เพราะตัวโรงแรมตั้งอยู่ห่างจากย่านโดทงโบริแค่ประมาณ 200 เมตรเท่านั้น ตัวที่พักตั้งอยู่ในย่านชุมชนที่สะดวกสบาย ตกแต่งด้วยสีสันสดใสและเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน นอกจากนั้นยังมีบริการอาหารเช้าแบบเรียบง่าย รวมถึงของว่างและเครื่องดื่มบริการให้ฟรีตลอดทั้งวันในบริเวณล็อบบี้ ถือเป็นโรงแรมในทำเลดีที่ค่อนข้างสะดวกสบายและน่าเก็บไว้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งแห่งเลยทีเดียว
คลิกเพื่อจองที่พัก
อีกหนึ่งโรงแรมราคาดีในย่านสุดฮ้อตอย่างโดทงโบริ อยู่ห่างจากบริเวณป้ายกูลิโกะเพียงแค่ 300 เมตร เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาที่พักในโอซาก้าที่มาในรูปแบบของโฮสเทล สะดวกใจและปลอดภัยเพราะมีชั้นแยกพักระหว่างชาย - หญิงที่ชัดเจน ตัวที่พักตกแต่งอย่างเรียบง่ายและให้ความรู้สึกเคร่งขรึมแต่ทันสมัยด้วยการเน้นใช้โทนสีดำเป็นหลัก มีพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลางให้ได้ใช้พักผ่อนทั้งในสไตล์สากลและห้องแบบญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งที่พักราคาดีที่ควรเก็บไว้พิจารณา
คลิกเพื่อจองที่พัก
ถ้าคุณกำลังตามหาที่พักในโอซาก้าที่ราคาดี ทำเลสบายๆ ไม่ไกลจากแหล่งชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมือง ลองเก็บโรงแรมแห่งนี้เอาไว้พิจารณา เพราะตั้งอยู่ในทำเลเดินทางง่ายใกล้ทั้งสถานีรถไฟใต้ดินและสถานี JR อยู่ห่างจากย่านนัมบะเพียงแค่ไม่กี่สถานี ใกล้กันมีห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าชั้นนำให้ได้จับจ่ายกันได้แบบสะดวกสบาย และยังอยู่ใกล้สวนสัตว์และสวนสาธารณะ Tennoji อีกด้วย ตัวห้องพักขนาดกะทัดรัดตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีให้เลือกใช้บริการทั้งแบบเตียงและแบบฟูกญี่ปุ่น เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบครัน
คลิกเพื่อจองที่พัก
นับเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คหลักของโอซาก้าที่ถ้าไม่มาเยือนก็เหมือนยังมาไม่ถึง สร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ในปี ค.ศ.1583 แต่หลังผ่านสงครามและภัยธรรมชาติมาหลายครั้ง ทำให้ตัวปราสาทดั้งเดิมเสียหายไปตามกาลเวลา ตัวปราสาทที่เห็นในปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในปี ค.ศ.1931 ซึ่งใช้เงินทุนจากการระดมเงินบริจาคของชาวเมือง กำแพงของปราสาทแห่งนี้สร้างจากก้อนหินขนาดใหญ่ มีความสูงรวมประมาณ 30 เมตร ตัวปราสาทหากมองจากภายนอกจะเห็นเป็นปราสาทโบราณสูง 5 ชั้น แต่ความจริงแล้วปราสาทแห่งนี้มีความสูงทั้งหมด 8 ชั้น โดยมี 3 ชั้นสร้างลึกลงไปใต้ดิน ด้านในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติและที่มาของปราสาทแห่งนี้ รวมถึงจำลองวิถีชีวิตและเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ในสมัยก่อนไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและได้ศึกษาหาความรู้ พื้นที่รอบปราสาทมีความกว้างขวางสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง มีตัวอาคารล้อมรอบตัวปราสาทหลักจากทุกด้าน นอกจากนั้นยังมีต้นไม้จำนวนมากรายล้อมอยู่ ซึ่งต้นไม้เหล่านี้นี่เองที่เสริมให้ตัวปราสาทโอซาก้าแห่งนี้มีความงดงามเพิ่มขึ้นในแต่ละฤดูกาล ช่วงฤดูที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงามบริเวณนี้มากที่สุดต้องยกให้ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบาน เพราะรอบด้านของปราสาทแห่งนี้มีต้นซากุระรายล้อมอยู่ถึงราว 600 ต้น และอีกหนึ่งช่วงที่ว่ากันว่าเป็นเวลาที่ปราสาทนี้จะงดงามไม่แพ้ใคร นั่นคือในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งตัวปราสาทจะมีทิวทัศน์ที่งดงามจับใจและเต็มไปด้วยสีสันสวยงามสุดตระการตา และหากคุณกำลังมองหาที่พักน่าสนใจที่อยู่ไม่ไกลจากปราสาทแห่งนี้ เราก็มีตัวเลือกที่พักดีๆ มานำเสนอเพื่อให้คุณได้ใช้พิจารณา อาทิ
เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเช็คอินที่มาโอซาก้าแล้วก็ต้องห้ามพลาดการมาเยือน เพราะเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์คสำคัญอย่างป้ายกูลิโกะ ซึ่งไม่ว่าใครก็ต้องมาถ่ายรูปคู่เก็บไปเป็นที่ระลึกกันทุกคน ย่านนี้มีที่มาตั้งแต่ในช่วงปี ค.ศ.1612 ซึ่งมีพ่อค้าชื่อ ยาซุอิ โดทง ได้เริ่มโครงการขุดขยายลำคลองบริเวณนี้เพื่อต้องการขยายการคมนาคมและธุรกิจการค้า ภายหลังเมื่อการขุดคลองสำเร็จจึงมีการตั้งชื่อคลองแห่งนี้ตามชื่อของพ่อค้าว่า โดทงโบริ และต่อมาจึงกลายเป็นย่านธุรกิจที่มีการพัฒนาและเจริญเติบโตมาตามลำดับ มีทั้งโรงละครคาบูกิและร้านค้าเพิ่มขึ้นมากมาย จนในปัจจุบันนี้ ได้กลายเป็นย่านที่มีความคึกคักที่สุดในโอซาก้าไปแล้วเรียบร้อย โดยกลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตที่รวบรวมร้านรวงสารพัดเอาไว้มากมาย รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารชื่อดังที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาชิมกันอย่างไม่ขาดสาย เอกลักษณ์ที่เห็นได้ชัดของย่านนี้คือป้ายหน้าร้านอาหารที่นิยมทำเป็นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่โดดเด่นสะดุดตาไม่ว่าจะเป็นรูปปู ซูชิ เกี๊ยวซ่า ปลาหมึกหรือทาโกะยากิยักษ์ ซึ่งในเวลาค่ำคืนเมื่อผสานกับแสงสีมากมายทำให้ป้ายเหล่านี้กลายเป็นสีสันที่สร้างความสนุกสนานในการเดินเล่นบริเวณนี้ได้แบบไม่ซ้ำใคร และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายมุ่งหน้าแวะเวียนมาชื่นชมบรรยากาศสุดคึกคักกันชนิดแน่นเอี้ยดเกือบตลอดทั้งปี และหากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งกำลังมองหาที่พักดีๆ ในย่านนี้อยู่ละก็ เราขอนำเสนอ
เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนของร้านอาหารและร้านค้าส่วนใหญ่ เปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 – 23.00 น.
ถือว่าเป็นถนนช้อปปิ้งยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งของโอซาก้า แม้ว่าจะเป็นถนนสายสั้นๆ ที่มีความยาวเพียงแค่ประมาณ 600 เมตร แต่อัดแน่นไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 180 ร้าน ภายใต้บรรยากาศการช้อปและชิมแบบสุดชิลล์ที่สามารถเดินเล่นได้ในทุกฤดูกาล โดยบริเวณย่านชินไซบาชิแห่งนี้มีร้านชื่อดังตั้งอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นร้าน LUKE’s ร้านสุดฮิตจากนิวยอร์กที่มีแซนด์วิชปูและล็อบสเตอร์ให้ได้ชิมกันแบบสะใจ หรือใครที่เป็นสายหวานก็ต้องไม่พลาดร้านชีสเค้ก PABLO ร้าน CASTELLA GINSO และร้านอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งบางร้านก็มีที่นั่งให้บริการในร้านเพื่อความสะดวกอีกด้วย นอกจากของอร่อยทั้งหลาย ถนนสายนี้ก็ยังมีแบรนด์แฟชั่นสตรีทแวร์มากมายรอให้นักช้อปทั้งหลายได้แวะเข้าไปจับจ่ายกันได้แบบสุดเพลิน นอกจากนั้นยังมีคาเฟ่ ร้านขายยา ร้านขายเครื่องสำอาง และร้านขายของฝากตั้งเรียงรายกันไปตลอดทาง เรียกได้ว่ามาเดินย่านนี้ย่านเดียวก็สามารถกวาดซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้ แบบไม่ต้องไปเดินตามหาให้เสียเวลากันเลยทีเดียว และหากคุณเริ่มสนใจอยากทำความรู้จักกับที่พักใกล้ย่านนี้ เราขอแนะนำ
ร้านอาหารและร้านค้าส่วนใหญ่ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 – 21.00 น.
