จองโรงแรมและรีสอร์ทสมุทรสาครง่ายๆ ติดที่เที่ยวชั้นนำ ราคาประหยัด กับ Traveloka ผู้ให้บริการจองออนไลน์แสนสะดวก มาพร้อมกับที่พักสมุทรสาคร ส่วนลดสูงสุด 80%
สมุทรสาคร ในปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย และมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์เข้ามาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีวิถีชีวิตน่าสนใจ รวมไปถึงมีตลาดข้าวของเครื่องใช้และอาหารเมียนมาร์วางขายอยู่เป็นจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าหากใครอยากลองซื้อหาข้าวของเครื่องใช้หรืออยากชิมอาหารพื้นถิ่นของเมียนมาร์ ก็สามารถมาหาชิมหาช้อปได้จากจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ แห่งนี้นี่เอง
สมุทรสาคร เป็นจังหวัดติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำท่าจีน ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนขนาดใหญ่ของชาวจีนที่นำเรือสำเภาเข้ามาจอดเทียบท่าเพื่อทำการค้าขาย ผู้คนส่วนใหญ่จึงเรียกแถบนี้ว่าชุมชนบ้านท่าจีน จนกระทั่งราวๆ ปี พ.ศ.2099 ได้มีการยกฐานะชุมชนบ้านท่าจีนขึ้นเป็นเมืองสาครบุรี เพื่อเป็นหัวเมืองด่านหน้าป้องกันข้าศึกที่จะรุกรานเข้ามาทางฝั่งทะเล และได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองสมุทรสาคร ซึ่งแปลว่าเมืองแห่งทะเลและแม่น้ำ ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และต่อมาในรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 ได้มีการเปลี่ยนแปลงคำนำหน้าจากเมืองมาเป็นจังหวัด บริเวณนี้จึงกลายเป็นจังหวัดสมุทรสาครมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล และมีพื้นที่ตอนล่างของจังหวัดติดกับทะเลเป็นระยะทางยาวเกือบ 42 กิโลเมตร ในขณะเดียวกันก็มีแม่น้ำท่าจีนเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านตอนกลางของจังหวัดลงสู่พื้นที่ทะเลอ่าวไทย และยังแยกย้ายกลายเป็นโครงข่ายแม่น้ำลำคลองขนาดเล็กลัดเลาะตลอดพื้นที่อีกเกือบ 170 สาย ทำให้สมุทรสาครกลายเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณธัญญาหารเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอาหารทะเล ซึ่งนับได้ว่าบริเวณนี้เป็นแหล่งค้าส่งอาหารทะเลขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ มากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนั้น สมุทรสาครยังมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของการทำนาเกลือโดยวิธีธรรมชาติ ด้วยการกักน้ำทะเลเอาไว้และใช้ความร้อนของแสงแดดทำให้เกิดการตกผลึกของเม็ดเกลือ ซึ่งในปัจจุบัน พื้นที่นาเกลือบางส่วนได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ เพราะมีทิวทัศน์สวยงามแปลกตาและแทบจะเรียกว่าหาดูได้เพียงแถบนี้เท่านั้นในประเทศไทย นอกจากนั้น สมุทรสาครในปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย และมีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์เข้ามาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีวิถีชีวิตน่าสนใจ รวมไปถึงมีตลาดข้าวของเครื่องใช้และอาหารเมียนมาร์วางขายอยู่เป็นจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าหากใครอยากลองซื้อหาข้าวของเครื่องใช้หรืออยากชิมอาหารพื้นถิ่นของเมียนมาร์ ก็สามารถมาหาชิมหาช้อปได้จากจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ แห่งนี้นี่เอง
เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้และเดินทางง่ายมากจากกรุงเทพฯ มหานคร ที่พักในสมุทรสาครจึงมีทั้งความสะดวกสบายและรูปแบบมากมายให้เลือก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลักษณะของโรงแรมในท้องถิ่น เซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ รีสอร์ท หรือโฮมสเตย์ขนาดกลางมากกว่าโรงแรมขนาดใหญ่โตหรูหรา เนื่องจากว่ามีพื้นที่จังหวัดในขนาดไม่ใหญ่มาก และจุดขายหรือสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเน้นพื้นที่ธรรมชาติชายฝั่งทะเลที่สงบเรียบง่าย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนา อาทิ วัดวาอารามต่างๆ เป็นหลัก บรรยากาศของที่พักส่วนใหญ่จึงเน้นการให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากความหวือหวาของโรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงความแตกต่างที่ผ่อนคลาย และให้อารมณ์ของการได้มาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศที่แท้จริง ในขณะที่เดินทางง่าย สะดวก และอยู่ใกล้กรุงเทพฯ เพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น และหากคุณอยากทำความรู้จักกับตัวอย่างที่พักน่าสนใจในสมุทรสาคร เราขอแนะนำตัวเลือกสำหรับการพิจารณา อาทิ จอลลี่สวีทแอนด์สปา – เพชรเกษม, เดอะ เรสซิเดนซ์ เทพกาญจนา และ เอสที อพาร์ทเมนท์ เป็นต้น
ที่พักในสมุทรสาครแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสงบและเป็นส่วนตัว เพราะตั้งอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนที่พลุกพล่านวุ่นวาย ตัวห้องพักตกแต่งเรียบง่าย โปร่งโล่งสบายตา แบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้อย่างสะดวก เป็นสัดส่วนและลงตัว มีอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้สำหรับชีวิตประจำวันอย่างครบครัน มีฟิตเนสและพื้นที่จอดรถให้บริการเพื่อความสะดวกสบาย
เป็นที่พักในสมุทรสาครซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอกระทุ่มแบน อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงอย่าง ตลาดน้ำดอนหวาย วัดไร่ขิง หรือลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน เป็นเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถจอดรถได้อย่างสะดวกสบาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนจึงง่ายต่อการมองหาร้านอาหาร ร้านค้า และร้านสะดวกซื้อ ห้องพักมีขนาดกะทัดรัดและตกแต่งอย่างเรียบง่าย แบ่งพื้นที่การใช้งานได้เป็นสัดส่วนและมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนที่อยากได้ที่พักในสมุทรสาครซึ่งเดินทางไม่ยากและตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง แต่อยู่ห่างจากความจอแจในเขตชุมชน ลองเก็บที่นี่ไว้พิจารณา เพราะอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยซึ่งมีความสงบและให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว มีพื้นที่จอดรถและพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลางที่ค่อนข้างกว้างขวางและสะดวกสบาย ตัวห้องพักแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเป็นสัดส่วน และมีอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันให้ค่อนข้างครบครัน