บางคนอาจจะรู้จักในชื่อ New Umeda City ตั้งอยู่ในบริเวณย่านใจกลางของเมืองโอซาก้า เป็นอาคารแฝดสูง 173 เมตรที่มีส่วนเชื่อมต่อถึงกันสองอาคาร โดยมีจุดเด่นอยู่ในบริเวณชั้นที่ 40 ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมขึ้นไปชมวิวมุมสูงของโอซาก้ากันจากบริเวณที่เรียกว่า Kuchu-Teien Observatory บนความสูง 170 เมตร จนทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดนิยมที่ต้องแวะมาเช็คอิน โดยที่ชั้น 39 มีการเปิดบริการร้านอาหารลอยฟ้าให้ได้อิ่มท้องและอิ่มตาไปกับวิวสวยๆ ได้ในขณะเดียวกัน นอกจากนั้น บริเวณด้านในของตึกนี้ยังเปิดบริการเป็นทั้งออฟฟิศ, ร้านค้า, โชว์รูม, อีเว้นท์ ฮอลล์ และโรงภาพยนตร์ รวมถึงในบริเวณชั้นใต้ดินของตึกนี้ยังมีร้านกินดื่มในบรรยากาศแบบย้อนยุค ซึ่งจำลองบรรยากาศถนนในสมัยโชวะของญี่ปุ่นเอาไว้ ให้บรรยากาศแปลกไม่ซ้ำใครและไม่ควรพลาดโอกาสในไปลองใช้บริการ ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งกำลังมองหาที่พักน่าสนใจใกล้กับบริเวณนี้อยู่ เราขอแนะนำตัวอย่างที่พักดีๆ เพื่อให้คุณได้นำไปใช้เป็นตัวเลือกในการพิจารณา อาทิ
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของย่าน Dotonbori ไปแล้วเรียบร้อย กับสัญลักษณ์ปูตัวมหึมาที่ขยับขาแกว่งไกวอยู่บนป้ายร้านด้านบน ตัวร้านตั้งอยู่ใกล้กับป้ายกูลิโกะยอดฮิตนั่นละ เมนูหลักของร้านนี้ก็แน่นอนว่าต้องเป็นปู โดยมีเสิร์ฟให้ทั้ง ปู Taraba ปู Suwai และ ปู Kegani หรือปูขนฮอกไกโด ภายในร้านมีที่นั่งให้ได้ใช้บริการ รวมถึงมีหลากหลายเมนูให้ได้เลือกชิมกัน ทั้งแบบดิบ แบบย่าง นึ่ง ต้ม เทมปุระ หรือชาบู ที่ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหนเกือบทุกคนที่ได้ชิมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟิน!
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 23.00 น.
เพราะทาโกะยากินั้นถือว่าเป็นหนึ่งเมนูชื่อดังประจำเมืองโอซาก้าที่เมื่อมาถึงแล้วต้องลอง แม้จะมีร้านอร่อยให้เลือกชิมอยู่หลายร้าน แต่ร้านนี้ถือว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงและมีความเก่าแก่เพราะเปิดขายมานานกว่า 40 ปี ปัจจุบันมีอยู่หลายสาขา แต่ร้านดั้งเดิมตัวร้านจะตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ America Mura ใกล้กับ Shinsaibashi ถือเป็นร้านดังที่มีการรีวิวลงนิตยสารและรายการโทรทัศน์มากมาย และได้คะแนนจากการรีวิวส่วนใหญ่ค่อนข้างดี ที่สำคัญร้านนี้เคยมีชื่อติดอยู่ใน Michelin Guide ติดต่อกันถึง 3 ปี! แต่จะอร่อยแค่ไหน ถูกปากชาวไทยอย่างเราๆ หรือไม่ คงต้องแนะนำให้ไปลองชิมกันเองละ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 – 20.30 น.
แม้ว่าชีสทาร์ตที่ความอร่อยขั้นเทพเจ้านี้จะมีการบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดสาขาให้ชิมกันแล้วในเมืองไทย แต่ไหนๆ ก็ไปถึงโอซาก้าทั้งที ก็น่าจะมีโอกาสได้ไปลิ้มรสร้านต้นตำรับแท้ๆ กันดูซักหน่อยเป็นไร กับชีสเยิ้มๆ แน่นๆ ที่มาในแป้งทาร์ตกรอบนอกนุ่มใน แถมยังมีรสชาติพิเศษมาให้ชิมกันตามเทศกาลใหญ่ทั้งหลายอีกด้วย ตัวร้านต้นตำรับตั้งอยู่ใกล้ๆ กับป้ายกูลิโกะในย่าน Dotonbori นี่ละ หาไม่ยากแน่นอน
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 23.00 น.
จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ทั้งจากสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ หลายสายการบินมีเส้นทางบินตรงสู่เมืองโอซาก้า โดยเมืองนี้มีท่าอากาศยานหลัก 2 แห่งคือ ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ (KIX) และท่าอากาศยานนานาชาติโอซาก้า โดยท่าอากาศยานนานาชาติคันไซจะใช้รองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นหลัก และท่าอากาศยานนานาชาติโอซาก้าจะให้บริการเที่ยวบินในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการเดินทางจากกรุงเทพฯ - โอซาก้า จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
โอซาก้า มีการคมนาคมครอบคลุมทุกจุดของเมืองหรือแม้แต่เมืองใกล้เคียง โดยมียานพาหนะให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทั้งรถไฟ JR, รถไฟใต้ดินและรถบัส ซึ่งการเดินทางท่องเที่ยวในโอซาก้าจะสะดวกมากหากเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่มากกว่า แม้จะเป็นเส้นทางที่ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังก็ตาม เนื่องจากรถไฟ JR อาจเข้าไม่ถึงพื้นที่บางจุด โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเดินทางได้หลายประเภท ทั้งแบบเติมเงินและแบบรายวัน แต่แนะนำว่าควรใช้ Osaka One Day Pass ซึ่งเป็นบัตรเดินทางที่ครอบคลุมได้ทุกยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการเดินทางของคุณ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งในด้านวัฒนธรรมอย่างปราสาทโอซาก้าหรืออุโมงค์เสาโทริอิที่สวยงามตระการตาแล้ว โอซาก้ายังมีแหล่งช้อปปิ้งมากมายที่รับรองว่านักช้อปทั้งหลายต้องถูกใจ ทั้งสินค้าที่เป็นของใช้หรือของฝากยอดนิยมทั้งหลายในย่าน Dotonbori หรือจะเป็นสินค้าแฟชั่นในย่านหมู่บ้านอเมริกา หรือ America Mura ที่เปรียบเสมือนฮาราจูกุของโอซาก้าก็เป็นแหล่งรวบรวมของน่าซื้อหาทั้งสองแห่ง แต่ที่พลาดไม่ได้คือการตะลุยชิมของอร่อยที่มีให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบ เพราะโอซาก้าได้ชื่อว่าเป็นครัวของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ในยุคก่อน จึงมั่นใจได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ในด้านอาหารการกินที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ ก็ในเมื่อของอร่อยมีพร้อมขนาดนี้แล้วนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ จะพลาดได้ยังไง?
นครโอซาก้าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจรองจากเมืองหลวงประเทศญี่ปุ่นอย่างโตเกียว เนื่องจากเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม เพียบพร้อมไปด้วยอาหารและแหล่งช้อปปิ้ง อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่สวยงามสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นก่อนเดินทางมาเยือนโอซาก้าควรจองที่พักล่วงหน้าประมาณ 2 - 3 เดือนเพราะคุณจะได้ที่พักที่แสนถูกใจและมาพร้อมกับราคาที่ถูกลงด้วยเช่นกัน
จำนวนที่พักทั้งหมด | 3,348 แห่ง |
เมืองยอดนิยม | โอซากะชิ, มิโนะชิ |
โรงแรมยอดนิยม | เซ็นทารา แกรนด์ โฮเต็ล โอซาก้า, สวิสโซเทล นันไค โอซาก้า |
แลนด์มาร์คยอดนิยม | โดทงโบริ, ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ เจแปน |