รีสอร์ทในพื้นที่ชายฝั่งติดริมทะเลแห่งนี้ เป็นที่พักในสมุทรสาครที่ค่อนข้างให้ความรู้สึกสงบและเป็นส่วนตัวสูง เพราะตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่กลางเมืองหรือแหล่งชุมชน ให้บรรยากาศและทิวทัศน์ชายฝั่งที่ปราศจากความวุ่นวาย ด้านนอกบ้านพักเป็นบ้านเดี่ยวไซส์กะทัดรัดที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ภายในเน้นการใช้สีขาวเพื่อความผ่อนคลาย โปร่ง โล่ง และสะอาดสบายตา มาพร้อมอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างครบครัน มีบริการร้านอาหารและคาเฟ่เครื่องดื่มในบริเวณรีสอร์ทจึงสะดวกสบาย เหมาะกับคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนสุดผ่อนคลายแต่เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักในสมุทรสาครซึ่งให้บรรยากาศสุดผ่อนคลาย และห่างไกลจากความพลุกพล่านวุ่นวายของตัวเมือง ที่นี่เรียกได้ว่าตอบโจทย์ที่คุณต้องการ เพราะเป็นรีสอร์ทซึ่งให้บริการบ้านพักหลังเดี่ยวขนาดกะทัดรัดที่ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ทุกหลังตกแต่งสวยงามสะอาดตาแต่เรียบง่ายเพราะเน้นการใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาวเป็นหลัก มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบครัน พร้อมทิวทัศน์สวยงามสบายตาของแนวทะเลชายฝั่ง และยังมีคาเฟ่และร้านอาหารเปิดให้บริการในพื้นที่รีสอร์ทอีกด้วย
สำหรับใครที่ชื่นชอบการตกแต่งในสไตล์เรียบเท่แนวลอฟท์ น่าจะถูกใจกับรูปแบบของที่พักแห่งนี้ เนื่องจากเป็นที่พักในสมุทรสาครที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอกระทุ่มแบน อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ ทางศาสนาอย่างพุทธมณฑล หรือหากอยากเดินทางไปตลาดน้ำดอนหวายก็อยู่ในระยะทางแค่ราวๆ 8 กิโลเมตรเท่านั้น ตัวห้องพักมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบผนังปูนเปลือยเรียบง่ายให้อารมณ์ลอฟท์ หรือจะเป็นห้องที่ใช้แนวสีอ่อนหวานสบายตาอย่างขาว ครีม หรือพาสเทล ทุกห้องมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างครบครัน
เป็นอีกหนึ่งที่พักในสมุทรสาครที่เปิดให้บริการในลักษณะของเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ ในทำเลอำเภอเมือง มาพร้อมพื้นที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบายให้ความรู้สึกเป็นสัดส่วน ตัวห้องพักมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง ตกแต่งอย่างเรียบง่าย พร้อมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน แบ่งสัดส่วนพื้นที่การใช้งานของห้องพักเอาไว้ได้อย่างลงตัว และมีรูปแบบห้องพักให้เลือกได้ตามความต้องการ
เป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี ที่ตั้งอยู่ในบริเวณริมแม่น้ำท่าจีน ไม่ปรากฏหลักฐานในการสร้างที่ชัดเจน เนื่องจากเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้จนเกิดความเสียหายเกือบทั้งหมด เหลือแค่บริเวณพระอุโบสถเท่านั้น แต่ก็สันนิษฐานได้ว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นมาท่ามกลางชุมชนชาวจีนโบราณ ด้วยลักษณะโครงสร้างของพระอุโบสถไม้สักซึ่งมีหลังคาแอ่นโค้งคล้ายเก๋งจีน เสาระเบียงเฉียงออกทั้งสี่ด้าน ด้านหน้ามีเจดีย์สององค์ซึ่งเคยมีเรือสำเภาจีนสร้างจากคอนกรีตสองลำ ซึ่งปัจจุบันสูญหายไปหมดแล้ว ไฮไลท์ของวัดนี้อยู่ที่องค์พระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่าหลวงพ่อปู่ ที่นอกจากจะเก่าแก่และมีพุทธลักษณะงดงามแล้ว ยังมีความแปลกเพราะสวมแว่นกันแดดสีดำ! ซึ่งเดิมที หลวงพ่อปู่องค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดช่องสะเดา วัดร้างเก่าแก่ริมแม่น้ำท่าจีนซึ่งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ผุพังไปหมดแล้ว ชาวบ้านจึงทำการอัญเชิญองค์พระล่องลงมาทางเรือ เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดโกรกกรากได้มีลมพายุและเกิดฝนตกหนักจนเรือไม่สามารถแล่นต่อไปได้ ชาวบ้านจึงทำการจอดเรือและอัญเชิญองค์พระขึ้นมาบนบกเพื่อมิให้โดนฝน แต่พอถึงเวลาจะยกองค์พระลงเรือเพื่อเดินทางต่อกลับไม่สามารถยกขึ้นได้ จึงมีการเสี่ยงทายตั้งจิตอธิษฐานกันว่าหากองค์หลวงพ่อปู่ต้องการจะประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้ ขอให้สามารถยกขึ้นไปประดิษฐานยังพระอุโบสถได้ จากนั้นจึงร่วมมือกันยกองค์พระไปประดิษฐานได้สำเร็จ ความศักดิ์สิทธิ์ในคราวนั้นทำให้องค์หลวงพ่อปู่กลายเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านในย่านนี้ จนกระทั่งครั้งหนึ่งเกิดโรคตาแดงระบาดหนัก ชาวบ้านจึงพากันมาบนบานว่าหากหายจากโรคตาแดงจะนำทองมาปิดบริเวณตาขององค์หลวงพ่อปู่ ซึ่งก็ปรากฏว่าโรคระบาดได้หายไป จากนั้น ชาวบ้านจึงนำทองมาปิดตามที่ได้บนบานเอาไว้จนส่งผลให้องค์พระเกิดความไม่สวยงาม เจ้าอาวาสในขณะนั้นจึงทำการแก้ไขด้วยการนำแว่นกันแดดมาสวมใส่ไว้ที่องค์พระแทน และหลังจากนั้นชาวบ้านจึงใช้การถวายแว่นตาในการแก้บนแทนการปิดทององค์หลวงพ่อปู่มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ และหากคุณสนใจอยากได้ที่พักซึ่งใกล้กับวัดโกรกกรากแห่งนี้ เราขอแนะนำ แกรนด์ อินเตอร์ โฮเทล, ชาน เล รีสอร์ท แอนด์ ซีฟู้ด และ เดอะ เรสซิเดนซ์ เทพกาญจนา เพื่อไว้ใช้เป็นตัวเลือกในการเดินทางของคุณ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00 – 18.00 น.
วัดโคกคามตั้งอยู่ในตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือราวๆ พ.ศ.2222 ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างซึ่งโดดเด่นในเรื่องความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบโบราณอยู่หลายจุด ตั้งแต่องค์พระเจดีย์เก่าแก่ที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมการก่อสร้างแบบอยุธยา ตัวพระอุโบสถด้านหน้าก็มีหน้าบันที่ช่างโบราณฝากฝีมือการแกะสลักที่งดงามอ่อนช้อยเอาไว้ นอกจากนั้น ในวัดนี้ยังเป็นสถานที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่สำคัญอีกมากมาย อาทิ ชิ้นส่วนของเรือพระที่นั่งเอกชัยและศาลเพียงตา ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานเรื่องพันท้ายนรสิงห์ รวมถึงองค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ขององค์พระพุทธสิหิงค์ที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งมีอยู่ในจังหวัดกรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และในสมุทรสาครแห่งนี้ โดยนับได้ว่าหลวงพ่อสัมฤทธิ์องค์นี้เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสมุทรสาคร โดยเป็นพระพุทธรูปในยุคต้นของเชียงแสนที่มีอายุเก่าแก่ราว 300 ปี และมีพุทธลักษณะที่สวยงามแปลกตา นอกจากชมความสวยงามของศิลปะโบราณแล้ว ยังสามารถล่องเรือชมสถานที่ต่างๆ สองฝั่งคลองโคกขาม หรือจะแวะช้อปปิ้งสินค้าโอท็อปเมืองสมุทรสาคร อาทิ ขนมไทยหลากหลายชนิด ถ้วยชามสังคโลก หรือเรือประมงจำลอง ได้จากในบริเวณรอบๆ วัดแห่งนี้อีกด้วย หากคุณกำลังมองหาที่พักใกล้กับวัดโคกขามแห่งนี้ เรามีตัวเลือกที่น่าสนใจมานำเสนอให้คุณไว้ใช้พิจารณา อาทิ แกรนด์ อินเตอร์ โฮเทล, ibis Bangkok Impact hotel และ Inter Residence and Hotel เป็นต้น
ตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ ในอำเภอเมือง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่คนรุ่นหลังให้ระลึกถึงคุณงามความดีในด้านความซื่อสัตย์ของพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัย ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 แห่งกรุงศรีอยุธยา อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเรือพระที่นั่งมาถึงยังบริเวณนี้ ได้เกิดเหตุทำให้เรือพระที่นั่งเกิดความเสียหาย พันท้ายนรสิงห์จึงได้ขอรับโทษประหารตามโบราณราชประเพณี ทั้งที่องค์พระเจ้าเสือพยายามจะหาทางผ่อนปรนลดหย่อนโทษให้ จึงทำให้พันท้ายนรสิงห์ได้รับการยกย่องในเรื่องของความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อหน้าที่มาจนถึงในปัจจุบัน โดยตามตำนานกล่าวว่ามีการสร้างศาลเพียงตาเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พันท้ายนรสิงห์ขึ้นในบริเวณที่เป็นจุดประหาร ซึ่งเชื่อกันว่าคือบริเวณศาลแห่งนี้นี่เอง โดยตัวศาลที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นการสร้างขึ้นมาใหม่แทนตัวศาลเดิมซึ่งได้ผุพังไปตามกาลเวลา และสร้างขึ้นโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2493 ซึ่งในปัจจุบัน ชาวบ้านนิยมมากราบไหว้บนบานศาลกล่าว และหากได้ตามความต้องการก็มักนิยมแก้บนด้วยนวม ไม้พาย หรือรูปปั้นไก่แก้ว นอกจากนั้น ในบริเวณใกล้กันยังมีซากเรือโบราณ อายุประมาณ 300 ปี ซึ่งเชื่อกันว่าเรือลำนี้น่าจะเป็นเรือลำหนึ่งในขบวนเสด็จของพระเจ้าเสือในครั้งนั้นนั่นเอง หากคุณกำลังสนใจอยากได้ที่พักใกล้ๆ ในบริเวณนี้ เรามีตัวอย่างที่พักซึ่งอาจจะโดนใจคุณมานำเสนอ อาทิ Taweesuk Residence, จอลลี่สวีทแอนด์สปา – เพชรเกษม และ แกรนด์ อินเตอร์ โฮเทล เป็นต้น
เปิดบริการทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. และเสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00 – 19.00 น.
เป็นจุดชมวิวขึ้นชื่อใกล้กับศาลเจ้าพ่อมัจฉานุ ตั้งอยู่ในตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง ตัวสะพานเป็นสะพานไม้ทาสีแดงสดยาวเหยียดสุดสายตา รองรับฐานสะพานด้วยเสาปูนแข็งแรงคงทน โดยสร้างขึ้นเมื่อราว 6 ปีที่แล้ว เพื่อใช้เป็นจุดชมทิวทัศน์ของป่าชายเลนริมฝั่งทะเล และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วย ในสมัยก่อนช่วงเดือนพฤศจิกายน - มกราคมของทุกปี มักจะมีฝูงโลมาว่ายเข้ามาในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าอาจจะมีโอกาสพบเห็นได้น้อยลงแล้วในปัจจุบันนี้ แต่สะพานแดงก็ยังคงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เข้ามาเดินเล่นชมความสวยงามของทิวทัศน์อันน่าประทับใจได้อยู่ดี เนื่องจากมีสีสันสดใสและเป็นสะพานไม้ที่ทอดตัวยาวขนานไปกับชายทะเลประมาณ 700 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาใช้เป็นจุดถ่ายรูปที่ระลึกซึ่งจะได้วิวแปลกตาน่าสนใจ นอกจากนั้น ในบริเวณใกล้กันยังมีร้านอาหารทะเลเปิดให้บริการอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาใช้เวลาพักผ่อนในบริเวณนี้กันอยู่หนาตา โดยเฉพาะในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกซึ่งนับว่าเป็นช่วงไฮไลท์ในบริเวณนี้เลยทีเดียว หากคุณกำลังสนใจอยากได้ที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสะพานแดงแห่งนี้ เรามีตัวอย่างที่พักดีๆ อย่างเช่น ชาน เล รีสอร์ท แอนด์ ซีฟู้ด มานำเสนอให้คุณลองใช้พิจารณา
ร้านอาหารกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ในวงล้อมของแมกไม้สีเขียวสบายตา ตัวร้านเน้นใช้วัสดุธรรมชาติในการสร้างและตกแต่ง บรรยากาศเปิดโล่งรับลมเย็นสบายภายนอก เน้นเสิร์ฟเมนูจากอาหารทะเลสดๆ รสอร่อยซึ่งเป็นวัตถุดิบในท้องถิ่น เมนูที่น่าสนใจได้แก่ ปลากะพงทอดน้ำปลา หอยหลอดผัดฉ่า และปลาทูต้มมะดัน
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 034 - 845252
อีกหนึ่งร้านบรรยากาศดีที่อยู่ติดริมฝั่งทะเล มองเห็นวิวสบายๆ ได้ในขณะนั่งกินอาหารรสอร่อย ตัวร้านตกแต่งในรูปแบบสบายๆ ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เมนูส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบสดๆ จากในท้องถิ่น เมนูที่น่าสนใจได้แก่ ปูไข่ดอง ปลาทูซาเตี๊ยะ และกุ้งทอดพริกเกลือ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 094 - 3403355, 087 - 1551174
ร้านอาหารบรรยากาศง่ายๆ ที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง แม้บรรยากาศจะไม่ได้ชวนให้ฟินเท่ากับหลายร้าน แต่รสชาติอาหารที่นี่ไม่นับว่าเป็นรองใครแน่นอน ประเภทอาหารที่มีเสิร์ฟก็แน่นอนว่าต้องเน้นไปทางอาหารทะเล เพราะเป็นวัตถุดิบสดอร่อยที่มีอยู่ในท้องถิ่น เมนูที่น่าสนใจได้แก่ เนื้อปูผัดพริกขี้หนู ปลากะพงทอดน้ำปลา และหอยจ๊อ
เปิดบริการทุกวัน (เว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10.30 – 20.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 034 - 421935, 086 - 6118191
สนามบินที่ใกล้จังหวัดสมุทรสาครที่สุดได้แก่ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ในกรุงเทพมหานคร จากนั้นต้องเดินทางต่อด้วยรถยนต์หรือรถประจำทาง
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดสมุทรสาคร สามารถไปได้หลายเส้นทาง ดังนี้
เส้นทางที่ 1 จากแยกบางปะแก้ว ไปตามทางหลวงหมายเลข 35 ถนนธนบุรี - ปากท่อ (ถนนพระรามที่ 2) ผ่านที่ทำการเขตบางขุนเทียน ด่านชั่งน้ำหนักเอกชัย ถึงสี่แยกมหาชัย ประมาณกิโลเมตรที่ 28 เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองสมุทรสาคร ระยะทาง 29 กิโลเมตร
เส้นทางที่ 2 จากศูนย์การค้าดาวคะนองไปตามถนนเอกชัย ผ่านสะพานบางขุนเทียน วัดสิงห์ แยกบางบอน โรงเรียนศึกษานารี วัดโพธิ์แจ้ ตำบลคอกกระบือ ด่านชั่งน้ำหนักเอกชัย เคหะชุมชนมหาชัยเข้าสู่ตัวเมืองสมุทรสาคร ระยะทาง 30 กิโลเมตร
เส้นทางที่ 3 จากสี่แยกท่าพระไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษมถึงหนองแขมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพชรเกษม 81 ถึงแยกถนนเอกชัยเลี้ยวขวาไปตามถนนเอกชัยผ่านโรงเรียนศึกษานารี ด่านชั่งน้ำหนักเอกชัย เข้าสู่ตัวเมืองสมุทรสาคร ระยะทาง 30 กิโลเมตร นอกจาก นี้ ยังสามารถใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม เลยบางแคแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวงแหวนรอบนอกจะไปตัดกับถนนเอกชัย วกรถกลับเข้าถนนเอกชัย หรือตรงไปเข้าถนนธนบุรี - ปากท่อก็ได้ หรือจากถนนเพชรเกษมผ่านอ้อมน้อย แยกเข้าถนนเศรษฐกิจ 1 บริเวณกิโลเมตรที่ 25 ผ่านอำเภอกระทุ่มแบนได้อีกเส้นทางหนึ่ง
เส้นทางที่ 4 จากสะพานพระปิ่นเกล้า ไปตามถนนบรมราชชนนี ตัดเข้าถนนเพชรเกษมได้ 3 ทาง คือ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 พุทธมณฑลสาย 4 และพุทธมณฑลสาย 5 จากนั้นเลือกเข้าตัวเมืองสมุทรสาครได้ 2 ทาง คือ จากพุทธมณฑลสาย 2 ออกถนนเอกชัย เลี้ยวขวาผ่านโรงเรียนศึกษานารี ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร หรือใช้พุทธมณฑลสาย 4 และพุทธมณฑลสาย 5 เข้าถนนเศรษฐกิจ 1 ที่แยกอ้อมน้อย ผ่านอำเภอกระทุ่มแบน ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถนนวงแหวนรอบนอก ซึ่งตัดผ่านถนนเอกชัยและถนนธนบุรี - ปากท่อได้อีกด้วย
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการเดินรถประจำทางไปจังหวัดสมุทรสาครทุกวัน จากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่เวลา 4.30 - 21.30 น.
จากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดสมุทรสาคร มีบริการรถไฟออกจากสถานีวงเวียนใหญ่ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา 5.30 - 20.10 น. ไปสุดปลายทางสถานีรถไฟมหาชัย
มีบริการรถรับจ้างหลากหลายประเภทในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สองแถว และรถโดยสารประจำทาง
นอกจากการไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคลจากหลากหลายวัดที่เรียงรายอยู่ในจังหวัดสมุทรสาครแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาด นั่นคือการเดินเล่นแวะชม ชิม และช้อปปิ้งสินค้าโอท็อปมากมายจากหลายตลาดที่เน้นบรรยากาศแบบพื้นบ้านเป็นหลัก อย่างเช่น ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ หรือตลาดน้ำพันท้ายนรสิงห์ เป็นต้น โดยสินค้าที่มีให้เลือกซื้อหาก็มักจะเป็นผลิตภัณฑ์ในชุมชนต่างๆ อาทิ อาหารพื้นบ้าน ขนมไทยโบราณ ข้าวของเครื่องใช้และงานฝีมือหลากหลายประเภท เป็นต้น
หมู่บ้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องเบญจรงค์ชั้นดี อาทิ ถ้วยโถโอชาม จาน แจกัน และภาชนะอีกหลากหลายรูปแบบด้วยรูปร่างสวยงามและลวดลายที่วิจิตรบรรจง เช่น ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายไม้เลื้อย ลายจักรี ลายประเพณีไทย ฯลฯ จนเครื่องเบญจรงค์ของที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาว มาตรฐานสากล ทุกวันนี้จึงมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้ร่วมเข้าไปเรียนรู้กระบวนการและขั้นตอนการผลิตเครื่องเบญจรงค์ชั้นดีเหล่านี้ เพื่อเป็นการส่งต่อความรู้และป้องกันการสูญหายของงานฝีมือในท้องถิ่นนั่นเอง
ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Unseen ของจังหวัดสมุทรสาครเลยทีเดียว เดิมทีศาลากลางทะเลแห่งนี้เป็นศาลาไม้ไผ่ที่ใช้เฝ้าหอยแมลงภู่และใช้สังเกตการณ์สภาวะของน้ำทะเล แต่ในภายหลังศาลาแห่งนี้ได้เกิดการพังทลายลงเพราะภัยธรรมชาติ ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันบูรณะขึ้นมาใหม่ให้กลายเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระพุทธมหาสมุทร และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือฝ่าลมทะเลเข้าไปกราบนมัสการพระกลางน้ำองค์นี้ โดยสามารถลงเรือได้จากร้านอาหารครัวชายทะเล และว่ากันว่าหากวันไหนโชคดี นักท่องเที่ยวที่ล่องเรือมาในบริเวณนี้อาจจะมีโอกาสได้เห็นฝูงปลาโลมาและปลาวาฬบลูด้าซึ่งจะว่ายน้ำเข้ามาโผล่ให้เห็นอีกด้วย
จำนวนที่พักทั้งหมด | 27 แห่ง |
เมืองยอดนิยม | อำเภอเมืองสมุทรสาคร, นาดี |
โรงแรมยอดนิยม | จอลลี่สวีทแอนด์สปา - เพชรเกษม, จอลลี่ สวีท เพชรเกษม |
แลนด์มาร์คยอดนิยม | วัดบ้านไร่เจริญผล, มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร |